13 ต.ค. 2023 เวลา 07:30 • ประวัติศาสตร์
turkeyi

ประวัติศาสตร์พูดได้

ตอน เมื่อจักรวรรดิโรมันพลิกโฉมหน้าไปตลอดกาล 313 AD
“เหตุไร สร้อยข้อมือสีเงินของเจ้า เหมือนกับของข้าไม่มีผิด”
นายพลคอนสแตนเทียส Constantius *(1) ทักเฮเลน่าด้วยความประหลาดใจ หรือนี่คือคู่แท้ที่เขาเฝ้าค้นหา
“ข้าไม่ทราบ แต่ข้าได้รับสร้อยนี้จากพี่สาวต่างมารดา สลักสัญลักษณ์ ปลาอิตัส Ichthys ข้าถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มครองข้าและนำโชค”
“ข้าก็เชื่อเช่นนั้น ที่ข้าได้พบเจ้า ข้าถือว่าข้าโชคดีมากกว่าใครในบิธีเนีย Bithynia *(1) ” คอนสแตนเทียสยิ้มกว้าง
มิตรภาพระหว่างนายพลคอนสแตนเทียส แห่งโรม และ เฮเลน่า สาวงามเชื้อชาติกรีก พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วในดินแดนเอเชียไมเนอร์ ทั้งสองแต่งงานและมีบุตรชายที่มีนามว่า คอนสแตนติน Constantine
“ลูกชายของเราเหมือนท่านอย่างกับแกะ เขาจะเติบโตเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง และกล้าหาญเหมือนท่าน” เฮเลน่าเฝ้ามองทารกน้อยด้วยความภูมิใจ
ในปี 284 AD ที่จักรพรรดิ Diocletian ขึ้นครองราชย์ จักรวรรดิโรมันอยู่ในสภาพง่อนแง่นเต็มที การลอบสังหารจักรพรรดิเกิดขึ้นเป็นกิจวัตร ไม่ว่าจะจากฝีมือ Praetorian Guards*(2) หรือทหารองค์รักษ์ หรือจากพระญาติต่างๆในราชวงศ์ ภายในแค่ 1 ศตวรรษ จักรวรรดิโรมันมีจักรพรรดิผลัดกันปกครองถึง 30 พระองค์ นี่ยังไม่รวมผู้ที่พยายามชิงบัลลังก์แต่ล้มเหลว
ความใหญ่โตของจักรวรรดิทำให้มักมีการสั่งสมกำลังที่ชายแดน และท้าทายอำนาจของจักรพรรดิซึ่งพำนักอยู่ที่เมืองหลวง นี่เป็นเหตุผลที่ Diocletian รื้อระบบการสืบบัลลังก์เดิมๆ และตั้งระบบ Tetrarchy ขึ้น ให้มีผู้ปกครองสูงสุด 4 พระองค์ในคราวเดียวกัน
โดยในยุคของพระองค์ โปรดให้มีจักรพรรดิ (Augustus ) ได้ 2 พระองค์ และ รองจักรพรรดิ (Caesar) อีก 2 พระองค์ Diocletian *(3) เองปกครองส่วนจักรวรรดิโรมันตะวันออก อันมี เมือง ไบเซนเทียม Byzantium* (4) เป็นศูนย์กลาง Maximian * (5) ปกครองส่วนของจักรวรรดิโรมันตะวันตกซึ่งมีมิลานเป็นศูนย์กลาง
เมื่อ Diocletian สมัครใจที่จะสละบัลลังก์ พระองค์ได้ชักชวนแกมบังคับ Maximian จักรพรรดิแห่งโรมันตะวันตก ให้สละบัลลังก์ด้วยเช่นกัน นายพลคอนสแตนเทียส Constantius ขึ้นสู่ตำแหน่ง Augustus ซีกตะวันตก แทน Maximian ส่วนคอนสแตนติน บุตรคอนสแตนเทียส ก็แย่ง ตำแหน่ง Caesar กับ แมกเซนเทียส Maxentius บุตรชายของ แมกซิเมียน Maximian
การตายอย่างกระทันหันของ Galerius ที่อยู่ซีกตะวันออก ก็มีส่วนทำให้ การต่อสู้ระหว่าง คอนสแตนติน และ แมกเซนเทียส รุนแรงขึ้น เพราะในคราวนี้ ตำแหน่ง Augustus ว่างลงทั้งในซีกตะวันออกด้วย ชัยชนะหมายถึงอำนาจที่จะปกครองทั้งจักรวรรดิอย่างแท้จริง แต่ถ้าพ่ายแพ้ นั่นหมายถึงความตายทั้งต่อตนเอง ญาติพี่น้อง พลพรรคทหารที่ภักดี และผู้รับใช้ทั้งหมด เดิมพันครั้งนี้ยิ่งใหญ่นัก
“คอนสแตนติน ดูเจ้าเครียดเหลือเกิน แม่จะอธิษฐานวิงวอนพระเยซูคริสต์ให้ช่วยเหลือเจ้า ” เฮเลน่าพูดกับบุตรชายอย่างเป็นห่วง
“หลายสิบปีนี้ ข้าซาบซึ้งในศรัทธาที่แม่มีต่อเยซูแห่งนาซาเร็ธ แม้ว่าข้าเองยังไม่เข้าใจอะไรมากนัก กองทัพของเราเล็กมากเมื่อเทียบกับ แมกเซนเทียส หากข้าต้องพ่ายแพ้ เราจะสูญสิ้นทุกอย่าง ข้าคงต้องวิงวอนเทพเจ้าทุกองค์ของโรมกระมัง และคงต้องพึ่งพาพระเจ้าของแม่ด้วยเป็นแน่แท้” คอนแสตนตินจับไหล่มารดาเบาๆ
“ลูกรัก แม่จะขอให้ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของแม่ เป็นที่ประจักษ์ต่อตัวเจ้า กองทัพโรม และทั้งอาณาจักรนี้”
ในคืนนั้นเอง คอนสแตนติน ได้ฝันเห็นตนเองเดินนำทัพ ในขณะที่มองไปยังดวงอาทิตย์ เขาเห็นรูปกางเขน ซึ่งมาจากตัว อักษร X (Chi) และ P (Rho) *(6) อยู่ทับกัน พร้อมกับประกาศิต “ด้วยสัญลักษณ์นี้ เจ้าจะได้ชัยชนะ” คอนแสตนติน ได้บัญชาให้กองทัพของพระองค์ถือโล่ห์มีสัญลักษณ์ Chi Rho
Chi Rho
โล่ห์ที่มี Chi Rho
สงครามที่ Milvian Bridge จบลงด้วยชัยชนะของคอนสแตนติน ในวันที่ 28 ตุลาคม 312 ส่งผลให้คอนสแตนตินเชื่ออย่างมั่นใจว่า พระเจ้าของชาวคริสต์ได้พิสูจน์ความเกรียงไกรของพระองค์ต่อหน้าต่อตาเขา
ในปี 313 จักรพรรดิคอนสแตนติน ได้ออกประกาศ The Edict of Milan “No one whatsoever should be denied the opportunity to give his heart to the observance of the Christian religion” เป็นผลให้ชาวคริสต์มีอิสระในการนับถือศาสนา พระองค์สั่งห้ามการต่อสู้แบบ gladiators ซึ่งในอดีตปฎิบัติกันเพื่อลงโทษอาชญากรรวมถึงคริสเตียน ทรงยกเลิกการประหารที่ทารุณอย่างการตรึงกางเขน และทรงประกาศให้วันอาทิตย์เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์
จักรพรรดิคอนสแตนติน
ศาสนาคริสต์ได้แปรเปลี่ยนจากศาสนานอกรีตของเหล่าคนจนคนไร้อนาคต กลายไปเป็นศาสนาประจำอาณาจักรโรมัน จักรพรรดิ Theodosius ในปี 380 AD ทรงมีรับสั่งตามบันทึกฯ ดังนี้
“เป็นความปรารถนาของเราที่ประชากรที่เราปกครองอยู่ จะยึดถือปฎิบัติศาสนา ซึ่งท่านอัครทูตเปโตรได้ส่งผ่านมายังชาวโรม เราจึงเชื่อในพระเจ้าองค์เดียว พระบุตร (พระเยซู) และ พระวิญญาณบริสุทธิ์ เราบัญชาให้บรรดาผู้ยึดถือความเชื่อนี้มีนามว่า Catholic Christians
ส่วนคนอื่นที่ขาดสติและไม่ได้อยู่ในพระศาสนา ที่ยังปฎิบัติพิธีเลวทรามตามความเชื่อนอกรีตนั้น ที่ประชุมของเขาจะเรียกว่าคริสตจักรไม่ได้ เขาพึงได้รับการโบยตีก่อนจากสรวงสวรรค์ ตามมาด้วยการลงโทษจากจักรวรรดิ ซึ่งเราได้กระทำตามการพิพากษาอันศักดิ์สิทธิ์”
จากจุดนี้เราเห็นถึง ยุคใหม่ของความรอด new age of salvation ที่ได้เกิดขึ้น การประกาศพระกิตติคุณสามารถทำได้โดยปราศจากการข่มเหงอีกต่อไป การมาของพระเยซูในจังหวะที่จักรวรรดิโรมมีความเป็นหนึ่งเดียวทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม กำลังปูทางให้คริสตจักรเดินหน้าไปสู่พันธกิจที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าเดิม
บัดนี้ บทใหม่ของคริสตศาสนา ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
Disclaimer ความเรียงนี้ อ้างอิงประวัติศาสตร์จริงนอกพระคัมภีร์ บทสนทนาบางบท และ ภาพประกอบ เป็นจินตนาการของผู้เขียน เพื่อให้เห็นภาพเหตุการณ์
 
*(1) Bithynia คือจังหวัดหนึ่งใน เอเชียไมเนอร์ (ตุรกี)
*(2) Praetorian Guards หน่วยองครักษ์เปรโตเรียน มีหน้าที่คุ้มกันวังหลวง บ่อยครั้งพวกเขาเป็นตัวแปรสำคัญในการ “ “เปลี่ยนตัว” จักรพรรดิ
*(3) Diocetian เป็น Augustus ของจักรวรรดิฝั่งตะวันออกระหว่างปี 284 – 305 AD ปกครองพื้นที่ส่วนตะวันออกกลางรวมอิสราเอล เอเชียไมเนอร์ และอียิปต์ Galerius เป็น Caesar ปกครองดินแดนกรีซ และดินแดนในคาบสมุทรบอลข่าน
*(4) Byzantium ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น คอนแสตนติโนเปิล Constantinople ในปี 330 และต่อมาในปี 1930 ถูกเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น อิสตันบูล Istanbul
*(5) Maximian เป็น Augustus ของจักรวรรดิฝั่งตะวันตก ปกครองดินแดนที่เป็นอิตาลีในปัจจุบัน สเปน โปรตุเกส และ แอฟริกาตอนเหนือ Constantius เป็น Caesar ปกครองดินแดนที่เป็นฝรั่งเศษและอังกฤษในปัจจุบัน
*(6) Chi Rho - คือ อักษรกรีก สองตัว X (Chi) และ P (Rho) ซึ่งมานำมาเขียนรวมกัน หมายถึง ชื่อ Christ ในภาษากรีก
โฆษณา