16 ต.ค. 2023 เวลา 05:24 • นิยาย เรื่องสั้น

นิทานชวนคิดเรื่อง "ร้ายยิ่งกว่าขโมย"

ชายชราคนหนึ่งปล่อยข่าวว่าเพื่อนบ้านเป็นขโมย จนทำให้ชายหนุ่มถูกจับ หลายวันต่อมา เมื่อได้พิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์ ชายหนุ่มจึงได้รับการปล่อยตัว และตัดสินใจฟ้องร้องชายชราที่กล่าวหาเขาผิดๆในศาล ชายชราขอความเห็นใจผู้พิพากษา
“มันเป็นแค่ความเห็น ผมไม่ได้ไปทำร้ายใคร”
ผู้พิพากษาจึงสั่งชายชรา “เขียนคำพูดทั้งหมดที่เจ้าพูดเกี่ยวกับเขาลงในกระดาษ ตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ โปรยออกจากหน้าต่างรถระหว่างทางกลับบ้าน แล้วกลับมาฟังคำตัดสินพรุ่งนี้”
วันรุ่งขึ้น ผู้พิพากษากล่าวกับชายชราว่า
“เจ้าจงไปเก็บเศษกระดาษที่โปรยไว้เมื่อวานกลับมาก่อน แล้วจึงค่อยฟังคำตัดสิน”
“ศาลที่เคารพ ผมจะทำได้อย่างไร ป่านนี้ลมคงพัดเศษกระดาษกระจายไปทั่ว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันปลิวไปไหนบ้าง” ชายชราประท้วง
ผู้พิพากษาจึงตอบว่า “ในทำนองเดียวกัน คำพูดหรือความเห็นธรรมดา สามารถทำลายชื่อเสียงของคนๆ หนึ่งถึงขั้นที่คนๆ นั้นไม่สามารถกู้คืนได้ ถ้าพูดดีเกี่ยวกับคนอื่นไม่ได้ ก็จงอย่าพูดอะไรเลย”
ผู้พิพากษาหยุดชั่วครู่ ก่อนกล่าวต่อ
“การซุบซิบเลวร้ายกว่าการขโมยทรัพย์สิน เงินทอง เพราะมันขโมยศักดิ์ศรี ชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือของคนอื่น ซึ่งเขาไม่อาจกู้กลับคืนมาได้ เมื่อเท้าเจ้าก้าวพลาด ยังกลับมาทรงตัวได้ใหม่ แต่เมื่อลิ้นเจ้าพลาด พูดจาพล่อยๆ ออกไป เจ้าไม่มีวันเอาคำพูดของเจ้าคืนมาได้เลย”
นิทานเรื่องนี้ให้ข้อคิดว่า...
การซุบซิบนินทามันเป็นแค่ความเห็นก็จริงอยู่ แม้นว่าจะไม่ได้ไปทำร้ายใคร แต่มันกลับให้ผลที่เลวร้ายยิ่งกว่าการขโมย เพราะการกระทำนั้นสามารถทำลายชื่อเสียงเกียรติยศของผู้อื่น และอาจจะไม่สามารถกู้คืนศักดิ์ศรีของผู้ถูกนินทาอีกเลยก็เป็นได้
เพื่อนกัลยาณธรรม
โฆษณา