อุทยานแห่งชาติ อู่หลิงหยวน .. ภูเขาอวตาร
อุทยานแห่งชาติอู่หลิงหยวน ( Wulingyuan National Park ) .. ภูเขาอวตาร
“อุทยาน Wulinyaun” คนไทยนิยมเรียกว่า “อุทยานจางเจียเจี้ย” ซึ่งก็คือการเรียกตามชื่อเมืองอันเป็นที่ตั้งของอุทยานนั่นเอง ..
Wulingyuan ([ù.lǐŋ.ɥɛ̌n], จีน: 武陵源) ตั้งอยู่ในเมืองจางเจียเจี้ย และอยู่ห่างจากฉางซา เมืองหลวงของมณฑลหูหนานไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 270 กิโลเมตร อุทยานครอบคลุมพื้นที่ 690 ตารางกิโลเมตร พื้นที่สวยงามประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติ 4 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย เขตอนุรักษ์ธรรมชาติหุบเขาซัวซี เขตอนุรักษ์ธรรมชาติภูเขาเทียนซี และพื้นที่ชมวิวหยางเจียเจี้ยที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยรวมแล้วมีสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่า 560 แห่ง
อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในระดับ 5 A : AAAAA กลุ่มแรกๆของเมืองจีน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในระดับเกรดเอที่ดีที่สุด .. ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2535
ที่นี่ เสาหินทรายควอทซ์ไซต์มากกว่า 3,000 ต้นและยอดเขาทั่วพื้นที่ โดยหลายแห่งมีความสูงกว่า 200 เมตร พร้อมด้วยหุบเขาและช่องเขาหลายแห่งที่มีลำธาร สระน้ำ ทะเลสาบ แม่น้ำ และน้ำตกที่งดงาม มีถ้ำ 40 ถ้ำ
.. โดยหลายแห่งมีแคลไซต์สะสมอยู่เป็นจำนวนมาก และมีสะพานธรรมชาติชื่อ Tianqiashengkong (แปลว่า 'สะพานข้ามท้องฟ้า') ซึ่งเป็นหนึ่งในสะพานธรรมชาติที่สูงที่สุดในโลก พื้นที่นี้ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์หลายชนิดที่มีความเสี่ยง เช่น รู หมีดำเอเชีย และกวางน้ำจีน
Photo : Go Went Go
วันนี้เราจะไปชมธรรมชาติที่สวยงามใน เขต Yuanjiajie ..
หยวนเจียเจี้ย แปลว่า "ดินแดนของตระกูลหยวน" ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของร่องลึก Shadao เป็นภูมิประเทศแบบคาร์สต์ระดับโลกและเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องเสาหินทราย หยวนเจียเจี้ยเป็นพื้นที่ชมวิวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในวนอุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย จึงมีทิวทัศน์ธรรมชาติที่ดีที่สุด
Photo : Go Went Go
หากเคยดูหนังชื่อดังอย่าง Avatar น่าจะคุ้น ๆ กับฉากหินผาอันแสนสวยงามและอลังการของดาว Pandora จากในหนัง ซึ่งคาดกันว่า น่าจะมีไอเดียมาจากรูปร่างที่แปลกตาของหินที่นี่ไม่มากก็น้อย แล้วนำไปใส่เอฟเฟ็คให้อลังการมากขึ้น .. และว่ากันว่า ของจริงนั้น สวยงามไม่ได้แพ้ในหนังเลย
.. เราจะไปเดินตามรอยหนังดังเรื่องนี้กันค่ะ
หุบเขาอวตาร
อิทธิพลของภาพยนตร์เรื่อง “อวตาร” (Avatar) ( โดยผู้กำกับชื่อดัง “เจมส์ คาเมรอน”) ทำให้เมือง“จางเจียเจี้ย”มีชื่อเสียงโด่งดังระบือไกล ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาสัมผัสกับความสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจของ “ขุนเขาอวตาร” อันน่ามหัศจรรย์
เมื่อหนังเรื่องอวตารลาจอนานแล้ว แต่ความโด่งดังของ “ขุนเขาจักรพรรดิ” ที่ใช้เป็นฉากสำคัญของหนังเรื่องนี้ยังดำรงคงอยู่ ทางการจีนโดยรัฐบาลท้องถิ่นจึงเปลี่ยนชื่อเรียกขานขุนเขาแห่งนี้เสียใหม่ว่า “ภูเขาฮัลเลลูยาห์แห่งอวตาร” (Avatar Hallelujah Mountain)
แต่สุดท้ายแล้ว เหล่านักท่องเที่ยวทั้งชาวจีน ชาวไทย ชาวต่างชาติ นิยมเรียกขุนเขาแห่งนี้ตามชื่อหนังอวตารว่า “ภูเขาอวตาร” หรือ “ขุนเขาอวตาร” ซึ่ง ณ วันนี้ ขุนเขาอวตารถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในอันดับต้นๆของเมืองจีน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมความมหัศจรรย์ของขุนเขาแห่งนี้กันไม่ได้ขาด
การเดินทางขึ้นไปชม “ภูเขาอวตาร” .. เมื่อเดินทางมาถึงยังอุทยานฯจางเจียเจี้ยแล้ว เราเริ่มต้นที่ทางขึ้นด้าน Wullingyuan East Gate .. ซึ่งจะมีรถบัสเพื่อนำเราไปขึ้นกระเช้าที่ Tianzi Mountain Cableway ลักษณะของอาคารคล้ายๆเจดีย์
ลานรอบๆมีอาคารร้านค้า ซึ่งในเวลาค่ำคืนจะเปิดไฟสว่างไสว สวยงาม
ด้านในของ Wullingyuan East Gate ต้องใช้การสแกนพาสปอร์ตเข้าไป .. การผ่านเข้าไปก็สะดวกสบายมาก
.. จากนั้นจะเป็นสถานีรถบัส เพื่อนำเราไปยังจุดหมายได้อีกมากมายหลายแห่ง
อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย มีขนาดใหญ่มากมีถนนหลายสายตัดกัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากป้ายบางป้ายไม่เป็นมิตรต่อผู้ใช้มากนัก และวิธีการเดินทางอาจแตกต่างกันไป จึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับผู้มาเยือนที่จะเดินทางโดยไม่มีไกด์ ดังนั้นทางที่ดีกว่า คือ คุณควรเข้าร่วมกรุ๊ปทัวร์หรือจ้างไกด์เพื่อการเดินทางอย่างมีประสิทธิภาพ
.. เราไปกับไกด์ เลยไม่ต้องจำอะไรมากมาย คอยฟังและเดินตามที่ไกด์บอกอย่างเดียว
ในช่วงแรก เรานั่งรถบัสไปขึ้น Cable Car เพื่อไปขึ้นลิฟท์แก้วสู่ยอดเขา
พอมาถึงลานหน้าสถานีลิฟท์แก้ว .. เราถือโอกาสเก็บภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจของบรรยากาศที่เฝ้ารอคอยมานาน
.. รวมถึงชูบัตรโดยสารลิฟท์แก้วขึ้นถ่ายภาพคู่กับลิฟท์ของจริงซะหน่อย .. เรามาถึงจริงๆแล้วน๊า
สำหรับลิฟต์แก้วขึ้น-ลง ยอดขุนเขาอวตาร มีชื่อเรียกขานว่า “ไป่หลง” (Bailong) หรือที่เรียกว่า Bailong Sky Lift ซึ่งเป็นลิฟต์แก้วกลางแจ้งอันแรกของเอเชียที่สร้างขึ้นเลียบหน้าผาสูงชันที่สูงที่สุดในโลกถึง 326 เมตร แต่ว่าใช้เวลาบรรทุกผู้คนขึ้น-ลง เพียงแค่ 1.58 นาที
... ลิฟต์ตัวนี้สร้างปี 2000 เสร็จปี 2003 เป็นลิฟต์ 2 ชั้น จุคนได้ประมาณ 20 คนต่อชั้น โดยระหว่างลิฟท์เคลื่อนตัวพ้นจากช่องเขาแล้ว เมื่อมองผ่านกระจกจะเห็นวิวทิวทัศน์ของขุนเขาและหุบเหวลึกแห่งดินแดนอวตารเป็นการเรียกน้ำย่อย .. ลิฟต์ไป่หลงจึงสร้างความประทับใจให้กับผู้คนมากมาย
ขุนเขาอวตาร มีชื่อเรียกขานในภาษาจีนว่า “เทียนจื่อซาน” หรือ “ขุนเขาจักรพรรดิ” ทั้งนี้มีข้อมูลน่าสนใจระบุว่า เดิมกลุ่มขุนเขาชุดนี้มีชื่อเรียกขานกันว่า “ภูผาแห่งฟากฟ้าแดนใต้” (Southern Sky Column) เพราะตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลหูหนาน
ขุนเขาอวตารและกลุ่มขุนเขาในอุทยานฯจางเจียเจี้ยเป็นภูเขาหินทราย มีอายุเก่าแก่ราว 380 ล้านปี สันนิษฐานว่า บริเวณแห่งนี้เคยเป็นทะเลมาก่อน ต่อมาเปลือกโลกได้ยุบตัว จากนั้นก็ถูกลม ฝน กัดเซาะจนเกิดเป็นป่าขุนเขาหินยักษ์อันน่ามหัศจรรย์ดังในปัจจุบัน
เมื่อลิฟต์แล้วเคลื่อนขึ้นมาถึงบนยอดเขา จะมีเส้นทางเดินเลาะเลียบผา (ส่วนใครที่เดินไม่ไหวเขามีเกี้ยวไว้บริการให้พนักงานแบกนั่งชมวิวทิวทัศน์กัน) ชมบรรยากาศของขุนเขาอวตารในกลิ่นอายดาวแพนดอร่า .. หุบเขาอวตาร ประกอบด้วยขุนเขากว่า 3 พันยอด โดยยอดสูงสุดนั้น สูง 1,250 เมตรจากระดับน้ำทะเล
หลังจากขึ้นไปบนภูเขาแล้ว เราต้องเดินไปตามทางเดินไม้ ที่มีชื่อเรียกว่า “สะพานธรรมชาติแห่งแรกใต้สวรรค์” .. บริเวณนี้ดูเหมือนจะเป็นป่าโปร่งที่มีลิงจำนวนไม่น้อยมายึดเอามาเป็นบ้านของพวกมัน และมักจะเดินป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้คนที่เดินผ่านไป-มา
แม้ว่าลิงจะน่ารัก แต่บางครั้งพวกมันก็ก้าวร้าว .. นักท่องเที่ยวควรรักษาระยะห่างจากพวกมันอย่างเหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บที่ไม่จำเป็น
เดินไปทางทิศตะวันออกราว 800 เมตร .. เรามาถึงจุดชมวิวที่มีชื่อว่าเวทีแห่งมนต์เสน่ห์ (Enchanting Stage) ตั้งอยู่บนขอบหน้าผา
เมื่อยืนอยู่ที่นี่ นักท่องเที่ยวสามารถเห็นเสาหินจำนวนนับไม่ถ้วนที่หยั่งรากอยู่ในหุบเขาลึกและลอยอยู่เหนือทะเลเมฆ
.. มองดูเหมือนฉากในหนังดัง Avatar เปี๊ยบเลยค่ะ
The Long Life Pool … บ่ออายุยืนหมื่นปี มีรูปปั้นของเต่า สัญลักษณ์ของการมีชีวิตที่ยืนยาว
ระหว่างทางจะมีจุดให้หยุดชมวิวป่าแท่งหินยักษ์แห่งขุนเขาอวตารเป็นระยะ .. ยอดเขาอวตารส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายๆกัน คือเป็นแท่งเขาหินขนาดยักษ์ตั้งตระหง่านขึ้นมาจากหุบเหวลึก สูงทิ่มแทงเสียดฟ้าขึ้นมา ท่ามกลางธรรมชาติแวดล้อมของแนวเทือกเขาและป่าไม้อันเขียวขจี ธรรมชาติแวดล้อมที่สมบูรณ์
เสาหินที่มีรูปร่างคล้าย 4 ผู้นำของจีน ที่ปรากฏรูปบนธนบัตรฉบับละ 100 หยวน
เสาหินเหล่านี้มีรูปร่างที่น่าทึ่งจริงๆ มองดูเหมือนจะมีความสูงใกล้เคียงกันอย่างน่าอัศจรรย์มาก .. ราวกับว่าเทพเจ้าได้แยกภูเขาออกด้วยขวาน แล้วใช้มีดตัดเสาทีละต้นจน จนกลายเป็นรูปทรงที่สวยงามในปัจจุบัน
.. ด้านทิศตะวันออก ทิศใต้และทิศตะวันตกของเขาเทียนจื่อซานนั้นเต็มไปด้วยผาสูงชัน เหวลึก และป่าหิน หินยักษ์ในรูปลักษณะต่างๆ ยืนตระหง่านค้ำฟ้า
.. ด้วยความชื้นที่สะสมกันอยู่มาก บ่อยครั้งในขณะที่เราเดิน จะมีหมอกรวมตัวกัน และเหมือนเมฆจะลอยขึ้นมาจากภูเขา และทำให้เสาหินเหล่านี้ดูเหมือนภาพลวงตาเป็นครั้งคราว .. เป็นความงามที่มีเสน่ห์ น่าหลงใหลได้อย่างง่ายดาย
บางครั้ง แม้ว่าจะต้องใช้ความพยายามมากในการเดินขึ้นๆ ลงๆ บนภูเขา ... แต่เราก็ยังคงเดินต่อไปและไม่ยอมหยุด ด้วยเบื้องหน้าในทางที่เราก้าวเดิน ยังทิวทัศน์อันน่าอัศจรรย์ที่รอคอยอยู่ข้างหน้า
“สะพานหนึ่งในใต้หล้า” (เทียนเสี้ยตี้อี้เฉียว .. First Bridge Under Heaven) .. เป็น "สะพานหินธรรมชาติ" ที่ไม่ค่อยพบเห็นได้บ่อยนัก
สะพานหินแห่งนี้ สร้างสรรค์ขึ้นโดยธรรมชาติล้วนๆ เดิมคงจะเป็นขุนเขา 2 ลูกใกล้ๆกัน ซึ่งถูกลม ฝน กัดเซาะจนเกิดลักษณะของสะพานหินธรรมชาติขนาดใหญ่เชื่อมขุนเขา 2 ลูกเข้าด้วยกัน
.. แท่นหินแห่งนี้มีความกว้าง 2 เมตร อยู่ระหว่างยอดเขา 2 ลูกที่ห่างกัน 20 เมตร โดยมีความสูงในแนวดิ่งเกือบ 357 เมตร นับเป็นอีก 1 ในสิ่งมหัศจรรย์ในอุทยานแห่งนี้ และวิวทิวทัศน์นั้นน่าทึ่งมากๆ
บนระเบียงแนวสะพานหินช่วงหนึ่งมีแผ่นผ้ามงคลสีแดง และลูกกุญแจห้อยแขวนอยู่เป็นจำนวนมาก .. “กุญแจของคู่รัก” … กุญแจหลายอันเก่าคร่ำคร่า บอกว่าถูกแขวนไว้นานแล้ว การทิ้งกุญแจไว้ในความทรงจำแห่งความรักสำหรับคู่รักที่เดินทาง อาจจะเป็นกิจกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากเพื่อนบ้านหรือเปล่า? ไม่แน่ใจค่ะ แต่ดูน่ารักดี
การเดินชมขุนเขาอวตารนั้น สภาพดินฟ้าอากาศถือเป็นเรื่องสำคัญ .. ในวันที่ฟ้าเป็นใจ มีเมฆหมอกลอยอย่างเหมาะสม ให้อารมณ์เหมือนเดินอยู่บนสวรรค์ แต่ในวันที่ทัศนวิสัยไม่ดี ทัศนวิสัยต่ำมีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อประสบการณ์การเดินทางของนักท่องเที่ยวอย่างมาก
Dinner .. กบังเหน็ดเหนื่อยจากการเดินบนภูเขา
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- โฆษณา
- © 2025 Blockdit
