15 ต.ค. 2023 เวลา 21:25 • ท่องเที่ยว

Youth Monument & Ma Pi Leng Skywalk มหัศจรรย์ถนนลอยฟ้า

Ma Pi Leng Pass .. เป็นเส้นทางภูเขาที่น่าประทับใจที่สุดในเวียดนามที่ระดับความสูง 1,500 เมตร ตั้งอยู่ระหว่าง Dong Van และ Meo Vac สองเมืองทางตอนเหนือสุดของเวียดนามในจังหวัด Ha Giang ใกล้กับชายแดนจีน เป็นถนนบนภูเขาที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในเวียดนาม
Ma Pi Leng Pass เป็นที่รู้จักในนาม “ราชาแห่งขุนเขาเวียดนาม” “กำแพงเมืองจีน” และ “พีระมิดแห่งม้ง” .. มีหน้าผาและเหวเกือบทุกแห่งตลอดเส้นทาง และมีกิ๊บโค้งมากพอที่จะเวียนหัวได้ เป็นถนนเลียบไหล่เขามีภูมิประเทศที่โรแมนติกและน่าทึ่ง
อนุสาวรีย์เยาวชน (Youth Monument)
เราเดินทางลัดเลาะไปตามตะเข็บชายแดนเวียดนาม-จีน ชมวิวภูเขาที่สวยอลังการ .. นั่งรถไต่โค้งขึ้นภูเขา ถนนโค้ง 15 ชั้น
Ma Pi Leng Pass .. เป็นเส้นทางภูเขาทีน่าประทับใจทีสุดในเวียดนามที่ระดับความสูง 1,500 เมตร ตั้งอยู่ระหว่าง Dong Van ในจังหวัด Ha Giang ไปเมือง แหม่ววั่ก (Meo Vac) สองเมืองทางตอนเหนือสุดของเวียดนามในจังหวัด Ha Giang ใกล้กับชายแดนจีน เป็นถนนบนภูเขาที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในเวียดนาม
.. ถนนที่เหมือนเส้นด้ายพันไปตามไหล่เขาที่สูงชันพันซิกแซกไปมาจนลงหุบที่มีเมืองอยู่ด้านล่าง ถึงแม้จะต้องนั่งโอนไป เอนมาตลอดทาง แต่ก็สร้างความเพลิดเพลินได้อย่างที่สุด
ถนนลอยฟ้า Ma Pi Leng Pass ซึ่งมีความเป็นมาที่น่าสนใจมาก หากจะเล่าเรื่องผ่าน “Youth Monument” หรือ “อนุสาวรีย์เยาวชน” ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนลาดยางแห่งชาติ 4C ที่มีชื่อเล่นว่า "ถนนแห่งความสุข" ที่สร้างขึ้นในยุค 60 โดยคนงานจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อยจากพื้นที่นี้
Ma Pi Leng Pass สร้างขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 โดยเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายถนนเชิงยุทธศาสตร์ในเวียดนามตอนเหนือ การก่อสร้างมีความสำคัญทางทหารอย่างมากในช่วงสงครามอินโดจีน ถนนสายนี้เป็นเส้นทางเชื่อมโยงสำคัญไปยังถนนโฮจิมินห์ ซึ่งใช้เป็นเส้นทางเสบียงสำหรับกองทัพเวียดนาม
"ถนนแห่งความสุข" ยาว 185 กม. เริ่มต้นจำกเมืองฮาซาง ผ่านอุทยานธรณีโลก Dong Van UNESCO Global Geopark สู่เมือง Meo Vac
ถนนถูกสร้างขึ้นด้วยหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อของคนในท้องถิ่นกว่า 1,200 คน และอาสาสมัครเยาวชมากกว่า 1,000 คนจาก 16 กลุ่มชาติพันธุ์ ใน 8 จังหวัดภาคเหนือ … ได้แก่ กาวบัง บักคาน, ลางเซิน, ท้ายเหงียน, เตวียนกวาง, ฮาซาง, นัมดินห์ และเอเดือง.
พวกเขาต้องใช้เวลาทำงานเกิน 5 ปี (10/9/2502 - 15/6/2508) ด้วยเวลาทำงานกว่า 2 ล้านวัน-คน (man-days) เพื่อขุดและขนย้ายหินมากกว่ากว่า 3 ล้านลูกบาศก์เมตร ..
ในช่วงของระยะทาง 24 กม.เหนือพื้นที่ มา ปี เล้ง คือพื้นที่ ที่มีการเสียเล็อดและเหงื่อมากที่สุด .. เมื่อเคลียร์พื้นที่และถนนสร้างเสร็จแล้ว พบว่ามี 14 อาสาสมัครเยาวชนเสียสละชีวิตสังเวยถนนเส้นนี้ และต้องอยู่ในอุทยานของ UNESCO ตลอดไป
เช่นเดียวกับชื่อของถนนที่ถูกเรียกว่า "ความสุข" …. ถนนเมือสร้างเสร็จ มันนำความสุขอันยิ่งใหญ่มาให้กับเพื่อนร่วมชาติ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยหลายพันคนที่เคยมีถิ่นอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาหลายชั่วอายูคนบนที่ราบสูง .. เครือข่ายของถนนได้นำหลายสิ่งเข้ามายังหมู่บ้าน ทั้งไฟฟ้า โรงเรียน สาธารณสุข ฯ ทุกอย่างได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น
วิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นและเยาวชน เริ่มมีอนาคตที่ความสดใสขึ้น
.. เพื่อเป็นการรำลึกและขอบคุณเยาวชนอาสาสมัคที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนำถนนแห่งความสุขมาให้ …ในปี 2560 จังหวดฮาเกี๋ยงได้ก่อสร้างอุนุสาวรีย์เยาวชนที่ทำจากหินธรรมชาติสูง 12 เมตร ซึ่งมีรูปปั้นในรูปลักษณ์ของ 5 เยาวชนที่เป็นตัวแทนของ 8 ชนเผ่าที่อาสาเข้ามาทำถนน ต่อสู้กับธรรมชาติ เพื่อเปิดทางสู่ถนนแห่งความสุข
… รวมถึงอีก 3 รูปปั้นที่แสดงความอาลัยรักต่อผู้ที่ทำงานในแนวหน้าทางด้านเหนือจนประสบความสำเร็จ
อนุสาวรีย์ตั้งอยู่ข้างๆถนนแห่งความสุข กลมกลืนไปกับทัศนียภาพที่งดงามของธรรมชาติรอบๆ ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดความภาคภูมิใจต่อผู้ที่พบเห็น รวมถึงรู้สึกขอบคุณในความเสียสละของคนรุ่นก่อน
ถนนที่ข้ามผ่านนี้ถูกมองว่าเป็นถนนที่อันตรายที่สุดสายหนึ่งในฮาซาง ถนนบางส่วนไม่ได้รับการปกป้องอย่างดี อย่างไรก็ตามถนนเองก็อยู่ในสภาพดีมาก ในสภาพอากาศที่มีฝนตกหรือมีหมอกหนามาก คุณจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ก่อนและหลังเส้นทางผ่านภูเขา มีหมู่บ้านชนกลุ่มน้อยจำนวนหนึ่งที่อาศัยอยู่แบบชนเผ่าภูเขา ผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้ายุ่งๆ ในชุดประจำชาติและผู้ชายที่ดูแลวัว แต่เหตุผลที่ใหญ่ที่สุดว่าทำไมช่องผ่าน Ma Pe Leng จึงเป็นเส้นทางผ่านภูเขาที่สวยที่สุดในเวียดนามก็คือทัศนียภาพที่น่าประทับใจของหน้าผาสูงชัน ภูเขาสูง ถนนที่แกะสลัก และแม่น้ำ Nho Que ที่สวยงามตลอดทางลงไปในหุบเขา
มีจุดชมวิวหลายจุดที่คุณสามารถแวะชมทิวทัศน์อันน่าทึ่งและถ่ายรูปได้ คุณยังสามารถแวะที่อื่นเพื่อถ่ายรูปได้ แต่เมื่อคุณหยุดบนถนนคุณจะต้องระวังการจราจรอื่นๆ เนื่องจากเส้นทางบนภูเขานี้ยังเป็นจุดเชื่อมต่อหลักระหว่างเมือง Dong Van และ Meo Vac แทบจะไม่มีการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น วัดและโรงแรม ดังนั้นภูมิประเทศที่ขรุขระนี้จึงยังคงดูเป็นธรรมชาติมาก
ฉันนั่งมองหุบเขาที่อยู่เบื้องหน้า .. ว่ากันว่าหมู่บ้านด้านล่างประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์ Giay, Tay และ Mong อาศัยอยู่ พวกเขาใช้ชีวิตห่างไกลจากศูนย์กลางของชุมชน ชีวิตของผู้คนที่นี่แทบจะแยกจากโลกภายนอก ชีวิตหลักของพวกเขาคือจับปลาและกุ้งในแม่น้ำ ข้าวและข้าวโพดสามารถปลูกได้เพียงปีละหนึ่งฤดูกาลเท่านั้น
ชาวเขาของพื้นที่นี้สร้างสรรค์คุณค่าทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์หลายอย่าง ด้วยน้ำมือที่มีทักษะของผู้คนที่รอดชีวิตที่นี่ เช่นเดียวกับความงามของดอกไม้ตลอดทั้งสี่ฤดูกาล หากคุณมีโอกาสนั่งรถไปรอบ ๆ ที่ราบสูงตาร์สหิน คุณจะรู้สึกเหมือนกำลังก้มตัวลงเนินแล้วผ่านไปถึงสวรรค์ของ Quan Ba และ Dong Van และชื่นชมความงามของ Ma Pi Leng และลำธาร Nho Que อันเขียวขจี
สกายวอล์คมาปิเล้ง (Ma Pi Leng Skywalk)
สกายวอล์คเริ่มต้นที่พิพิธภัณฑ์ถนนแห่งความสุข .. มี 2 เส้นทางให้เลือกเดินตามความต้องการ และสภาพร่างกาย
ทางเดินแรก .. ทางเดินลอยฟ้าอยู่ในสภาพดี คอนกรีต แต่แคบ นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไป หรือจะใช้บริการมอเตอร์ไซด์รับจ้างให้ขับนำขึ้นไปส่ง ก็ได้ .. ระหว่างทางจะมีวิวของถนนสายหลักให้เก็บภาพอีกด้วย
เส้นทางสุดทางเลียบเขา มีก้อนหินยื่นออกไปในอากาศ มีลักษณะโค้ง .. หากเป็นที่นอร์เวย์ จะเรียก Trolltunga ("troll tongue") ซึ่งเป็นหน้าผาที่ยื่นออกไปในแนวนอนจากภูเขา มีแต่ขนาดใหญ่กว่า Ma Pi Leng Skywalk รวมถึงใช้เวลาเดินมากกว่า ด้วยระยะทางไป-กลับราว 27 กิโลเมตร
ทางเดินที่สอง .. เดินมาตามถนน จนถึงจุดเลี้ยวที่มีทางเดินหินผสมกรวด เป็นทางเดินสูงๆต่ำที่ไม่ยากมาก แต่ต้องมีสมาธิในการเดินพอควร
สุดทาง จะมีแผ่นหินขนาดไม่ใหญ่ยื่นออกไปในอากาศเล็กน้อย พอให้ไปยืนโพสท่าถ่ายภาพได้สวยๆ ด้วยมีต้นไม้ และทิวทัศน์ของภูเขาและซอกหลืบสีฟ่าน้ำเงินของภูผาเป็นฉากหลังประกอบที่งดงาม
โฆษณา