11 ต.ค. 2023 เวลา 07:52 • การเกษตร

หนุน "ธรรมนัส" นัดอธิบดีกรมศุลฯ เปิดตู้ "หมูเถื่อน" ตกค้างล็อตสอง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนว่าการบริหารกระทรวงใน 4 ปีนี้ จะใช้ KPI (Key Performance Indicator) เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของงาน โดยมีเป้าหมายรวมของความสำเร็จคือ “เกษตรกรต้องอยู่ดีกินดี ลดภาระหนี้ เพิ่มรายได้เป็น 3 เท่าใน 4 ปี” ฟังแล้วใจฟู หัวใจเกษตรกรไทยทั่วประเทศคงจะพองโตตามงบประมาณกว่าแสนล้านบาทของกระทรวงใหญ่ไปแล้ว
ยังไม่ต้องพูดถึงรายได้เพิ่ม 3 เท่า ลำพังแค่ให้ลดภาระหนี้ได้ก็คงจะวิเศษที่สุด แต่จะทำอย่างไรให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ยกตัวอย่าง “เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู” ที่บอบช้ำแสนสาหัสจากสถานการณ์ต่างๆที่ถาโถมเข้ามากระทบตั้งแต่ 2 ปีที่แล้วจาก โรคระบาด ASF ไล่มาจนถึง “หมูเถื่อน” หลายหมื่นตันทะลักเข้าประเทศไทย
กดดันราคาขายหมูให้ตกต่ำ จนเกษตรกรไทยขาดทุนยับเยิน สวนทางต้นทุนการผลิตที่ทะยานขึ้นจากวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และภาวะเอลนีโญ กระทั่งวันนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูของไทยเราก็ยังลืมตาอ้าปากไม่ได้
คงไม่ต้องพูดถึงการกินดีอยู่ดีตามเป้าหมายรัฐบาล เพราะขอแค่ขายหมูไม่ให้ขาดทุนก็ยังยาก ตราบใดที่หมูเถื่อนไม่หมด โรคระบาดยังไม่มีวัคซีนป้องกัน หรือแม้แต่ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ยังสูงลิบ สวนทางราคาขายหน้าฟาร์มที่ต่ำเตี้ย หากไม่รีบวางแผนกลยุทธ์ช่วยเหลือเกษตรกรให้รอดอย่างจริงจัง ข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ก็สอบตก KPI กันหมดกระทรวง ส่วนบทลงโทษข้าราชการก็อาจจะแค่ไม่ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง แต่บทสุดท้ายของเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูไทยนั้นหนักหนาสาหัสกว่านัก เพราะมันอาจหมายถึงการล้มละลายและเลิกอาชีพไปเลย
ถ้า รมว.เกษตรฯ อยากจะช่วยให้คนเลี้ยงหมูรอดตายตามเป้า อยากจะช่วยข้าราชการกระทรวงให้สอบผ่าน KPI ก็ควรต้องอำนวยความสะดวกและสนับสนุนการทำงานให้ข้าราชการอย่างเต็มที่ เช่น
• กรณีหมูเถื่อน: ท่าน รมว.ประกาศไว้ว่าจะทำสงครามกับหมูเถื่อนให้สิ้นซากภายใน 2 เดือน (กันยายน-ตุลาคม 2566) ท่านยิ่งต้องกวดขันติดตามคดีหมูเถื่อนอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่เพียงหมูเถื่อนที่ถูกจับกุมแล้ว 161 ตู้ แต่ต้องเร่งประสานความร่วมมือกับ อธิบดีกรมศุลกากรคนใหม่ ให้สั่งการเปิดตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็นตกค้างอยู่อีกไม่ต่ำกว่า 93 ตู้ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นกันไปเลยว่าในนั้นเป็น หมูเถื่อนหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้นโยบายปราบปรามเนื้อสัตว์ผิดกฎหมายของท่านสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้นด้วย
• กรณีวัคซีนป้องกันโรค: ดูเหมือนท่าน รมช.เกษตรฯ จะประกาศนโยบายเรื่องการผลิตวัคซีน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านบริหารจัดการโรคระบาด และเตรียมสนับสนุนและพัฒนาการผลิตวัคซีนมากยิ่งขึ้น เพื่อผลักดันให้เป็นฮับ (Hub) ศูนย์กลางการผลิตวัคซีนในภูมิภาคนี้ ซึ่งถ้าทำได้จริงจะถือเป็นเรื่องน่ายินดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าทุ่มเทวิจัยผลิตวัคซีน ASF ได้สำเร็จ หลังจากมันเกิดขึ้นมาแล้วร้อยปีและไม่มีประเทศใดคิดค้นได้ ประเทศไทยจะกลายเป็นฮับการผลิตวัคซีนสัตว์ของโลกเลย ไม่ใช่แค่ภูมิภาค
• กรณีต้นทุนการผลิตสูง: มีนักวิชาการหลายท่านออกมาให้แนวทางการช่วยลดต้นทุนแก่เกษตรกรเพื่อช่วยผู้เลี้ยงหมูมากมาย เจาะจงไปที่ต้นทุนหลักซึ่งก็คือวัตถุดิบอาหารสัตว์ ที่รอการปรับปรุงแก้ไขให้ได้มาซึ่งราคาที่สมเหตุผล โดยต้องปรับโครงสร้างวัตถุดิบอาหารสัตว์ทั้งห่วงโซ่ จริงอยู่ว่าดูจะเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ แต่ รมว.เกษตรฯ น่าจะช่วยเจรจาให้ พณ.หันมาให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหานี้ร่วมกันได้
นี่เป็นเพียงบางส่วนที่กระทรวงเกษตรฯ จะช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูได้ และยังมีอีกหลายๆ มาตรการที่ภาครัฐจำเป็นต้องบูรณาการร่วมกัน เพื่อยกระดับรายได้ให้เกษตรกรอยู่ดีกินดี ขอเพียงกระทรวงเกษตรฯ เป็นโต้โผขับเคลื่อนจริงจัง แค่ลดภาระหนี้กับเพิ่มรายได้ให้ได้ก็ปลื้มแล้ว ยิ่งถ้าเพิ่มรายได้เกษตรกรเป็น 3 เท่าภายใน 4 ปี ได้จริงๆ เมื่อนั้นไม่ใช่แค่สอบผ่าน KPI แต่ท่าน รมว. และข้าราชการทั้งกระทรวง จะได้ใจเกษตรกรไทยทั้งประเทศไปครองเต็มๆ
โดย : วลัญช์ ศรัทธา
โฆษณา