Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Main Stand
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
10 ต.ค. 2023 เวลา 13:40 • กีฬา
7 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ เดวิด เบ็คแฮม จากสารคดีชีวประวัติ
หลังจากที่ เน็ตฟลิกซ์ เผยแพร่สารคดี “BECKHAM” ว่าด้วยเรื่องราวของตำนานลูกหนังทีมชาติอังกฤษออกสู่สายตาผู้ชม ปฏิเสธไม่ได้ว่าสารคดีพิเศษดังกล่าวนี้เป็นที่ถูกพูดถึงในวงกว้าง
แน่นอนว่าใครที่พอจะรู้จักเบ็คแฮมย่อมเคยรับรู้เรื่องราวไม่มากก็น้อยเกี่ยวกับตัวเขา เช่น การเป็นนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เรอัล มาดริด พบรักและแต่งงานกับอดีตสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปอย่าง วิคตอเรีย (เบ็คแฮม) ตลอดจนการเป็นเซเลบริตี้ชื่อดังของโลกมาช้านาน ฯลฯ
แต่ใครจะรู้ว่ายังมีเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังอีกมากที่เกิดขึ้นกับซูเปอร์สตาร์รายนี้ และหลาย ๆ เรื่องเป็นข้อมูลสดใหม่ รวมถึงคำกล่าวของผู้เกี่ยวข้องกับเบ็คส์ในหลาย ๆ เหตุการณ์ที่ใครหลายคนอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน
จากที่เกริ่นมานี้มีเรื่องน่ารู้เรื่องใดบ้าง เดวิด เบ็คแฮม Main Stand ขอคัดเฉพาะเรื่องเด่นมาฝากผู้อ่านให้ได้รับทราบไปพร้อม ๆ กัน
[1] ดาวรุ่งแห่งวงการ และงานนอกที่เริ่มเข้ามา
นับแต่ที่เข้าไปเป็นแข้งเยาวชน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 1991 สู่การรับโอกาสเซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรกในอีกสองปีต่อมา หรือแม้แต่ในปี 1996 ที่ เดวิด เบ็คแฮม สร้างชื่อกระฉ่อนจากประตูซัดไกลครึ่งสนามในเกมกับ วิมเบิลดัน เราอาจกล่าวได้ว่าเด็กสร้างปีศาจแดงผู้นี้ก้าวขึ้นมามีชื่อเสียงในวงการฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง
ด้วยการฉายแววเป็นนักเตะซูเปอร์สตาร์ กอปรกับหน้าตาอันหล่อเหลาของเขานำมาซึ่งโอกาสหลาย ๆ อย่างที่เริ่มพุ่งตรงมาหาเบ็คแฮมในวัย 20 ต้น ๆ เช่นการร่วมงานกับแบรนด์กีฬาชื่อดัง “อาดิดาส” กระทั่งช่วงเวลาต่อจากนั้น ที่แบรนด์น้อยใหญ่ทั่วโลกต่างจ้างเขาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งอย่างไม่ขาดสาย
“นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมทำงานนอกวงการฟุตบอล ในตอนนั้นมีนักฟุตบอลไม่กี่คนที่ทำแบบนั้นได้” เบ็คแฮม กล่าวไว้ในสารคดีเรื่องราวของตัวเอง
[2] “เห็นคนนั้นไหม ฉันจะแต่งงานกับเธอคนนั้น”
ในระหว่างที่ เดวิด เบ็คแฮม นั่งดูโทรทัศน์กับ แกรี่ เนวิลล์ หน้าจอทีวีปรากฏภาพของ 5 สาววง “สไปซ์เกิลส์” และจู่ ๆ เบ็คส์ก็พูดกับเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกันว่า “เห็นคนนั้นไหม ฉันจะแต่งงานกับเธอคนนั้น” นั่นคือ วิคตอเรีย อดัมส์ หรือชื่อ-สกุลภายหลังคือ วิคตอเรีย เบ็คแฮม
เนื้อหาในสารคดีเล่าให้เห็นตั้งแต่ตอนที่ทั้งสองมีโอกาสได้พบกัน ซึ่งเดวิดยอมรับว่าเพียงแค่ได้คุยกับวิคตอเรียเป็นครั้งแรกก็รู้สึกชอบเธอทันที จากนั้นทั้งสองก็ตัดสินใจคบหาดูใจกัน พร้อม ๆ กับมีโมเมนต์หลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวข้อง เช่น เบ็คแฮมยอมขับรถถึง 4 ชั่วโมงเพื่อขอไปเจอวิคตอเรียเพียง 20 นาที นั่นเพราะทั้งสองต่างก็ยุ่งกับงานของตัวเองและไม่ได้เจอกันบ่อยนัก เป็นต้น
จากที่พูดทีเล่นทีจริงในเวลานั้น สู่การที่ทั้งสองตกลงปลงใจที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันผ่านการแต่งงานในปี 1999 พร้อมพยานรักร่วมกัน 4 คน ระหว่างเส้นทางรักครั้งนั้นที่ยิงยาวมาจนปัจจุบันนี้ทั้งสองผ่านร้อนผ่านหนาวร่วมกันมากมาย ทั้งในสมัยเบ็คแฮมเจอมรสุมหลังฟุตบอลโลก 1998 ไปจนถึงปัญหาข่าวลือว่าเบ็คส์นอกใจสมัยเล่นให้ เรอัล มาดริด แน่นอนว่าปัญหาทั้งหมดถูกขจัดไปสิ้นอย่างสิ้นเชิงด้วยคำว่า “การเป็นครอบครัวเดียวกัน”
[3] ปมขัดแย้ง เกล็น ฮอดเดิล
ฟุตบอลโลก 1998 คือทัวร์นาเมนต์ระดับทีมชาติที่ใหญ่ที่สุดของเบ็คแฮม ในช่วงออกสตาร์ทเส้นทางลูกหนังอาชีพ แถมใครหลายคนยังยกย่องว่าสิงโตคำรามชุดนี้มีดีพอถึงขั้นเป็นแชมป์โลกด้วยซ้ำไป อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้น
หนึ่งในนั้นคือความไม่ลงรอยกันของกุนซืออย่าง เกล็น ฮอดเดิล กับดาวเตะอนาคตไกลอย่าง เดวิด เบ็คแฮม ที่เกิดประเด็นเรื่องการ “ไม่ปกป้อง” ลูกทีมมากเท่าที่ควร ไล่มาตั้งแต่การที่เดวิดและวิคตอเรียถูกขึ้นพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์เชิงเสีย ๆ หาย ๆ ช่วงก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ ซึ่งฮอดเดิลมองว่านี่เป็นปัญหาของเบ็คส์เอง แถมยังส่งผลต่อสมาธิในการลุยฟุตบอลโลกโดยตรง เป็นเหตุให้เบ็คแฮมถูกดร็อปเป็นสำรองเสียส่วนใหญ่
เช่นเดียวกับผลพวงหลังจากที่เบ็คแฮมโดนใบแดงในเกมกับ อาร์เจนตินา ก่อนที่อังกฤษจะตกรอบหลังแพ้ในการดวลจุดโทษ ซึ่ง เกล็น ฮอดเดิล ก็โยนความผิดให้ลูกทีมคนนี้โดยตรงว่ามีส่วนทำให้ทีมพ่าย เพราะเพื่อนอีก 10 คนต้องยืนหยัดกับ 11 แข้งฟ้าขาวไปจนสิ้นเสียงนกหวีดยาว
“มีส่วน มีส่วนอย่างมาก และคืนนี้เราเสียใจกันสุด ๆ แน่นอน ผมไม่ได้ปฏิเสธ” สารคดีเผยฟุตเทจสัมภาษณ์ฮอดเดิลช่วงหลังเกม
“เมื่อเห็นการสัมภาษณ์ของ เกล็น ฮอดเดิล ฉันคิดว่า “ไม่นะ คุณทำอะไรลงไป” เขาโทษว่ามันเป็นความผิดของเดวิด และฉันเคยเจอแต่ผู้จัดการทีมอย่าง อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ไม่เคยต่อว่าลูกทีม” แซนดร้า เวสต์ แม่ของ เดวิด เบ็คแฮม เผย
[4] แพะรับบาป กับฟุตบอลโลก 1998
“ผมหวังถึงขั้นที่ว่าจะมียาสักเม็ดที่คุณกินไปแล้วจะช่วยลบความทรงจำบางอย่างได้ ผมทำผิดพลาด และชีวิตผมก็เปลี่ยนไป คนทั้งประเทศเกลียดผม ไม่ว่าจะไปที่ไหนผมก็เป็นเป้าโจมตีอยู่ทุกวัน”
ผลพวงจากการที่เบ็คแฮมโดนใบแดงโดยตรงจากจังหวะเตะใส่ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ในเกมที่อังกฤษแพ้ต่ออาร์เจนตินา ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกฟรองซ์ 98 ที่สุดแล้วมันกลายเป็นเหตุการณ์ที่แฟนบอลเกือบทั่วทั้งเกาะอังกฤษเลือกใช้โจมตีและวิจารณ์ดาวเตะรายนี้จนแทบจะจมดิน แถมยังลุกลามไปถึงครอบครัวของเบ็คแฮม ไล่มาตั้งแต่โดนแฟนบอลบุกถึงบ้านพ่อแม่ ไปจนถึงข่าวลือเรื่องการลักพาตัวลูกชายคนโตอย่าง บรูคลิน ที่เพิ่งลืมตาดูโลกในเวลานั้น
แต่ที่สุดแล้ว เดวิด เบ็คแฮม ก็เอาชนะเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยแรงซัพพอร์ตจากครอบครัว, อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, เพื่อนร่วมทีม และแฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ด และที่สำคัญ มันมาจากฝีเท้าของตัวเขาเอง โดยเฉพาะการพาทีมชาติอังกฤษกลับไปเล่นฟุตบอลโลก 2002 ได้สำเร็จ
[5] เฟอร์กี้ พ่อคนที่สองและช่วงเวลาแตกหัก
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือคนที่ผลักดันและให้โอกาส เดวิด เบ็คแฮม สู่ทีมซีเนียร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยฟุตเทจของสารคดีมีทั้งช่วงเหตุการณ์ที่เฟอร์กี้สร้างแรงบันดาลใจให้เบ็คส์ต่อยอดเป็นนักเตะอาชีพ การให้อดีตลูกทีมคนนี้เข้าไปในห้องแต่งตัวของทีมชุดใหญ่ การได้พบกับ สตีฟ บรูซ ตลอดจนปรากฏตัวบนอัฒจันทร์ใกล้ ๆ ซุ้มม้านั่งสำรองของทีม เป็นต้น
ขณะที่ช่วงที่เบ็คแฮมก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะของทีมชุดใหญ่ได้จริง ๆ สิ่งที่เฟอร์กูสันมอบให้ทำเอาเบ็คแฮมถึงขั้นมองว่าเขาคือ “พ่อคนที่สอง” คอยให้คำแนะนำเรื่องเอเยนต์ รวมถึงให้กำลังใจในช่วงที่เบ็คแฮมมีปัญหาสภาพจิตใจหลังจบฟุตบอลโลก 1998
อย่างไรเสีย เพราะเฟอร์กี้เป็นคนที่ยึดแนวทาง “ทีมมาก่อนเสมอ” กอปรกับช่วงเวลาหนึ่งเบ็คแฮมกลายเป็นนักเตะประเภทที่มีภารกิจให้ทำมากกว่าการเป็นนักเตะอาชีพอย่างการรับงานพรีเซนเตอร์มากเกินไป รวมถึงความรู้สึกที่เหมือนอยู่ในใจกุนซือสกอตติชอยู่เสมอ ๆ ว่า วิคตอเรีย เบ็คแฮม จะเข้ามาควบคุมชีวิตสามีจนทำลายชีวิตนักฟุตบอลของเบ็คส์ จนในที่สุดก็ถึงเวลาแตกหัก
ไม่ว่าจะเหตุการณ์สตั๊ดบินในตำนานภายในห้องแต่งตัวจนไปแฉลบบริเวณคิ้วของเบ็คส์ และการบอกให้ คาร์ลอส เคยรอซ ผู้ช่วยในเวลานั้น บอกให้แข้งเบอร์ 7 ย้ายออกจากทีมได้ทันทีโดยที่เฟอร์กี้ไม่ได้เป็นคนบอกเอง คือฟางเส้นสุดท้ายของทั้งคู่
“ผมไม่เคยพูดที่ไหนเลยนะ แต่ผมดีใจที่ไม่ได้คุยกับเขาในตอนนั้น เพราะผมคงใจสลายที่ได้ฟัง มันจบแค่นั้นเลย สำหรับผม นั่นคือจุดสิ้นสุดของผมกับยูไนเต็ด” เบ็คแฮม กล่าวในสารคดี
[6] ทึ่ง เมื่อซีดานชวนย้ายมาสวมเสื้อราชันชุดขาว
2002/03 หรือฤดูกาลสุดท้ายก่อนที่เบ็คแฮมจะย้ายไป เรอัล มาดริด ในระหว่างที่ยังเป็นแข้งปีศาจแดง สโมสรมีโปรแกรมฉะแข้งกับราชันชุดขาวในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ โดยไฮไลต์สำคัญของคู่ดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมเลกสองที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ในวันนั้นเบ็คแฮมถูกดร็อปเป็นตัวสำรอง คนที่ได้โอกาสแทนที่คือ โอเล กุนนาร์ โซลชา ซึ่ง อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ให้เหตุผลก่อนเกมว่าผลงานของแข้งนอร์เวย์นั้นสมควรที่จะได้โอกาสลงเป็นตัวจริง ก่อนจะส่งเบ็คส์ลงสนามในนาทีที่ 63 ท่ามกลางข่าวลือในเวลานั้นว่าดาวเตะทีมชาติอังกฤษมีปัญหาส่วนตัวกับเฟอร์กี้ และอาจย้ายออกจากทีมในตลาดนักเตะรอบต่อไป
ผลการแข่งขันเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด เฉือนผู้มาเยือน 4-3 โดยเดวิดทำคนเดียวสองลูก แต่กระนั้นกลับเป็น เรอัล มาดริด ที่เอาชนะไปด้วยสกอร์รวมสองนัด 6-5 อย่างไรเสีย โมเมนต์สำคัญครั้งหนึ่งที่เบ็คแฮมยังจำได้ในทุกวันนี้คือ คนที่เอ่ยปากชวนให้เขามาเล่นด้วยกันที่ราชันชุดขาวคือ ซีเนดีน ซีดาน
“ซีดานเดินมาหาผม ซิซูเป็นคนไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษ เขาไม่ใช่คนที่พูดมากนัก เขาเดินมาหาผม จับมือ แล้วบอกผมว่า “มามาดริดไหม” ผมก็แบบ “นี่ซิซูเพิ่งชวนผมเหรอเนี่ย””
จากนั้นซีซั่นใหม่ 2003/04 ทั้ง ซีดาน และ เบ็คส์ ก็ได้ร่วมงานกันจริง ๆ ที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว หลังเบ็คแฮมเซ็นสัญญา 4 ปีเข้ามาเป็นแข้งใหม่ของโลส บลังโกส
[7] เปิดหมดเปลือกกับ แลนดอน โดโนแวน
ในช่วงเวลาที่ เดวิด เบ็คแฮม ย้ายไปเล่นให้ ลอสแองเจลิส กาแล็กซี่ ก็เกิดฉากสำคัญฉากหนึ่งในเส้นทางนักฟุตบอล เมื่อ ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือทีมชาติอังกฤษ บอกกับเบ็คส์ว่าหากอยากติดทีมชาติไปลุยฟุตบอลโลก 2010 เขาจำเป็นต้องย้ายกลับมาเล่นในลีกยุโรปอีกคำรบ
เบ็คแฮมตัดสินใจย้ายจากแอลเอ กาแล็กซี่ มาร่วมทีมเอซี มิลาน ด้วยสัญญายืมตัวระยะสั้น 6 เดือน ลุยช่วงครึ่งหลังของซีซั่น 2008-09
ซึ่งการย้ายทีมในครั้งนี้และบทสัมภาษณ์ในฟุตเทจของสารคดีที่เบ็คแฮมบอกว่าอยากจะค้าแข้งกับปีศาจแดงดำต่อ (ในรูปแบบยืมตัว) ทำเอาเพื่อนร่วมทีมที่แอลเอ กาแล็กซี่ อย่าง แลนดอน โดโนแวน ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อสู่สายตาสาธารณชน โดยมองว่าเบ็คส์ไม่ได้มีความมุ่งมั่นมากพอกับวงการซอคเกอร์อเมริกัน และมองว่าเบ็คส์เป็นคน “ใจแคบ”
เดวิด เบ็คแฮม ตอบโต้สถานการณ์ดังกล่าวโดยมองว่าโดโนแวนแสดงความไม่เป็นมืออาชีพ แทนที่จะบอกกับเขาตรง ๆ กลับออกมาบอกให้สังคมรับรู้ นำมาซึ่งผลงานที่ชิ่งไปสู่ภาพลักษณ์ของสโมสรด้วย
ที่สุดปัญหาก็ถูกจัดการอย่างเหมาะสม เมื่อ บรูซ อารีน่า กุนซือของแอลเอ กาแล็กซี่ เป็นคนบอกให้ทั้งสองมาเคลียร์ใจกัน ผลคือโดโนแวนกล่าวขอโทษเบ็คแฮม ทางฝั่งของดาวเตะชาวอังกฤษก็ขอบคุณที่สตาร์ทีมชาติสหรัฐอเมริกายอมพูดตรง ๆ กับเขา
2
“โค้ชของพวกเราส่งข้อความมาหาผมกับเดวิดว่าอยากจะคุยกับผมกับเดวิดตอนเช้าก่อนซ้อม ผมบอกกับเดวิดไปว่า “เดวิด สิ่งที่ฉันพูดไป เพราะฉันรู้สึกและเชื่อแบบนั้นจริง ๆ ฉันไม่ควรพูดแบบนั้นต่อหน้าสาธารณะ ฉันควรบอกนายตรง ๆ ฉันขอโทษ”” โดโนแวน เปิดใจผ่านสารคดี
“ในตอนนั้น ถ้าผมเป็นเดวิดผมคงบอกว่า “แม่ง ไม่อยากเชื่อเลยว่านายจะทำแบบนี้” แต่เขาตอบกลับว่า…”
“ฉันเข้าใจ และขอบคุณที่นายบอกเรื่องนี้กับฉันตรง ๆ” เบ็คแฮม เผยบทสนทนาในเวลานั้น
แน่นอนว่าเมื่อเคลียร์ใจกันแล้ว ทั้งสองมีส่วนอย่างยิ่งในการช่วยให้ แอลเอ กาแล็กซี่ ผงาดแชมป์เอ็มแอลเอส คัพ ปี 2011 และ 2012 พร้อมกับเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันในภายหลัง
แหล่งอ้างอิง
สารคดีชีวประวัติ Beckham ทาง Netflix
https://www.bbc.com/sport/football/66998098
https://www.independent.co.uk/arts-entertainment/tv/news/beckham-netflix-argentina-red-card-b2424923.html
4 บันทึก
11
1
4
11
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย