12 ต.ค. 2023 เวลา 00:56 • ปรัชญา
การเรียนรู้ในกายในจิต..เรื่องราวที่มันมีรายละเอียด ในคำว่า อณู ที่ติดอยู่กับธาตุทั้งสี่ที่ประกอบขึ้นมาเป็นเรือนกาย ธาตุทั้งสี่ ที่เป็นธาตุของกรรม เป็นเหมือนเมล็ดทราย ที่ประกอบกับธาตุนะโม ธาตุพ่อธาตุแม่นั้น มันเป็นเรื่องราวของกรรม ที่เก็บสะสม ..อยู่ภายในธาตุทั้งสี่ เมล็ดทรายเม็ดหนึ่งก็เหมือนสิ่งที่เราสะสมมาชาติหนึ่ง
เมื่อจิตที่สะสมบุญกุศลมาเป็นอเนกชาติ มาชาติสุดท้ายก็ต้องทิ้งเวียงวัง ทิ้งทรัพย์สมบัติ ไปอยู่ป่า ..ไปชำระสะสาง ..ในสิ่งที่มีอยู่ป่าชำระสะสาง เกิดขึ้น ..มันจึงมีเรื่องราวของรอยทั้งสี่ ยืนเดินนั่งนอน รอยขององค์พระสิทธัตถะ ชำระสะสาง ..ชำระกาย ชำระสะสางเมล็ดทราย ต่างๆที่อยู่ในธาตุทั้งสี ขจัดออกไป ..จนธาตุทั้งสี่ นั่นสะอาดหมดจด ..ละลายกลายเป็นแก้วเจียระไน
เรื่องราวของชาติสุดท้าย เราก็มองดู เศรษฐีในยุคต้นพุทธกาล ท่านก็ทิ้งทรัพย์สมบัติ ออกบวชไปอยู่ป่า ..ไม่ยึดทรัพย์สินเงินทอง ..วัตถุสิ่งของ ..มีผู้ที่เล่าบอกว่า ท่านออกจากบ้าน ทิ้งทรัพย์สมบัติ ไปด้วยเสื้อผ้าชุดเดียว ไปอยู่ป่า ..ไปชำระสะสางจิตของท่าน เป็นชาติสุดท้าย ยุติการเกิด .ส่วนวิธีการชำระสะสาง
..นั่นก็เป็นเรื่องราวของรอยทั้งสี่ ขององค์พระสัมมาสัมพุทธะ รอยของการชำระสะสางกรรม ปลดเปลื้องเรื่องราวของกรรม รอยที่ทำกายมาอยู่นิ่งๆ นั่งนิ่งๆ เดินก็นิ่งๆ ยืนก็นิ่งๆ แม้การนอนในท่าไสยาสน์ ..ก็ทำให้กายนิ่ง จิตนิ่ง พร้อมด้วยสติสัมปชัญญะ รักษากายนิ่ง จิตเฉยๆ .อะไรเกิดขึ้นมา นิ่งเฉย
.มีผู้บอกว่า สติปัญญา..นั้นเกิดจากการที่ทำกายให้นิ่ง จิตเฉย..สิ่งที่เกิดขึ้นมาอีก ก็เรื่องของแสงของธรรม เกิดขึ้นที่จิต จิตสว่างไสว..ส่องดูธาตุที่เป็นสีดำ เมล็ดสีต่างๆ ให้ละลายออกไป เหมือนหยิบเอาสิ่งที่สกปรกออกไป ที่ต้องมีจิตที่มีขันติเป็นบารมี
เมื่อจิตมีแสง ..ก็เอาจิตไปส่องเมล็ดทราย ..ให้ละลายออกไป .เวลาละลายเมล็ดทราย ..มันก็เกิดความร้อน .เกิดกระแสแรงกดแรงดันมากมาย ..หากสติขันติไม่มี ..ก็เลิก ..ทนไม่ไหวหรอก ..ต้องขยับเขยื้อนกาย รักษากายให้นิ่งไม่ได้ .แล้วก็ยังมีเรื่องราว ของแสงสีเหลือง สีแดง สี่เขียว สีขาวบริสุทธิ์ ที่จะต้องเรียนรู้อีกมากมาย ..มันจึงเป็นเรื่องของจิตที่สะสมบุญกุศล ผู้ที่สะสมมาเต็มพิกัด ..ท่านก็สามารถเรียนรู้ได้ในสิ่งเหล่านี้ ส่วนเราผู้ที่มีกรรม ฟังแล้วก็ส่ายหัว .เข้าไปไม่ถึง ..สะสมบุญกุศลบารมีมาน้อยนิด ..
.. มีพระที่นับถือ ..เวลาท่านปฏิบัติ ท่านก็ยืนนิ่งๆ ไม่ไหวติ่ง ตั้งหกโมงเย็น ไปออกเอาเที่ยงคืน ท่านบอกว่า ฉันทำได้เป็นวันเป็นคืน ..แต่ก็เกรงใจหมู่คณะ เรื่องราวของคำว่าขันติเป็นบารมีของจิตนั่น ..มันจึงเป็นเรื่องของการฝึกหัด ..ก็อาศัยรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มากระทำขึ้น ..เพื่อชำระสะสาง สิ่งที่เป็นมลทินอยู่ที่ธาตุทั้งสี่ ..ทั้งอารมณ์กรรมตัวกระทำ มายาต่างๆ ที่ไหลออกมา .แม้แต่ลมหายใจเข้าออก ..เราก็ไม่เคยสังเกตว่า ลมที่เข้าออกในกาย ลมหายใจพัดพาอะไรเข้ามาในเรือนกาย มีอารมณ์อะไรพัดเข้ามาบ้าง
การศึกษาเรื่องราวภายในกายในจิตของตนเอง นั่นมันต้องอาศัยเรื่องราวของความมุ่งหมั่น พากเพียรพยายาม อาราธนารอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากระทำ เรื่องราวของตนเอง ทำไมต้องเกิดมามีกาย ..เกิดแก่เจ็บตาย ..ที่เป็นทุกข์ ..รู้จักว่าจิตนั้นมีกรรมอยู่กับธาตุทั้งสี่ ..ท่านก็หนีเข้าป่า ..ชำระสะสางจิตของท่านให้หมดเวรกรรมกับธาตุทั้สี่ ..ที่สะสมกรรมมาทุกชาติ.. คราวนี้ ..มันมีใครบ้าง .ทีจิตสามารถ ไปชำระสะสางธาตุทั้งสี่ที่จิตอาศัยได้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีมลทิน อารมณ์โลภโกรธหลงก็สิ้นไป ไม่มีปรุงแต่งจิตอีกแล้ว
รอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นรอยของผู้ที่มีบุญ สะสมบุญกุศลมา จึงสามารถที่จะปฏิบัติธรรมในรอยทั้งสี่นี้ได้ เพื่อปลดเปลื้องเรื่องราวของกรรม ..รอยนี้ไม่ใช่ของง่าย ทำกายนิ่งๆ จิตเฉย ..ไม่มีอารมณ์นึกคิดปรุงแต่งจิต ..จิตที่มีบุญบารมีมาดีแล้ว ..ท่านก็สามารถกระทำได้ ..ส่วนเราเป็นผู้มากด้วยเวรกรรม มากด้วยอารมณ์กรรม ..ไม่สามารถอทำกายให้นิ่ง จิตนิ่ง ..เฉยๆได้เลย ..ยิ่งท่าไสยาสน์ ..ไม่ถึงนาที ..ก็พลิก.ขยับเขยื้อน .รักษากิริยาไสยาสน์ไม่ได้เลย
ลองไปสังเกตดูก็ได้ ผู้ที่มากด้วยอารมณ์ ก็กรรมมาก เค้าจะไม่สามารถมากระทำให้กายนั้นนิ่งหน้าพระ .ได้เลย ..จะมานั่งในกิริยาของพระ เค้าจะลุกลี้ลุกลน แม้แต่สวดมนต์จะกราบพระ ก็ไม่สามารถเอากิริยาดีๆมากระทำได้เลย ..จะลุกลี้ลุกลน..เหมือนอารมณ์กรรมที่สะสมในกายนั้นมันเป็นกองไฟ ..ปะทุขึ้นมา
เรื่องราวรอยทั้งสี่ พระที่เรานับถือ ..ท่านบอกว่า ต้องเอาทุกรอยมาฝึกหัดศึกษา..เอามากระทำขึ้น ..เรียนรู้จากรอยทั้งสี่..ปลดเปลื้องเรื่องราวของกรรม
โฆษณา