Digital wallet 10,000 บาททำไมเพื่อไทยต้องทำ แต่มันก็น่าลุ้นนะ เหตุผลมันมีแล้วก็น่าเสี่ยง
ทำไม Digital wallet 10,000 บาทกับงบ 560,000 ล้าน สำหรับคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป และ ให้ใช้จ่าย อยู่ใน area ของตัวเอง
อย่างที่ทุกคนทราบ จากนโยบายของเพื่อไทย ที่จะนำเงินชุดนี้มากระตุ้น เศรษฐกิจไทย และทำไมถึงต้องทำช่วงต้นเดือนมีนาคม ทุกคนก็อาจจะรู้แล้วตามคำโฆษณาของ รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย
เหตุผลหลักๆก็คือการโยน ระเบิด ของการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มันหมุนเวียน และให้มันหมุนได้หลายๆรอบ ภายใน 6 เดือนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
สิ่งที่คุณเห็นอยู่ในทุกวันนี้ก็คือนักเศรษฐศาสตร์หลักๆดังๆรวมถึงผู้ว่าแบงค์ชาติทำการคัดค้านโปรเจคนี้อย่างขันแข็ง สิ่งที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่า Digital wallet เป็นสิ่งใหม่ และ เครดิตของพรรคเพื่อไทย ในการถลุงเงินของประเทศก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ในอดีต
มีทั้งโครงการที่สำเร็จและโครงการที่ไม่สำเร็จ แต่พ่อไม่สำเร็จมันก็ค่อนข้างจะเละ อย่างเรื่องการจำนำข้าว ว่ากัน ตามบทของสูตรมันไม่ควรจะเละขนาดนี้ แต่ที่มันเละมันเละเพราะความโปร่งใสของโครงการ และการคาดการณ์ผิด ของการที่คิดว่าการสต๊อกข้าวและจะทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกมัน สูงขึ้นเนื่องจากข้าวที่ออกไปในตลาดโลกมันลดลง ตามการคาดหวังของ demand กับ Supply
แต่เรื่องมันไม่เป็นต่ามคาด เพราะว่า คนจะให้ประโยชน์จากการจำนำข้าวกลับกลายเป็นประเทศเวียดนาม ซึ่งสามารถขายข้าวได้ในราคาสูงขึ้น และเร่งผลิตออกมาได้กลายเป็นว่ามันเป็นสินค้าที่สามารถหาสิ่งชดเชยจากทางอื่นได้ มันเลยทำให้โครงการนี้ล้มเหลวไป ทั้งขาดทุนจากโปรเจคและขาดทุนจาก การคดโกงของนักการเมือง ในประเทศเรานี้เอง
ทำไมถึงเป็น Digital wallet ไม่ใช่ แอ๊บเป๋าตังค์ หรือโอนเงินไปให้ใช้ สดๆกับคนๆนั้นเลย
ประการแรกเพราะต้องการเอาเงิน 560,000 ล้านนี้ ไปใช้ ไปหมุนเวียน ไม่ใช่ให้ เอาเข้าไปในแบงค์ เพราะเมื่อไหร่ที่เงินเข้าไปในแบงค์แล้วโอกาสที่จะกลับมาหมุนเวียนอีกทีมันจะยากมากกว่าเดิม
ตัวเลขทุกคนที่เห็นว่าเงินมันเข้าไปในแบงค์ตัวเองแล้วโอกาสที่จะถูกหยิบนำออกมาใช้หมุนเวียนเศรษฐกิจมันจะยากขึ้น ทั้งนายทุน และผู้บริโภค โดยเฉพาะถ้าเกิดเงินเข้าไปในบัญชีบริษัท และตัวเลขสวยๆ พร้อมกับได้รับดอกเบี้ย มันทำให้คนที่ลงทุนรอบแรกไปแล้วอาจจะเกิดการไม่กล้าเสี่ยงที่จะต้องลงทุนต่อ
เพราะคิดว่ามันหมุนได้แค่รอบสองรอบเท่านั้น ดังนั้นโอกาสที่จะปั่นให้เศรษฐกิจมันหมุนโต มันก็ยากขึ้น แน่นอนละว่าถ้าเกิดเงินไม่สามารถเข้าบัญชีได้แต่จำเป็นต้องเอาไปหมุนต่อ เพราะหลายๆคนก็เกิดความกังวลว่าไม่อยากจะเก็บมันไว้ในมือ เพราะว่ามันไม่ใช่เป็นเงินสดที่เก็บไว้ในแบงค์ได้ทุกคนก็จะขยันเอาออกจากตัว
ซึ่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นนั่นคือการหมุนของเศรษฐกิจคนพยายามจะไม่เก็บสุดท้ายก็จะโยนออกไป แต่สุดท้าย โรงงานต่างๆที่ได้รับมาเป็นดิจิตอล currency จาก Digital wallet ตัวนี้คุณก็ต้องรีบเอาออกไปใช้ เหมือนๆกันเพราะว่ามันไม่มีดอกเบี้ย !!
ประเด็นของเงินตัวนี้ทำไมมันถึงจะหมุนต่อเป็นวงล้อเพราะว่านายทุนจะไม่เก็บ เพราะมันไม่สามารถปั่นดอกเบี้ยได้ มันไม่ใช่เงินสด !! ในช่วง 6 เดือน ของการกระตุ้นเศรษฐกิจ
คุณต้องเอาไปใช้ไปใช้มา 6 เดือนจนกระทั่งใกล้ๆ กำหนดการที่คุณจะเบิกตังค์ได้นั่นแหละก็คือซักประมาณ 1-2 อาทิตย์ก่อนที่จะครบกำหนด ที่พวกนายทุนหลักๆก็อาจจะเริ่มเก็บยอมรับเข้าไปในมือโดยที่ แต่ก็จะพยายาม ใช้เอาไปให้มากที่สุด
มันเป็นเงินหมุนโดยเฉพาะไม่สามารถเอาไปซื้อบ้านได้ไม่สามารถเอาไปใช้ทรัพย์สินหลักๆใหญ่ๆได้ไม่สามารถนำมาลงทุนอะไรได้ แน่นอนละว่าเงินตัวนี้ก็เลยจะเป็นเงินหมุนเวียนอย่างเดียวเลย
อย่าเพิ่งไปกลัวว่าเงินมันจะเป็นลงสู่ในมือของ นายทุน และนายทุนจะเก็บไว้ แน่นอนละว่ากำไรต่อยูนิตสุดท้ายนายทุนก็จะได้ไป แต่สิ่งที่จะได้จากสังคมจากระบบเศรษฐกิจก็คือ การหมุนของเงินอีกหลายๆๆรอบ
หากคุณให้เงินในกระเป๋าตังค์ขึ้นมาคุณคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น แน่นอนละว่าเงินจะเข้าไป ในบัญชี หลายคนไม่เอาออกมาใช้ หลายคนเก็บไปเลยแล้วมันจะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไรล่ะ มันไม่มีถึงมีก็น้อยมากเพราะว่าเงินจะถูกเอาไปใช้แค่รอบเดียวถึง 2 รอบเท่านั้น
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมต้องมีอีกแพลตฟอร์มนึง ซึ่งไม่สามารถที่จะให้ดอกเบี้ยได้ แต่เก็บเป็นเงินหมุนโดยเฉพาะแต่เอาไว้ใช้ในการซื้อของจับจ่ายจ่ายค่าไฟ จ่ายพวกค่าใช้จ่ายทุกๆวัน
เชื่อสิว่าคนส่วนใหญ่จะไม่อยากเก็บมันไว้หรอกถ้าได้มาก็จะรีบเอาออกไปนั่นคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ
สินค้าบางอย่างที่ในชีวิตคนบางคนไม่คิดจะใช้เลยก็รีบหยิบเอาออกไป เอาไปใช้ทันทีซื้อเสื้อผ้าสวยๆซื้อเครื่องประดับแพงๆหรือซื้ออะไรก็ตามแต่สุดท้ายพวกร้านเหล่านั้นก็จะไม่เก็บเงินดิจิตอล wallet เหมือนกันเขาก็ต้องรีบนำออกไปใช้ เอาไปซื้อของใหม่เอาไปซื้ออะไรก็ตาม เพราะว่าเงินมันไม่มีดอกเบี้ยเงินมันไม่ได้เข้าแบงค์
การเก็บเงินเหล่านี้ไว้มันเป็นแค่เอาไว้ใช้ในการ อุปโภคบริโภคช่วงสั้นๆในช่วง 6 เดือน คุณจะเห็นการระบาดของการใช้ดิจิตอล wallet อยู่ตลอดเวลา นั่นคือการหมุนของเงินและมันทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นตอนที่มันครบ 6 เดือน
ข้อกำหนดของพรรคเพื่อไทย หัวหน้ารัฐบาลชุดนี้คือ บังคับให้ใช้ในพื้นที่ที่ตัวเองลงทะเบียนไว้ นั่นคือสิ่งที่คิดว่าถูกต้องที่สุดเพราะว่าการกระจายเศรษฐกิจมันจะได้ไม่กระจุกตัว และผู้ที่จะรับผลประโยชน์ชุดนี้สูงสุดก็น่าจะเป็นกลุ่ม ในภาคอีสานมากกว่าภาคอื่นด้วยซ้ำถ้าตาม จุดของมนุษย์ลงทะเบียน
ถามว่าเติบโตไหม สำหรับเศรษฐกิจในปี 67 ผมว่า Project นี้ มันสามารถสร้างภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้หลายๆรอบ
ปัญหาตอนนี้มีอยู่เรื่องเดียวคือแหล่งเงินทุนที่มา ถ้าเกิดรัฐบาลสามารถได้แหล่งเงินทุน ที่สามารถผ่อนจ่ายได้ 3-4 ปี หรือนานกว่านั้นได้ จะเยี่ยมมาก คาดหวังคือได้ดอกเบี้ยต่ำสุดๆด้วยสำหรับงบตัวนี้ นั่นแปลว่างบประมาณรายจ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 4 ปี หรือ 3 ปีก็จะอยู่ที่แสนกว่าล้าน ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่เยอะเลย
หากเทียบกับการใส่เงินลงไปแอปเป๋าตังค์เฉยๆ นั่นน่ะ เป็นการช่วยแบบ ให้ออกซิเจน กับผู้ป่วย แล้วมันก็จะหมดลงไปในนั้น
แต่ของเพื่อไทย ที่เป็น Digital wallet และ สามารถปั่นได้หลายๆรอบนั้น มันไม่ถึงกับการให้ปลาแทนการให้เบ็ด แต่มันเหมือนกับการโยนระเบิดลงไปในกองไฟที่มันมอดๆอยู่แล้ว ให้กลับมาลุกช่วงโชติอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องลุ้นกันไปว่าไอ้ระเบิด การกระตุ้นเศรษฐกิจ Super Bomb มันจะช่วยให้ไฟลามทุ่งจนกระจายไปทั่วหรือเปล่า
หรือมันจะแค่เป็นการจุดไฟไหม้ฟาง และระเบิด ที่ใส่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจจะไม่ ลามเท่าที่วางโปรเจคไว้ แต่ถ้านับ จากจิตวิทยาของมนุษย์ในการใช้เงิน ระเบิดเศรษฐกิจตัวนี้ดิจิตอล wallet 10,000 บาท ควรจะได้ผลลัพธ์ไม่ต่ำกว่า 70% ของสิ่งที่คาดหวังไว้
ถ้าถามว่ามันน่าลุ้นไหม จากโมเดลแบบนี้ผมว่ามันน่าลุ้น ถามว่ามุมมองของธนาคารกลางหรือนักเศรษฐศาสตร์จะผิดไหม แน่นอนว่าไม่ผิด ถ้าหากมันเป็นเงินสดสิ่งที่เกิดขึ้น มันจะตรงกับสิ่งที่ทางนักเศรษฐศาสตร์วิจารณ์ นั่นคือได้ไม่คุ้มเสีย
แต่การเป็นดิจิตอล wallet มันไม่เหมือนกัน แน่นอนแล้วว่า คนทำการคลังกับคนทำการตลาดชีวิตนี้จะไม่มีทางคิดตรงกัน ฝ่ายนึง คือฝ่ายเก็บตังค์ กลัวการใช้ เป็นฝ่าย conservative เป็นฝ่ายรับ
กับฝ่ายการตลาดการลงทุนทุกอย่างมองเป็นโอกาสทุกอย่างมองเป็นผลตอบแทนที่มันจะได้มามากขึ้น ความเสี่ยงมองแล้วรับได้โอกาสดูแล้วรับได้ นั่นคือมุมมองของนักลงทุนและนักการตลาด สิ่งที่ผมเขียนในวันนี้คือมันมีเหตุและผลพอที่จะสนับสนุนในการทำโครงการนี้พอสมควร
แต่ก็ไม่แปลกใจที่นักเศรษฐศาสตร์หลักๆจะออกมาคัดค้านในโครงการนี้ เพราะปกติแล้วนักเศรษฐศาสตร์ โดย ธรรมชาติของพวกเขา จะเป็นกลุ่มคนที่ไม่รับความเสี่ยง หรือจะต้อง เป็นความเสี่ยงที่มองเห็น
ที่ผมลุ้นคือ ถ้าหาก Project นี้สำเร็จในประเทศไทย คุณจะเห็นการ copy Project แบบนี้ ทั่วไปในโลก นั่นคือสิ่งที่คุณอาจจะได้เห็นก็ได้
หลังจากที่คุณอ่านที่คุณดูแล้วคุณคิดว่า โมเดลดิจิตอล wallet มันจะเวิร์คไหม ถ้าถามผมตรงๆ ผมว่ามันเวิร์ค แต่จะได้ตามเป้าไหม อันนี้ก็ต้องลุ้น เพราะแน่นอนเราว่าเกมนี้เป็นเกมเสี่ยง แต่ความเสี่ยงในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ กับความเสี่ยงในมุมมองของนักลงทุน มันจะต่างกัน
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
