14 ต.ค. 2023 เวลา 01:04 • ความคิดเห็น
เมื่อเกิดมามีชีวิต จิตไปอาศัย..ในรูปมนุษย์หรือสัตว์ ก็ต้องมีภาระทำมาหากินเลี้ยงสังขารกรรมทีจิตอาศัย ทำมาหากินหล่อเลี้ยงเรือนกายที่อาศัย เกิดเป็นมนุษย์..มีอาการครบสามสิบสอง ก็มีโอกาสใช้กายนี้ ให้เกิดประโยชน์ รู้จักพระคุณของเรือนกาย เรือนกายที่กายพ่อแม่ ห่อหุ้มจิตที่อยู่ภายในกาย มีวิญญาณทั้งหกไว้ให้สื่อสาร ส่งเข้าไปให้จิตรับรู้ ในเรื่องราวต่างๆ มีอารมณ์นึกคิดที่เกิดขึ้น ที่นำกายนี้วิญญาณทั้งหกไปสัมผัส มีอารมณ์พอใจไม่ชอบใจ มีโกรธโมโห มีความหงุดหงิดเ่ราร้อน เกิดที่กาย
..ความทุกข์มันเกิดที่กาย..ที่จิตใช้กายไปกระทำขึ้นมาเอง..ใช้กายสร้างกรรม ก็ต้องมีกรรม จมอยู่กับอารมณ์กรรมตัวกระทำ ..ที่สะสมแต่กรรม ..เข้าจึงบอกว่า ให้สร้างทานบุญกุศลบารมีขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือจิตของตนเอง ..ทำให้กายกรรม นั่นเป็นกายของบุญ ..เมื่อกายบุญเกิดขึ้น ..จิตอาศัยในกายที่เป็นบุญ ..จิตก็มีกำลังขึ้นมา .ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆได้
.แต่ยุคสมัยนี้ ..เค้าก็ไม่ได้เรียนรู้จัก ..เรื่องราวของคำว่า ทานบุญกุศล ..เค้าก็เรียนรู้มุ่งมั่นพัฒนาวัตถุปัจจัยอย่างเดียว เรื่องราวบุญกุศล..ก็น้อยลงไป มีแต่ไปเที่ยวกราบไหว้ วิงวอน ร่ำรวย กลายเป็นศาสนาอ้อนวอน..ร่องรอยคำสอนดีๆ รอยของพระ...คนก็ไม่สนใจ .เพราะความอยากได้อยากมี .ให้ได้ดังอารมณ์ที่ปรารถนา อยากได้สิ่งนั่นสิ่งนี้ ..อ้อนวอน..ไม่พึ่งจิตของตัวเอง
..จิตไม่มีที่พึ่ง ..บ้างก็ไปพึ่งเจ้าพ่อเจ้าแม่ เทพองค์นั้นองค์นี้ตามแต่ที่เค้าจะอุปโลกน์หลอกกัน..ให้ไปพึ่ง ..ให้หลงใหล เช่น..ทำบุญมากๆ จะไปสวรรค์นิพพาน ..แล้วนิสัยสันดาน โลภโกรธหลง ไม่เคยเปลี่ยนแปลง มันจะไปได้อย่างไร มันจะเป็นไปได้หรือ มันก็จมกับนิสัยสันดานเก่านั่นแหละ
เมื่อมีอารมณ์เกิดขึ้น ก็มีตัวกระทำ .แล้วก็บังคับจิตก็ทำไปตามอารมณ์ ..เพราะไปดึงสิ่งหนึ่ง ที่เค้าเรียกว่าตัวกระทำให้ผุดขึ้นมา เหมือนปลุกผีให้ลุกขึ้น จึงขาดสติสัมปชัญญะ ยับยั้งอารมณ์กรรมตัวกระทำไม่ได้ .เราจึงเห็นคนที่ใช้อารมณ์กรรม ที่รุนแรง เข่นฆ่ากัน แม้แค่มองหน้ากันนิดเดียว ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำไป ..เค้าจึงเรียกว่า ..คนเรามันฝืนกรรมอารมณ์ตัวกระทำไม่ได้ ..ยับยั้งไม่ได้..แม้อารมณ์นึกคิดของตัวเอง ที่ทะเยอทะยานอยากนั่นอยากนี้ ..เกิดขึ้นต่อเนื่องไปไม่สิ้นสุด..
สิ่งที่เราเรียนรู้จักเรื่องราวได้ ของอารมณ์กรรม ตัวกระทำ..ก็เนื่องด้วยการฝึกหัด ในรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ..รอยยืน เดิน นั่ง นอน..ทำจิตเฉย ..ต้องทำด้วยความนอบน้อม รู้จักวิธีที่จะปฏิบัติขึ้นมา .ฝึกหัด ..ทำกายนิ่ง จิตนิ่ง จิตเฉย..ซึ่งต้องอาศัยเวลา ในการฝึกหัด ..ต้องแบ่งปันเวลา ..เวลาของโลก ..เวลาของธรรม ..ต้องแบ่งเวลา ให้แก่จิตของตัวเอง หันมาหาธรรม..ให้จิตนำกาย..มาศึกษาธรรม นำกายมาปฏิบัติธรรม ..ไม่ใช่ใช้กายสร้างแต่กรรม ..หยุดให้กาย..อยู่ในกระแสของธรรม..ปลดเปลื้องเรื่องราวของกรรมออกไป
เรื่องตัวกระทำ ..มันก็ยากที่จะเรียนรู้จัก ..เป็นเงาดำแนนแน่นอยู่ในตัว ..บางที่เดินจงกรม ..เงาดำๆนี้ ก็เดิน..เหมือนแยกออกจากกาย ความเจ็บปวดแสบร้อนปรากฏขึ้น ..เงาดำนี้เหมือนมีพลัง..ดูดให้กิริยาของกาย เคลือนไหวไปตามตัวกระทำ ..แรกเห็นก็นึกว่า ผีหลอก ..ก็เดินไปเรื่อยๆ เป็นเงาดำ..ดูดให้กาย..มีกิริยาตามอารมณ์กรรมตัวกระทำ เราก็ได้ยินได้ฟังคำว่าตัวกระทำมานาน กว่าจะค่อยๆเรียนรู้จักได้
(เรื่องตัวกระทำ..นี้ดูเหมือนเรื่องลี้ลับ ต้องปฏิบัติธรรมขึ้นมา ให้จิตเราได้รู้จักเอง ต้องทำเอง ..เราจะเข้าใจในเรื่องอารมณ์กรรมตัวกระทำ เรื่องราวของตัวกระทำนั้นมันเป็นอารมณ์ ที่ไปสร้างตัวกระทำ แล้วยังมีอารมณ์ ที่ไปดึงตัวกระทำเก่าขึ้นมาจากธาตุทั้งสี่อีก ..แต่นั้นเป็นรายละเอียด ในสิ่งที่เค้าเรืยกว่าชดใช้เวรกรรม เช่น..เราเคยด่าเค้า เค้าก็มาด่าเรา เราเคยใช้เร้า เค้าก็มาใช้เรา อะไรทำนองนี้)
เมื่อเราเกิดมา ..สิ่งที่เราเคยใช้ มีกาย ..ต้องไปเอาของสิ่งนั้นสิ่งนี้ เอากินมาใช้ ..มันล้วนเป็นของๆโลก ..ยึดโลกอยู่ เป็นหนี้ผูกพันในวัตถุสิ่งของที่มีชีวิตไม่มีชีวิต เราจึงต้องเกิดมาอยู่ในสังขาร..สังขารกรรมของโลก ..ให้จิตได้อาศัย..เพราะเราชอบยึดรักหลงใหลในเรือนกาย จึงต้องเกิดมาใช้กาย ..เกิดตายๆ วนเวียนเช่นนี้ไปจบสิ้น ..เค้าเรียกว่า ใช้สังขารเปลือง
..มัวเกิดตายๆ ..หยุดการเกิดไม่ได้เลย ..ไม่รู้ว่าไปเกิดที่ไหนมาบ้าง จิตเดินมายาวนาน ..ไม่รู้ว่าผ่านยุคไหนมาบ้าง บางคนเกิดมาเป็นมนุษย์ยุคนี้ ..แต่ก็โหดร้ายทารุณ ..เหมือนย้อนยุคไปมนุษย์ยุคหิน..แตกต่างกันที่อาวุธที่ใช้ประหัตประหารเข่นฆ่าทำลายกัน เค้าจึงว่าเกิดมา ใช้นิสัยสันดานเก่า ไม่เคยพัฒนาแก้ไขพัฒนาจิตใจขึ้นมาได้ ..ก็เกิดมาสร้างกรรม..จิตมีกรรม ก็ต้องมาสร้างกรรมกันต่อไป..ยุติการเกิดไม่ได้ ..
เมื่อจิตยุติเหตุให้มีการเกิดไม่ได้ ชอบทำเหตุให้เกิดบ่อยๆ ชอบเกิด..เกิดเป็นนักท่องเที่ยว เที่ยวที่นั่นที่นี่ สถานที่ในโลก ..เดี๋ยว..ก็ได้..ไปท่องเที่ยว ได้ไปอยู่นรก เปรต อสุรกาย ท่องเที่ยวไปตามภพภูมิ ..ที่จะไปเกิด ..มันน่าสนุกมั้ยหนอ..ใครหนอเป็นผู้จัดการให้ได้ท่องเที่ยว..เค้าว่า กรรมที่ตนเองเป็นผู้จัดสรรให้ จริงมั้ยหนอ ..ต้องมีกรรมชาติเกิดท่องเที่ยวเป็นอสงไขยยาวนาน..ทุกข์ทรมานอีกยาวนาน..เป็นนักท่องเที่ยวให้จิตรับทุกข์ทรมาน..วนเวียนในวัฏฏะ ..เดี๋ยวไปอยู่นรกยาวนาน สวรรค์ยาวนาน..สลับท่องเที่ยวไปเกิด
เค้าจึงว่า ได้กายเป็นมนุษย์ทั้งที เสียชาติเกิด ที่เป็นมนุษย์รู้จักดีชั่วได้ รู้ดีรู้ชั่ว ทำไมไม่ใช้กายทำเรื่องราวราวดีๆ ..สร้างบุญกุศลบารมี.มีกิริยากายวาจาใจที่ดี ..มันจึงเกิดคำว่า โมฆะบุรุษโมฆะสตรี เสียชาติเกิดไปชาติหนึ่ง
โฆษณา