16 ต.ค. 2023 เวลา 01:26 • ความคิดเห็น
เรื่องเวลา ที่เค้าให้จิตที่มีกายเป็นมนุษย์ เค้าให้เวลา เพียงแปดสิบปี บ้างก็อยู่ไม่ถึง บ้างก็เกิน แล้วจิตก็ต้องเดินทางออกจากสังขาร ไปหาอาศัย กายใหม่ ภพภูมิใหม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับ สิ่งที่ตนเองสะสม บุญกรรม ที่ธาตุทั้งสี่จะนำพาไป เพราะชีวิตที่อาศัยกาย นั้น เค้าก็มีการบันทึกเรื่องราวการกระทำ ..ตลอดเวลา ..ในอีกมุมหนึ่ง เค้าให้เกิดมามีกายเป็นมนุษย์ สร้างเรื่องราวที่เป็นคุณให้แก่จิต ..เพราะเวลาจิตออกจากกายไป มันต้องไป อยู่ในสถานที่ ทุกข์หรือสุขยาวนาน
บางทีคนเรามันก็ไม่เข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ .. พอดีเคยไปงานศพวัดแถวอยุธยา นั่งในศาลา ก็มาทหารอยุธยามานั่งข้างหน้า แม้แต่ผู้ที่ที่เป็นใหญ่สมัยอยุธยา ก็เดินเข้าโบสถ์มา ตัวสูงกว่าประตูโบสถ์ ..เราก็ถามพระท่าน ..ท่านก็บอกว่า เค้าอยู่มาได้ สี่ห้าวันเอง บางที่ก็อยู่มาเจ็ดแปดวันเอง ..นั่นเป็นเวลาของโลกวิญญาณ ที่ร้อยปีของโลกมนุษย์ เท่ากับ หนึ่งวันของโลกวิญญาณ
เวลาที่เห็นเรื่องราวเหล่านี้ เราก็ย้อนมาถามตัวเอง จิตเราออกจากร่าง จะไปอยู่แบบนั้นมั้ย เป็นเพราะอะไรเค้าถึงไปอยู่แบบนั้น .แต่นั้นแหละ ความสนใจเรียนรู้เรื่องโลก เรื่องกรรม เรื่องธรรม เรื่องจิต เรื่องบุญกุศลบารมี มันสะสมกันมาไม่เหมือนกันเลย .ในแต่ละดวงจิต ..ที่มามีเวลาอยู่กับกายมนุษย์
แม้โลกวิญญาณ ..ที่อยู่ใกล้ชิดมนุษย์ จิตที่มีบุญ กับ จิตที่ไม่มีบุญ เค้าก็แยกจากกัน ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน เวลาจิตที่ไม่มีบุญ เค้ามาใกล้ หรือ มาขอส่วนบุญ เค้าก็เอากรรมของเค้ามาด้วย แสบร้อนระอุมาด้วย เหมือนบอกว่า เค้าทุกข์ทรมานอย่างไร เวลาจิตที่มีบุญเข้ามา..ก็รู้สึกเย็นสบาย การที่ได้รับรู้จัก เรื่องของโลกวิญญาณบ้าง รู้จักว่า จิตที่ออกจากกาย ทำไมไปอยู่ในสภาพแบบนั้น จิตที่ออกจากาย ..ด้วยอุบัติเหตุ หรือ ฆ่าตัวตาย ..เค้าก็ติดอยู่ในสถานที่นั้น ทุกข์ทรมานหิวโหย ..ไม่มีเรี่ยวแรงไปไหน หิวกระหาย
..พระที่นับถือ ท่านพูดให้ฟังบ่อยๆ ว่าทุกข์ที่มีกายเป็นมนุษย์นี้ มันไม่เท่าไหร่หรอก ..พอจิตออกจากร่าง ..นั่นแหละ ..จิตจะต้องไปทุกข์ทรมานยาวนาน ทุกข์ที่ไม่มีหยุดพักยาวนาน.ไม่สุขเลย ไปอยู่สถานที่สุข ..ก็สุขจนลืมทุกข์ .อยู่กับสุขยาวนาน .. ท่านจึงบอกว่า ให้เลือกทางที่จะไปเมื่ออกจากกายนี้ จะหอบหิ้วอะไรไป
..จิตต้องเดินทาง..ไปจิตดวงเดียว ..เอาอะไรไปด้วยกับจิต..กายที่ห่อหุ้มจิตไม่มีแล้ว เหลือแต่จิต .ดวงเดียว ..มันจึงมีเรื่องราวของคำว่า โอปปาติกะ เรื่องราวของจิตเร่รอน เรื่องราวของจิตที่ไปไหนไม่ได้ หิวโหย เห็นใครมีบุญก็เข้ามาขอ ..เพราะขาดบุญกุศลติดตามไปกับจิต ..เค้าให้เกิดมาสะสมบุญกุศล..ตอนที่เป็นมนุษย์..หมดกายมนุษย์ ..ก็หมดโอกาสหมดเวลาสะสมเสบียงบุญให้แก่จิต ..แต่นั้นแหละ ยุคสมัยนี้ ..เค้ามุ่งมั่นหาวัตถุบำรุงบำเรอกาย หาวัตถุปัจจัยมาบำรุงกาย บำรุงเท่าไหร่ กายก็เดินทางไปสู่ความแก่เฒ่าชราตายไปตามกาลเวลา
เมื่อยามกาย แข็งแรง มีอาการครบสามสิบสอง ระลึกนึกถึงบุญกุศล สงสารจิตที่ต้องเดินทางออกจากกาย ก็นำกายมาสร้างบุญกุศล แบ่งเวลามาปฏิบัติธรรม..อยู่กับโลกมีแต่กรรม ให้เวลาตัวเองมาอยู่กับธรรม สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ก็ได้บุญกุศลบารมี ให้ธาตุทั้งสี่บันทึกการกระทำของจิตตนเอง ..มิใช่เกิดมาโลก เวลาที่อยู่กับโลก ที่มีอารมณ์นึกคิดปรนเปรอให้สร้างกรรม..มีอารมณ์นั้นอารมณ์นี้ไม่มีเวลาหยุดพักเลย..การปฏิบัติธรรม ..ทำได้ตอนช่วงเวลาที่กายแข็งแรง ..พอร่างกายแก่เฒ่าชรา ก็ทำไม่ได้ ..กายก็ไม่เอื้ออำนวยให้..
ในระยะสองเดือนนี้ เห็นคนที่รู้จัก ยังแข็งแรง .อยู่ๆก็ไม่หายใจ แล้วเดี๋ยวนี้ โลกมันก็ถึงเวลาที่เค้าจะเก็บจิต ..เค้าเก็บไปเรื่อยๆ เค้าบอกว่า ให้เกิดมามีกายเป็นมนุษย์ .ให้มาสร้างเรื่องราวดีๆให้แก่จิต แต่กลับมุ่งมั่นหลงโลกที่ให้แต่กรรม เค้าก็เลยช่วยสงเคราะห์ เก็บจิตไม่ให้สร้างกรรมไปมากกว่านี้ เก็บด้วยโรคภัย เก็บด้วยภัยธรรมชาติบ้าง ด้วยสงครามด้วยเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างมาทำลายกันเอง ทำจิตของมนุษย์ด้วยกันเอง ให้หลงใหลในวัตถุปัจจัย..สะดวกสบาย .ให้หลงใช้กายวาจาใจ ที่เป็นกรรมต่อไป..
โฆษณา