15 ต.ค. 2023 เวลา 12:00 • อาหาร

Grapefruit ผลไม้ตระกูลส้มโออีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีประวัติเล่าขานอันยาวนาน

Grapefruit ผลไม้ตระกูลส้มโออีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีประวัติเล่าขานอันยาวนาน ในอดีตถูกเรียกว่า “ผลไม้ต้องห้าม” ในสวนของเอเดน ตามความเชื่อของในอดีตที่ว่า Grapefruit เป็นผลไม้ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยพระเจ้าเมื่อหลายพันปีมาแล้ว….วันนี้เราจะพาทุกท่านทำความรู้จักผลไม้ในตำนานชนิดนี้กันค่ะ
Grapefruit เป็นผลไม้ลูกผสมระหว่างส้มหวานและส้มโอ มีลักษณะคล้ายส้มแต่ว่ามีขนาดผลที่ใหญ่กว่า เดิมทีมนุษย์เรายังไม่รู้จักผลไม้ชนิดนี้ แต่เมื่อศตวรรษที่ 17 กัปตันเรือชื่อว่าแชดด็อก (Shaddock) ได้นำเมล็ดมาเพาะพันธุ์ในหมู่เกาะบาร์เบโดส ในภูมิภาคทะเลแคริบเบียนและได้ตั้งชื่อต้นไม้ชนิดนี้ว่า Shaddock
ในเวลาเพียงไม่นานการเพาะพันธุ์ก็ได้แพร่ขยายไปยังหมู่เกาะโดยรอบ ทำให้ผลไม้ชนิดนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและได้รับการบันทึกครั้งแรกในหนังสือ The Natural History of Barbados เมื่อปี 1750 โดยนักธรรมชาติวิทยา, นักบวชและนักประพันธ์ชาวเวลส์นาม Griffith Hughes
Grapefruit ชื่อนี้มีที่มาอย่างไร
ชื่อของ Grapefruit ถูกสร้างขึ้นโดยชาวจาเมกา เมื่อช่วงศตวรรษที่ 18 เนื่องจากพวกเขาสังเกตเห็นว่าผลไม้ชนิดนี้มีการเติบโตเป็นกลุ่มและตอนที่ยังไม่สุกจะมีผลสีเขียวคล้ายกับองุ่น ในภายหลังจึงได้เรียกผลไม้ชนิดนี้ว่า Grapefruit แทน Shaddock นั่นเองค่ะ
Grapefruit เป็นผลไม้ที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการที่คนทั่วโลกนิยมรับประทานกันอย่างแพร่หลายตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ซึ่งก่อนหน้านั้นนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ปัจจุบันมีการเพาะพันธุ์ออกมาหลากหลาย อาทิเช่น เนื้อสีขาวอมเหลือง ชมพูอมเหลือง และแดงทับทิม ซึ่งรสชาติมีตั้งแต่เปรี้ยวมากไปจนถึงหวานอมเปรี้ยว
โดยสายพันธุ์สีขาวและสีชมพูมีแนวโน้มที่จะมีรสเปรี้ยวมากกว่า ในขณะที่สีแดงจะมีรสหวานมากกว่า จึงได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตาม Grapefruit ทุกสายพันธุ์ถือเป็นผลไม้ที่มีน้ำมากกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ ถึง 92% จึงนิยมนำมาคั้นแล้วดื่มแบบสดๆ
คุณค่าทางโภชนาการของ Grapefruit
Grapefruit เป็นแหล่งรวมสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ประกอบไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิด เป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำแต่มีสารอาหารสูง ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ป้องกันร่างกายจากการติดเชื้อ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องปกหัวใจโดยควบคุมความดันโลหิตและระดับคอเลสเตอรอล มีประสิทธิภาพในการช่วยลดน้ำหนักและควบคุมความอ้วน
รวมไปถึงมีวิตามินซีที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันมากกว่า 100% ซึ่งช่วยบำรุงและปกผิวจากแสงแดด อีกทั้งยังเป็นแหล่งวิตามินบีที่ดี รวมทั้งโฟเลตและวิตามินบี 12 สารอาหารเหล่านี้มีความสำคัญต่อการรักษาระดับพลังงานและป้องกันโรคโลหิตจาง
นอกจากเนื้อด้านในของ Grapefruit จะมีประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายแล้ว เปลือกด้านนอกยังนิยมนำไปทำน้ำมันหอมระเหยได้อีกด้วย
โฆษณา