15 ต.ค. 2023 เวลา 06:32 • ท่องเที่ยว
อำเภอ นาแห้ว

อำเภอนาแห้ว ดื่มด่ำกับวิถีชีวิตติดชายแดน

นาแห้ว เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดเลยที่ผมได้ยินชื่อมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้มาสัมผัสเสียที ทุกครั้งที่มาจังหวัดเลยก็จะเป็นการไปเที่ยวภูกระดึงไม่ก็เชียงคานแค่นั้นเอง แม้แต่ตัวเมืองก็ยังไม่เคยไป ครั้งนี้สบโอกาสได้ไปเสียที
นาแห้วเป็นอำเภอชายแดนทางทิศเหนือติดกับแขวงไชยบุรี ประเทศลาว มีแม้น้ำเหืองขวางกั้นอยู่ ส่วนความสำคัญของอำเภอนี้หรือ? ผมก็ไม่แน่ใจนัก แค่รู้สึกว่าอยากจะลองไปเที่ยวดูก็แค่นั้นเอง
การมาเที่ยวจังหวัดเลยในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมตัดสินใจนั่งเครื่องบินมา และผมใช้บริการเช่ารถจากสนามบินเพื่อเป็นการไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ
เครื่องบินจากดอนเมืองใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็บินมาลงจอดที่ท่าอากาศยานเลยตอน 11 โมง เครื่องไม่ดีเลย์แม้แต่น้อย หลังจากที่ลงจากเครื่องระหว่างที่จะเดินเข้าตัวอาคารผู้โดยสารนั้น ผมได้แหงนหน้ามองท้องฟ้าที่สนามบิน แสงแดดสดใส แต่ก็ยังมีเมฆมากอยู่ ยังไม่มีท่าทีว่าจะมีฝนตกแต่อย่างใด ก่อนหน้านี้ผมได้กดดูพยากรณ์อากาศบนมือถือ ตัว app บอกว่าจะมีฝนตกอยู่ทั้งวันในช่วงบ่าย ก็เลยหวังว่าทริปนี้ได้ท่องเที่ยวกันไม่มากก็น้อย
ผมเลือกรถเช่าที่ราคา 800 บาทต่อวัน สภาพรถก็พอไหว ขับได้ เป็นรถ Honda city ปีเก่าหน่อย ผมเริ่มต้นการเดินทางจากสนามปิดด้วยการเปิด google map วางแผนการท่องเที่ยว และสถานที่แรกที่ผมแวะไปนั้นก็คือพระธาตุศรีสองรัก ซึ่งตั้งอยู่ทีอำเภอด่านซ้าย
ผมใช้ทางหลวง 21 ต่อด้วย 2013 ขับผ่าน อำเภอภูเรือ ช่วงนี้อำเภอภูเรือเริ่มที่จะคึกคัก อาการเริ่มที่จะดี ผ่านมาแถวนี้ก็อยากจะพักด้วยเลย แต่ไม่ได้ที่นี่ไม่ใช่เป้าหมายของการเดินทาง ผมขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาถึงอำเภอด่านซ้าย จุดหมายแรกของการเดินทางครั้งนี้
พระธาตุศรีสองรักนี้มีประวัติที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างกรุงศรีอยุธยา และกรุงศรีส้ตนาคนหุต อนาจักรล้านช้าง ปัจจุบันคือนครเวียงจันทร์ ประเทศลาว ซึ่งการก่อสร้างพระธาตุศรีสองรัก ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือกันระหว่าง 2 อาณาจักร เพื่อเป็นการปกป้องการรุกรานของพม่าในช่วงนั้น โดยที่มีการทำสัตยาธิษฐานไม่ล่วงล้ำดินแดนของกันและกัน
พระธาตุศรีสองรัก
หลังจากที่จอดรถได้แล้ว ผมก็มายืนอยู่ตรงหน้าบันไดทางขึ้นพระธาตุ เหลือบไปเห็นป้ายข้อห้ามอยู่ว่าก่อนขึ้นพระธาตุมีอะไรบ้าง และมีอยู่ข้อห้ามอยู่หนึ่งอย่างที่แอบแปลกใจ คือมีการห้ามใส่เสื้อผ้า 'สีแดง' ขึ้นพระธาตุ
ด้วยความแปลกใจ ผมหันลีหันขวางไปถามคุณป้าที่ขายของอยู่บริเวณนั้นว่าทำไมถึงมีข้อห้ามเช่นนี้ คุณป้าก็ยิ้มแบบใจดีคงจะเจอคำถามแบบนี้บ่อยแล้ว ก็ตอบคำถามผมแบบใจเย็นว่า คนโบราณเขาห้ามเพราะว่าสีแดงมันเหมือนกับเลือด ก็เลยไม่เป็นมงคลที่จะใส่มาที่นี่ ถึงบ้างอ้อออก็คราวนี้แหละ
โชคยังดีที่ผมไม่ได้ใส่เสื้อสีแดงมาวันนี้ไม่งั้นละอดเข้าแน่ๆ จริงๆผมก็มีเสื้อสีแดงที่เตรียมเอาไว้จะใส่เหมือนกัน ก็เลยโชคดีไป
ด้านบนของพระธาตุวันนี้เงียบสงบไม่ค่อยจะมีนักท่องเที่ยวไปสักเท่าไหร่ มีนักเรียนวัยรุ่น 2-3 คนมากราบพระ เขย่าเซียมซี จริงๆผมนี่ตัวชอบการเสี่ยงเซียมซีมากเลย ทุกวัดที่ไปนี่ผมต้องลองเลย
หลังจากที่ผมเดินเล่นถ่ายรูปไม่นาน ก็ได้เวลาที่จะเดินทางต่อแล้ว
หลังจากกราบพระธาตุศรีสองรักเป็นที่เรียบร้อย ผมก็ขับรถขึ้นเหนือ มุ่งตรงไปสู่ อำเภอนาแห้วที่เป็นเป้าหมายของทริปนี้
ผมเปิด google map ปักหมุนไปที่ อำเภอนาแห้ว จากจุดนี้ใช้เวลาอีกประมาณไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงละ ไม่ต้องรีบขับรถอะไร แถมวิวข้างทางจากด่านซ้ายไปนาแห้ว ก็เป็นการขับบนภูเขา วิวสวย ถนนดีมาก
จุดแรกที่ผมแวะระหว่างทางนั้น เรียกว่าภูเก้าง้อม มีลักษณะโค้งของถนนเป็นเลข 9 ส่วนด้านหลังเป็นวิวเปิดแบบ panorama
มีรถนั่งท่องเที่ยวจอดถ่ายรูปอยู่ตรงนี้ 3 คัน แสดงว่าแถวนี้ก็น่าจะเป็นที่นิยมเหมือนกันนะ ผมถ่ายรูปอยู่แป๊บนึง ฝนก็เริ่มที่จะโปรยลงเล็กน้อย ดูเมฆแล้วก็ได้แต่หวังว่า ฝนคงจะไม่ลงหนักกว่านี้ ตรงภูเก้าง้อมนี้ถ้ามาตอนเช้า ได้เห็นหมอกปกคลุมน่าจะสวยสุดๆไปเลย
ภูเก้าง้อม
จากภูเก้าง้อมขับรถไปอีกประมาณ 20 นาทีก็มาถึง อำเภอนาแห้ว จุดหมายปลายทางคือบ้านเหมืองแพร่ ที่เป็นหมู่บ้านชายแดนติดกับประเทศลาว มีเพียงแม่น้ำเหืองแคบๆขวางกันระหว่างกัน
ผมมาอ่านประวัติของหมู่บ้านนี้ภายหลังว่า ที่บ้านเหมืองแพร่นี้มีวัฒนธรรมที่เก่าแก่มามากกว่า 500 ปีแล้ว โดยที่หมู่บ้านนี้ก่อตั้งเมื่อปีพุทธศักราช 2000 มีการค้นพบบ่อเกลือกลางลำน้ำ ชาวบ้านที่นี่ในอดีตมีวิถีชีวิตกับบ่อเกลือแห่งนี้ ดูเหมือนว่าตอนนี้บ่อเกลือแห่งนี้จะไม่ได้ถูกใช้งานตั้งแต่ปี 2530 แล้ว
ในอดีตหมู่บ้านเหมืองแพร่อยู่กันทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำเหือง แต่ด้วยเหตุการณ์รุกรานของฝรั่งเศส ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทำให้เราต้องเสียชุมชนที่อยู่ฝั่งซ้ายของลำน้ำเหืองแห่งนี้ไป และปัจจุบันนี้ก็อยู่ภายใต้การปกครองของประเทศลาว
บ้านเหมืองแพร่
การข้ามไปฝั่งลาวนั้นจะทำได้เพียงแค่วันพระเท่านั้น ส่วนวันอื่นไม่สามารถทำได้ แต่ผมก็แอบเห็นชาวบ้านฝั่งลาวข้ามเข้ามาซื้อของจากฝั่งไทยอยู่นะ เอาเป็นว่าเราอย่าข้ามไปเลยถ้าไม่ได้รับอนุญาต
ตรงจุดชายแดนนั้น มีร้านกาแฟน่ารักให้นั่งพักผ่อนชมวิวอยู่หนึ่งร้าน ผมเห็นนักท่องเที่ยวหลายคน ผ่านทางมาแวะพักรถ นั่งคุยกันตรงจุดนี้
ที่บ้านเหมืองแพร่ ไม่ค่อยมีร้านอาหารให้เลือกมากนัก ก็จะมีร้านข้าว ร้านก๋วยเตี๋ยวขายให้กับคนพื้นที่ มี 7-11 อยู่หนึ่งแห่ง
นอกจากนี้เรายังสามารถที่จะขึ้นไปชมวิวได้ที่ภูผาหมวก ไม่ไกลจากตัวหมู่บ้านสักเท่าไหร่ เสียดายที่วันนั้นผมไม่ได้ขึ้นไปดู เพราะเลือกที่จะไปดูอย่างอื่นซะมากกว่า
ตอนแรกผมกะจะค้างคืนที่นาแห้ว แต่ด้วยว่าเพิ่งจะบ่ายกลางๆนั้นเอง เลยเดินทางต่อโดยมีจุดหมายคร่าวๆคืออุทยานแห่งชาติภูสวนทราย
จากข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว ที่ได้จากการอ่านป้ายตามจุดท่องเที่ยวนั้น ทำให้พบว่าระหว่างทางไปภูสวนทรายนั้น ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นให้ดู
และที่ต่อไปที่ผมได้แวะนั้นก็คือหมู่บ้านแสงภา หมู่บ้านนี้มีที่เที่ยวหลายจุด และมีความโดนเด่นทางด้านวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาอย่างเป็นที่น่าสนใจ
จุดแรกที่คือ 'พระธาตุดินแทน' พระธาตุนี้มีลักษณะเป็นกองดินเป็นฐาน มีการก่อสร้างพระธาตุอยู่บนยอด มีอายุกว่า 200 ปี มีตำนานบอกเล่าอยู่ตรงพระธาตุว่า มีพระธุดงค์รูปหนึ่งได้ชักชวนให้ชาวบ้านให้มานับถือพุทธศาสนา แทนการนับถือผี โดยที่ถ้าต้องการให้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้เคารพบูชา ต้องปฏิบัติตามข้อบัญญัติ 3 คือห้ามผิดศีล, ห้ามฆ่าสัตว์ และห้ามเล่นไสยศาสตร์ จากนั้นก็มีการประกาศให้ชาวบ้านมาช่วยกันสร้างพระธาตุให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี
พระธาตุดินแทน
พระธาตุแห่งนี้ดูแล้ว จะเป็นพระธาตุที่ศักดิ์ของชาวบ้านแสงภา ดูจากร่องรอยของการทำบุญ บูรณะพื้นที่แล้ว วันนั้นผมไม่ได้ขึ้นไปด้านบน ไม่รู้ว่าจะขึ้นไปได้มั้ยด้วย เห็นชาวบ้นแห่งนี้มีประเพณีขนดินขึ้นไปถมตอนช่วงสงกรานต์ จะมีเฉลิมฉลองพระธาตุช่วงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ของทุกปี หากใครสนใจก็สามารถมาเที่ยวได้
ใกล้กับหมู่บ้านแสงภามีจุดจอดรถให้ชมศิลปนาข้าว ผู้คนที่นี่แอบเก๋ สร้างแหล่งท่องเที่ยวฮิปๆเอาไว้ด้วย แต่ผมว่าตรงจุดถ่ายรูปนี้มันก็อ่านไม่ออกว่าเขียนว่าอะไร นี่ถ้ามีโดรนบินถ่ายรูปจะสวยกว่านี้
ศิลปะนาข้าว หมู่บ้านแสงภา
วัดศรีโพธิ์ชัยเป็นวัดประจำหมู่บ้านแสงภา อยู่ริมถนนสังเกตได้ง่าย ตอนแรกผมก็ขับผ่านไม่ได้คิดจะแวะวัดนี้ แต่ผมสังเกตวัดจากตอนไปถ่ายรูปศิลปนาข้าว วัดนี้ก็แอบสวยดีนะ ลองขับเข้าไปชมหน่อยละกัน ไหนๆก็มาแล้ว
ผมเลี้ยวรถเข้าไปจอดอยู่หลังอุโบสภ แว๊บแรกที่ผมเห็นคือ โอ้อุโบสภนี้มีความเก่าแก่มาก ความรู้สึกน่าสนใจเพิ่มขึ้นมาทันที พอได้เข้าไปข้างในอุโบสภเท่านั้นแหละ
เอ้ย อย่างในสวยความมาก เป็นความสวยงามแบบเรียบร้อย อุดมไปด้วยวัฒนธรรม เสา และคานทำด้วยไม้ มีความเก่า ความขลังมากมาย ชอบมาก ไม่คิดว่าภายในจะตกแต่งได้สวยแบบนี้
หลังจากที่ผมชื่นชมภายในแล้ว ตอนออกมาข้างนอกอุโบสภ เสียงเฟี้ยวววว ดังขึ้นฟ้า ผมแหงนหน้ามองตามเสียงนั้นด้วยความสนใจ มันคืออะไรกัน???
ชาวบ้านแสงภาเล่าให้ผมฟังว่า เค้าทดลองจุดบั้งไฟกัน ยิ่งทำให้ผมงงเข้าไปใหญ่ ผมถามคุณลุงที่นั่งรวมตัวคุยกันอยู่ว่า ทำให้แถวนี้ถึงมาจุดบั้งไฟกันตอนนี้ ผมเห็นว่าแถวอีสาน เขาจะจุดกันตอนหน้าแล้งไม่ใช่หรือ ตอนนี้มันหน้าฝนชัดๆ จะจุดทำไม?
คุณลุงคงจะเอือมกับความอ่อนด้อยของผม เลยตอบว่าคนแถวนี้เค้าจุดบั้งไฟกันตอนออกพรรษา เพื่อเป็นการขอบคุณที่ทำให้ฝนตก ไม่เหมือนกับทางอีสานที่จุดเพื่อขอฝน
ผมนี่อึ้งไปเลย มันมีเรื่องแบบนี้ในหมู่บ้านฮิบๆอย่างนี้ด้วยหรือนี่ คุณลุงชักชวนให้ผมมาช่วงวันออกพรรษาเพื่อที่จะดูงานจุดบั้งไฟของพวกเค้า ผมนี่อยากจะกลับมาให้ได้เลย ชอบความมีเอกลักษณ์ของชุมชนแบบนี้จริงๆ
วัดศรีโพธิ์ชัย
ผมเหลือบดูเวลาเกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว ผมซึ่งไม่ได้จองที่นอน เลยวางแผนจะไปนอนที่อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย และเมื่อไปถึง เจ้านี้ที่ๆออกมาต้อนรับนั้น บอกข้อมูลว่า คนส่วนใหญ่จะไปนอนกันทึ่ ภูหัวฮ่อม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ แต่จะได้วิวสวยกว่าเยอะ
พอได้ฟังแบบนั้น ผมก็หันหัวรถกลับมาทางเดิม ขับย้อนทางผ่านหมู่บ้านแสงภาอีกที เลี้ยวซ้ายเข้าที่สู่ภูหัวฮ่อมเพื่อที่จะหาที่นอน
ระหว่างทางไปนั้นผมได้เห็นที่พักของเอกชนรายหนึ่งที่ชื่อว่า 'ไร่ลุงหนึ่ง' นึกในใจเอาว่ะ ขับเข้าไปลองถามดูละกันว่า ราคาห้องพักเท่าไหร่ ดูวิวแล้วก็สวยดี
ที่ไหนได้ยังไม่ทันจะรู้ราคาเลย ฝนเทละมาอย่างหนัก ผมไม่มีทางเลือกอื่นแล้วตอนนี้สงสัยคงจะได้นอนทีนี้แน่เลย ฟ้าดินเป็นใจเสียแล้ว
คุณป้าเจ้าของที่พัก ให้ข้อมูลว่าบ้านหลังละ 800 บาทต่อคืน ผมตัดสินใจไม่ยากเลย ยังไงก็ต้องเอาแล้ว ฝนตกหนักขนาดนี้ ส่วนอาหารเย็นก็ได้หมูกระทะของชาวบ้านแถวนั้นมาส่งให้ในราคาชุดละ 400 บาท กินอิ่มมากกกกกกกก
ไร่ลุงหนึ่ง
ตอนเช้าผมได้ขับรถขึ้นไปที่ภูหัวหอมหลังจากที่เมื่อคืนนั้นแวะไปไม่ถึง เปลี่ยนใจมานอนที่พักของเอกชนด้านล่าง
บรรยากาศที่ภูหัวฮ่อมเช้านี้มีหมอกลงจัด ทำให้ไม่ค่อยเห็นวิวใดๆ แต่ยังไงเท่าที่ดูก็สวยกว่าตรงบริเวณที่ทำการอุทยานภูสวนทรายแน่นอน
ภูหัวฮ่อม
บริเวณนี้มีจุดกางเต็นท์และที่พักของอุทยานให้บริการอยู่หลายหลัง ผมเห็นนักท่องเที่ยวหลายกลุ่มมาปักเต็นท์กัน จริงๆผมแอบดีใจที่เมื่อคืนไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ เพราะว่าฝนตกหนักมาก ผมก็ไม่ได้เตรียมของกินมาด้วยถ้ามานอนตรงนี้คงจะหาอะไรทานยาก ต้องเก็บท้องรอจนตอนเช้าแน่ๆเลย
สำหรับทริปหน้าแห้วนี้ผมจบลงที่นี่ หลังจากนี้ผมวางแผนที่จะขับรถต่อไปที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เพื่อที่จะไปขึ้นยอดภูสอยดาวในวันนึ้
End
โฆษณา