Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่า บาย สีส้ม
•
ติดตาม
2 พ.ย. 2023 เวลา 01:00 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่อง ชาตินี้ที่รัก...เราคงรักกันไม่ได้
เรื่องโดย พงษ์สัน
ผมเงยหน้ามองพระประธานในโบสถ์ พร้อมกับก้มลงกราบพระสามครั้ง การได้มาสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง เสมือนย้ำเตือนความทรงจำบางอย่างที่ผุดขึ้นมาในสมองของผม ในขณะที่คิดอะไรในอดีต หลานชายของผมก็เดินเข้ามาข้างใน เคียงข้างของเขามีหญิงสาว ก็น่าจะเป็นคนรู้จักของเขา
“สวัสดีค่ะ” เสียงนุ่มใสของเธอ ทำให้ผมมองหน้า และอดประหลาดใจไม่ได้ เพราะใบหน้าของเธอช่างเหมือนใครคนหนึ่งในความทรงจำของผมเสียเหลือเกิน เธอแนะนำตัวว่าชื่อพิณทอง เป็นคนระแวกนี้ รู้จักกับหลานชายของผมตอนที่ไปเรียนที่ มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ
เธอรอบรู้ บรรยายเรื่องราวของวัดแห่งนี้ให้ผมและหลานชายฟังอย่างสนุกสนานพร้อมความรู้
“วัดนางสาว ความเป็นมาของวัดมีเรื่องเล่ากันว่า เมืองสาครบุรี คือ เมืองชายทะเลตอนใต้ของกรุงศรีอยุธยา เมื่อเกิดสงครามในพม่าชาวไทยกลุ่มหนึ่งได้อพยพหนีมาตามริมแม่น้ำท่าจีน คนชราและผู้หญิงได้พากันไปหลบซ่อนในโบสถ์เก่า
ต่อมาคนไทยได้ช่วยกันต่อสู้กับทหารพม่าจนได้รับชัยชนะ และผู้ที่อพยพมาได้ตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณนั้น ในกลุ่มนี้มีสองพี่น้องที่เคยอาศัยโบสถ์หลบหนีภัย ทั้งสองมีความคิดที่จะบูรณะโบสถ์ใหม่ แต่พี่สาวเห็นว่าโบสถ์ทรุดโทรมมากจึงไปสร้างวัดใหม่แทน น้องสาวต้องการทำตามสัจจาธิษฐานของตนว่าถ้ารอดตายจะบูรณะซ่อมแซมโบสถ์ จึงดำเนินการบูรณะจนเสร็จและตั้งชื่อว่า วัดพรหมจารีย์ ต่อมาชาวบ้านเรียกว่า วัดน้องสาว จนปัจจุบันเพี้ยนมาเป็น วัดนางสาว”
“แหม หนูพิณนี่เก่งจริงๆนะ สมัยที่ปู่อาศัยอยู่แถวนี้ ยังไม่รู้ประวัติความเป็นมาขนาดนี้เลย” ผม ยิ้มและหัวเราะเบาๆในความเก่งของพิณทอง
“หนูเพิ่งทราบ คุณปู่พื้นเพเดิมเป็นคนที่นี่หรือคะ” เสียงของเธอเอ่ยขึ้น ไม่เพียงแต่หน้าตาที่เหมือนเท่านั้น แต่น้ำเสียง กิริยาท่าทางของเธอยังเหมือนกับ บัวบาน ไม่มีผิด ผมจ้องมองหน้าเธออยู่นาน นัยน์ตาคู่นั้น เหมือน เหมือนราวกับคนคนเดียวกัน จนผมต้องเอ่ยถาม
“หนูพิณ หนูรู้จักคนที่ชื่อบัวบาน หรือเปล่า” สิ้นเสียงคำว่าบัวบาน เหมือนว่า พิณทอง หญิงสาวตรงหน้าจะทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราว ผมได้แต่พยักหน้า เพราะเธอคงไม่รู้จัก บัวบาน อดีตรักที่ผมกับเธอเคยรักกันเมื่อห้าสิบกว่าปีก่อน ซึ่งคนรุ่นใหม่ ก็คงไม่มีใครรู้จักเสียแล้ว
“พิณไม่ทราบหรอกค่ะคุณปู่ แต่มีคนหนึ่งที่อาจจะทราบเรื่องราวในอดีต” พิณทองเอ่ยขึ้น ทำให้ผมรู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างประหลาด เพราะอาจจะมีคนรู้จัก บัวบาน ก็เป็นได้
“ใครหรือจ๊ะหนูพิณ” ผมเอ่ยถาม เพื่ออยากให้ความกระจ่างที่มันเคลือบแคลงสงสัยมานานจางหายไป
แค๊กๆๆ เสียงไอคอกแคกดังขึ้นจากเบื้องหลัง ในขณะที่พิณทองกำลังจะเอ่ยชื่อ ทุกคนหันไปตามเสียงที่ได้ยิน ปรากฏเป็นภิกษุรูปหนึ่งซึ่งชราภาพมากแล้ว ผมหันไปกราบ ภิกษุรูปนั้น น่าจะอายุราวแปดสิบเห็นจะได้ ท่านคนนี้ คงเป็นคนที่พิณทองกำลังจะเอ่ยก็เป็นได้
“นี้ไงคะหลวงตาจูม ท่านบวชเรียนที่วัดแห่งนี้มานานร่วมสามสิบพรรษาเห็นจะได้ค่ะคุณปู่” เสียงของพิณทองเอ่ยกับผม ซึ่งผมก็พยักหน้า ไอ้ผมก็จำเรื่องราวแต่อดีตหนหลังเสียมิได้แล้ว มันหลงๆลืมด้วยตามวัยของผมซึ่งเจ็ดสิบเข้าไปแล้ว ซึ่งพิณทองเอง หันไปถามทางหลวงพ่อซึ่งชราภาพว่า
“หลวงตาคะ หลวงตาพอจะทราบชื่อ คนชื่อบัวบาน ที่อยู่ในตำบนนี้มั้ยคะ” พิณทองเอ่ย หลวงตาจูมพยายามนึกคิด ก่อนที่ท่านจะส่ายหน้าแล้วบอกกับทุกคนในที่นั้นว่า “ อาตมาจำไม่ได้หรอกโยม เอ แต่ว่าชื่อนี้มันก็คุ้นๆนะ แต่ว่า อาตมาเพิ่งมาจำพรรษาที่วัดแห่งนี้เมื่อสามสิบปีที่แล้ว เรื่องราวก่อนหน้า อาตมาคงไม่รู้เห็นดอกโยม”
หลวงตาจูมบอกเล่าเรื่องราวคร่าวๆว่า ท่านมาจากวัดอื่น บวชเรียนได้ไม่กี่พรรณษาก็สึกออกมา เมื่อราวๆปี2536 ท่านจึงกลับมาบวชที่วัดแห่งนี้อีกหน ซึ่งตอนที่ท่านบวช ตอนนั้นท่านก็อายุห้าสิบกว่าเข้าไปแล้ว และเรื่องที่ผมจะตามหาคนที่สาบสูญไป มันเรื่องเมื่อห้าสิบปีก่อน ซึ่งแน่นอนว่า หลวงตาจูม ไม่รู้ไม่เห็นแน่นอน
เจ้าหลานชายพาผมเดินออกมาจากโบสถ์ พร้อมกับหนูพิณทอง ที่เดินตามออกมา ผมยังคงไม่ลดละที่จะถามคนชื่อบัวบาน ซึ่งมัคนายกคนปัจจุบันก็ไม่รู้จัก คนเก่าแก่ของวัดหลายคนก็ไม่รู้จัก เราได้ความว่า คนเฒ่าคนแก่ของที่วัดแห่งนี้ ล้มหายตายจากกันไปหลายคนแล้ว ซึ่งคนที่อยู่ ก็ไม่มีใครทราบชื่อ คนชื่อบัวบาน ผมได้แต่เสียใจ เพราะการตามหาคนที่รู้จักได้จบลง เพราะไม่มีใครทราบชื่อ หรือเรื่องราวของเธอแต่อย่างใด “คุณปู่พอจะเล่าเรื่องราวในอดีตให้ผมได้ฟังได้มั้ยครับ” ต้นหลานชายของผมเอ่ย
“อยากฟังเรื่องราวของปู่หรือต้น” ผมเอ่ยถาม เพราะเรื่องราวของผม มันก็เป็นเรื่องความรักธรรมดาทั่วไป ไม่ได้วิเศษวิโสอะไรมากมายปานนั้น
“เพื่อผมจะช่วยตามหาทางโซเชียลให้ไงครับ สมัยนี้ เขาตามหาทางโซเชียลกันเยอะแยะนะครับปู่ ไม่แน่ คนชื่อบัวบานอะไรนั้น อาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ครับ” ต้นบอกกับผม ทำให้ผมเริ่มเห็นความหวังขึ้นมา เผื่อว่า บัวบานยังอยู่ หรือ ถ้าหากเธอตายไปแล้ว ผมก็ขอทราบเรื่องราวของเธอสักครั้ง เพื่อไม่ให้ติดฝังใจไปตลอดชีวิตของผม
เราสามคนมานั่งที่ศาลาริมน้ำภายในวัดที่ร่มเย็นเห็นแม่น้ำท่าจีนทอดยาว ก่อนที่ผมจะหวนนึกไปถึงเรื่องราวในอดีตของผม เมื่อห้าสิบปีก่อน
“เมื่อราว ปี พ.ศ 2515 ในขณะนั้นปู่มีอายุ21ปีเห็นจะได้” เสียงของผมค่อยเล่าเรื่องราวในอดีต ภาพความหลังผุดขึ้นมาในความทรงจำของผมอย่างช้าๆ ช้าๆ นัยน์ตาของผมมีภาพของอดีตฉายนัยน์ตามากมายบัวบาน เป็นลูกสาวของพ่อค้าเร่ ที่ล่องเรือมาขายของที่ชุมชนแห่งนี้ ผมเห็นเธอครั้งแรกที่ท่าร้านขายของ
“มาซื้ออะไรหรือจ๊ะ” เสียงหวานของบัวบานทำให้ผมยิ้มแป้น
“เห็นเดินมาซื้อของแม่บัวบาน สองสามหนแล้วนะ พ่อสุรพล” เสียงแม่ค้าที่อยู่ใกล้ๆเอ่ยแซว แม่ค้าแถวนั้นปากสว่าง หลังจากที่ผมไปหยอดขายขนมจีบบัวบานอยู่สองสามหน เรื่องก็ไปเข้าหูของครอบครัวของผม
“จะไปไหนอีกล่ะสุรพล” เสียงแม่ของผมเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าจะเดินออกจากบ้าน
“ไปซื้อของนะครับแม่” ผมบอก ในขณะที่ผมแต่งตัวหล่อ ฉีดน้ำหอมยี่ห่อดังออกไปด้วย มารดาโบกมือเรียกเข้าไปหาทันที
“แม่ได้ข่าว ว่าแกไปติดสาวที่ตลาดข้างวัดรึ”
ผมพยักหน้า “แม่ไม่อยากได้สะไภ้เป็นแม่ค้านั่งตลาดนะ สุรพล จะหาทั้งทีก็หาที่มันมีสกุลรุนช้องเสียบ้างสิ ได้เมียทั้งที หาที่มีสกุลรุนช่องจะไม่ได้เชียวรึ เที่ยวไปกวาดลานวัดหาเศษแถวๆนั้น มันจะได้พงผีขี้เถ้าถ่านมาทำเมียนะยะ” แม่บ่น แต่ผมไม่ได้สนใจ ยังออกไปหยอดขายขนมจีบบัวบานอยู่หลายเดือน แม้แม่จะห้ามปราม
“คุณก็อย่าเอาอะไรมากมายเชียวเลย ลูกเรามันก็ยี่สิบแล้วนะ จะหาเมียก็เรื่องของมัน” เสียงของพ่อบอก แต่แม่ไม่ยอมท่าเดียว
“คุณไม่สงสารลูกเราหรือคะ ที่จะได้เมียเป็นแม่ค้า”
“แล้วแม่ค้ามันผิดตรงไหนหรือคุณ เขาไม่ใช่คนหรือ อย่างน้อย เขาก็คนทำมาหากินนะ ไอ้ผมนะ มีแม่เป็นคนขายปลาที่บางเสร่ ผมไม่ยักอายอะไรเลย คุณนะอย่าลืมว่าผัวคุณ มีแม่เป็นแม่ค้านะครับ” พ่อของผมบอกอย่างนั้น ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับแม่เป็นอย่างมาก
ย่างเข้าเดือนที่หกที่เราคบกัน บัวบานบอกกับผมว่า พ่อของเธออาจจะย้ายกลับไปบ้านที่ อำเภอสารภี เชียงใหม่ ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่า เธอจะต้องตามไปด้วย หรือไม่ ใจจริงเธอไม่อยากไปไหนเลย ผมจับมือของเธอเอาไว้แน่น เราสองคน เดินเข้าไปที่โบสถ์ ภายในโบสถ์มหาอุตประดิษฐานองค์พระประธานองค์ใหญ่ หรือเรียกกันว่า หลวงพ่อโต เราสองคนพนมมือและกล่าวพร้อมๆกันว่า
“ต่อหน้าพระประธานแห่งนี้ เราสองคน ขอสัญญาว่าจะรักกันไม่พรากจากกันไปไหน เราจะมั่นคงต่อความรักตลอดไป จะไม่ทิ้งกัน จะรอวันที่เราได้อยู่เคียงกันตลอดไป”
คำสัญญานั้น อาจจะเลื่อนลอย หรืออาจจะเป็นจริงๆ แต่มีคนหนึ่งได้ผูกสัญญาเอาไว้ตลอดไป และไม่ยอมละทิ้งมันตลอดคำมั่นนั้นเลย
ผมได้ทุนไปเรียนหมอต่อที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งผมได้บอกกับบัวบานไว้ว่า “อีกสามปี เท่านั้น รอผมก่อนนะบัวบาน” ซึ่งบัวบานดีใจผมนัดแนะกับบัวบานไว้ว่าจะไปเจอกันวันสุดท้ายก่อนที่ผมจะไปเดินทางไปต่างประเทศ เรานัดแนะกันที่ศาลาริมน้ำที่เดิมที่เราพบกัน แต่รอแล้วรอเล่า เธอก็ไม่มา ผมฝากจดหมายเอาไว้ให้แม่ค้าแถวนั้นส่งมอบให้เธอ และนั่น ก็คือความหลัง ทั้งมวลที่ผมมีต่อเธอ
ตัดมาที่ปัจจุบัน
“แล้วหลังจากที่คุณปู่กลับมาเมืองไทย คุณปู่ไม่ทราบข่าวคราวของ บัวบานเลยหรือครับ” เจ้าต้นเอ่ย ผมส่ายหน้า พลางนึกไปถึงวันวานอีกหน
“หลังจากที่ปู่กลับมา ปู่ก็กลับมาที่นี่อีกหน แต่คนระแวกนี้บอกกับปู่ว่า บัวบาน แต่งงานกับพ่อค้าเร่ แล้วกลับไปที่ อำเภอ สารภี แล้ว”
เจ้าต้นกับ พิณทองมองหน้ากัน อย่างเหวอ ว่าเรื่องมันจบแบบ งงๆ ตัดตอนให้อีกคนแต่งงานแบบนี้หรอ
“แล้วคุณปู่ก็เชื่อ” เจ้าต้นเอ่ย
“ไม่ ปู่ไม่มีทางเชื่อ ปู่พยายามหาบัวบาน แต่สมัยนั้นมันไม่มีสื่อโซเชียลแบบสมัยนี้ไง บัวบานหายไปกับเวลา แต่ความทรงจำในอดีตมันไม่มีทางหายไปไหน”
เจ้าต้นกับพิณทองต่างสบตากัน
“คุณปู่มีรูปของบัวบานหรือเปล่าครับ ถ้าเรามีรูป เราอาจจตามหาเธอง่ายขึ้น เผื่อญาติพี่น้องของเธอมาเห็นจะได้รู้ว่าคุณปู่ตามหาเธออยู่”
ผมส่ายหน้า “ปู่ไม่มีรูปของเธอหรอก เธออยู่แค่ในความทรงจำของปู่เพียงเท่านั้น” ผมรู้ว่าผมคงไม่ได้เจอบัวบานอีกตลอดชีวิต เพราะข้อมูลของผมมีเพียงเท่านี้ แล้วจะไปตามหาเธอได้อย่างไร เธออาจจะมีชีวิตอยู่ หรือไม่มีชีวิตอยู่ก็เป็นไปได้ทั้งสอง แต่เจ้าต้นคงไม่ลดละที่จะช่วยเหลือผม ผมได้แต่ขอบใจเจ้าหลานชาย ผมขอเวลากับตัวเองซักครู่ เดินรอบๆวัด บันทึกเรื่องราวความทรงจำครั้งก่อนกับสถานที่แห่งนี้
ผมเดินรอบๆ พบว่ามีแม่ชียืนกวาดลานวัด และมีแม่ชีอีกหลายคนที่นั่งสมาธิอยู่โดยรอบวัด มีคนหลายคนหันหน้าเข้ามาในวัด เพื่อจะพยายามระงับกิเลส และพยายามดับความทุกข์ ยิ่งสังคมสมัยนนี้ เป็นสังคมที่จอมปลอม หลอกลวง และเป็นสังคมที่ใส่หน้ากากหากัน ยิ่งทำให้คน มัวเมาลุ่มหลง
ซึ่งตัวของผมเองก็ไม่ต่างกัน ในขณะที่กำลังเดินอยู่ในวัดแท้ๆ ยังพยายามที่จะพากิเลสในตัวเองออกมา พยายามที่จะค้นหาคนคนหนึ่ง ที่อยู่ในความทรงจำ พยายามที่จะให้ทุกข์มันครอบงำ ผมสูดลมหายใจแรงๆ แล้วเดินกลับไปที่รถ พิณทองยกมือไหว้ผม พร้อมกล่าวคำอำลา ผมบอกกับเด็กสาวตรงหน้าว่า “ปู่จะกลับมาอีก” เรากล่าวลากัน เจ้าต้นค่อยขับรถออกไปจากลานจอดรถช้าๆ ในกระจกหลัง เห็นเงาของแม่ชี มองมาที่รถของผม ก่อนที่จะค่อยๆเลือนหายไปเมื่อรถแล่นพ้นออกจากประตูวัด
เสียงเพลง ที่รัก เรารักกันไม่ได้ ดังขึ้นในวัด เป็นเสียงของ เรียมดาราน้อย ซึ่งเป็นเพลงเก่า เกิดภาพความหลังนัยน์ตาของแม่ชีท่านหนึ่งที่ยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อครู่ ก่อนจะหวนไปในอดีต
“ลูกชายของฉันเขาจะไปเรียนต่อหมอที่ต่างประเทศ เธอเองก็ควรหลีกทางปล่อยให้เขาไปได้ดิบได้ดี ไม่ใช่กักขัง เหนี่ยวรั้งทำให้เขาไขว้เขว่ ไม่ยอมไปเรียนต่อจนเสียการเรียน แล้วเรื่องที่สัญยิงสัญญากัน ก็ไปถอนซะนะ จะได้ไม่ผูกติดกันเป็นเวรเป็นกรรม ถ้าเธอรักสุรพล เธอต้องรักที่จะให้เขาไปในทางที่ดี เส้นทางเดินของเธอกับสุรพล มันคนละทางเดิน ฉันเป็นแม่ ก็ย่อมอยากให้ลูกชายได้ดีมีความสุข เธอเองก็ไม่ควรดึงรั้งเขาเอาไว้นะบัวบาน
อ้อ แล้วอีกเรื่อง ที่สุรพลเขานัดแนะเธอเอาไว้ เธอก็ไม่ต้องไปพบเขาหรอก ปล่อยให้เขารอเก้อที่นั้นนั่นแหละ” เสียงของมารดาสุรพลเอ่ย บัวบานได้แต่พยักหน้า เห็นแก่อนาคต ที่จะประสบความสำเร็จของคนที่รักเอาไว้ ในวันนั้นที่สุรพลมาตามสัญญาที่นัดกันไว้ แต่เธอไม่ได้ เธอมานอนร้องไห้ที่ผิดสัญญาเธอร้องไห้
แต่ในความเสียใจ เธอยินดีให้เขาได้พบทางเดินที่ประสบความสำเร็จ แล้วเธอก็รักษาสัญญาตลอดมา ห้าสิบปี ที่เธอไม่เคยนอกใจเขาเลย ไม่แม้แต่จะรักใคร หรือนอกใจแม้แต่วินาทีเดียว จนเธอได้บวชชี ถือศีลในวัดนี้ ที่อดีตชื่อว่า วัดพรหมจารีย์
เสียงเพลงดังขึ้น น้ำตาไหล่เอ่อที่ขอบดวงตาของแม่ชี ปนเสียงสะอื้น ก่อนจะปาดน้ำตานั้นมิให้ใครเห็นและเก็บภาพความหลังนั้นเอาไว้ ในใจตลอดกาล
ชาตินี้ที่รัก
เราคงรักกันไม่ได้
เพราะว่าหัวใจ
ของเธอนั้นมีเจ้าของ
ฉันต้องสะอื้น
กล้ำกลืนแต่น้ำตานอง
ไม่อาจจะเรียกร้อง
ให้เธอนั้นมาเคียงใกล้
“มาอยู่ตรงนี้เองนะคะคุณยายแม่ชี” เสียงของพิณทองเอ่ยขึ้น อุบลพลางขยับกายเบี่ยงไม่ให้หลานสาวเห็นคราบน้ำตา
“เขากลับไปแล้วหรือพิณ” เสียงของแมชีอุบลเอ่ยเรียบๆ เสียงนั้นแหบกว่าปกติ
“ใครหรือค่ะ” พิณทองเอ่ย งง
“ก็เพื่อนของหนูไง”
“อ๋อ กลับไปแล้วค่ะคุณยายแม่ชี อือ ว่าแต่ พิณลืมนึกไปเลย ว่าคุณยายแม่ชี อยู่วัดมานาน พอดีเพื่อนของพิณเขากำลังตามหาคนชื่อบัวบาน คุณยายพอจะรู้จักเขามั้ยคะ”
แม่ชีอุบล เงียบสงบนิ่ง เป็นการเงียบที่พิณทองได้รู้คำตอบแล้วว่า ไม่ ..
ไลฟ์สไตล์
แนวคิด
เรื่องเล่า
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย