19 ต.ค. 2023 เวลา 13:10 • ท่องเที่ยว
แขวงตลาดน้อย

งิ้วอีสาน | เงาสะท้อนของกาลเวลา

มีคนจำนวนไม่น้อยเดินทางมาที่แห่งนี้ในทุกๆ ปี ด้วยหลายหลากเหตุผลและเราก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน กลิ่นไอของคราบน้ำมันพอให้เราได้สัมผัสบนถนนเล็กๆ ที่สองข้างทางเป็นตึกแถวผสมผสานความเก่าใหม่ตามยุคสมัย ที่วันนี้เปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของเทศกาล
ลัดเลาะเข้าซอกซอย ผ่านความหอมของอาหารแต่ละชนิดที่ชวนแวะให้ชิม "ศาลเจ้าโจวซือกง " คือปลายทาง เดี๋ยวค่อยกลับมาเติมเสบียงแล้วกัน 😊
โรงละครแบบชั่วคราวถูกยกสูงจากพื้นราว 2 เมตร ผ้าผืนใหญ่ทิ้งตัวจากด้านบนหลังคา แบ่งพื้นที่ด้านหลังเพื่อเป็นที่แต่งตัวของเหล่านักแสดงในค่ำคืนนี้ ทุกอย่างกำลังถูกจัดเตรียมความพร้อมในมุมต่างๆ ของตัวเอง
ประสบการณ์มีความหมายในทุกๆ วันที่แสงไฟยังคงสาดส่อง
สังเกตเห็นภาพเล็กๆ วางบนกระจก ที่คิดว่าคือตัวละครที่เขาต้องแสดงในค่ำคืนนี้
บรรยากาศความเงียบของหลังม่าน ที่อาจจะเป็นเสียงชัตเตอร์ที่ดังกว่า กำลังพาเราเดินทางไปอีกหนึ่งสถานที่ ๆ ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ทุกๆ คนต่างมีอัธยาศัยที่ดีต่อกัน ถึงแม้บางตัวละครที่ผ่านการเติมแต่งหน้าแล้วจะดูน่ากลัวไปสักหน่อย
สีที่เติมแต่งบนใบหน้า อาจไม่ได้หมายถึงใจที่ถูกแต่งเติม
งิ้ว หรืออุปรากรจีน เกิดขึ้นช่วงปี ค.ศ. 1179 - 1276 ทางตอนใต้ของประเทศจีน โดยในสมัยนั้นได้นำเหตุการณ์ต่างๆ ในพงศาวดาร และประวัติศาสตร์มาดัดแปลงเป็นบทการแสดง
และได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทยช่วงสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีโรงงิ้วที่แสดงประจำมากมายบนถนนเยาวราช ทั้งคณะของจีน และไทย
ประเทศจีนมีงิ้วกว่า 300 ประเภท โดยงิ้วปักกิ่ง เป็นงิ้วที่มีชื่อเสียงมากที่สุด โดยปัจจุบันถือว่าเป็นตัวแทนงิ้วประจำชาติจีน และเป็นหนึ่งประเภทร่วมกับ งิ้วคุนฉวี่ งิ้วกวางตุ้ง ที่ได้รับการยอมรับจาก องค์การยูเนสโก และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
เสียงบางอย่างดังขึ้น เดินทางผ่านความเงียบในชั่วขณะ ทำให้เราเจอเรื่องราวอะไรบางอย่าง ที่เปลี่ยนมุมมอง และทัศนคติของเราที่คิดว่า งิ้ว อาจจะเป็นตัวแสดงที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน เพียงเท่านั้น
สำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์ บอกให้เรารู้ว่าตัวละครที่สวมใส่เป็นเพียงแค่หน้าที่หนึ่ง หน้าที่ใด ที่ขับเคลื่อนชีวิตให้มุ่งต่อไปในวันข้างหน้าเพียงเท่านั้น
หากวันนี้ในประเทศจีนมีงิ้วกว่า 300 ประเภท ที่ถูกตั้งชื่อต่างไปตามภูมิภาค ตามวิถีการร้อง ตามการแสดง เราเองก็อยากขนานนามคำว่า " งิ้วอีสาน " ให้เป็นหนึ่งในกำลังใจ และเป็นความภาคภูมิใจสำหรับผู้คนเหล่านี้ ไม่ว่าการแสดงนั้นจะมีจุดเริ่มต้นจากที่ใด หรือด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
ประสบการณ์ชีวิตการแสดง คงดูได้จากหวีที่ปักอยู่บนศรีษะ
เรารู้จักสถานที่นี้ครั้งแรกจากเพื่อนคนนึง และค่อยๆ เริ่มต้นบันทึกภาพ เก็บเรื่องราวหลังม่านก่อนที่แสงไฟจะสาดส่อง ในทุกๆ ปีเรายังคงวนเวียนกลับไป ความคิดของเราในวันแรกต่างไปจากจุดเริ่มต้น รายละเอียดต่างๆ ถูกบันทึกมากกว่าทางสายตา
สุดท้ายเราไม่รู้ว่าเราได้อะไรจากสิ่งที่ทำ คงไม่เก่งมากพอที่จะได้พบคำตอบ หรือบางทีอาจไม่จำเป็นที่จะต้องรู้คำตอบของทุกเรื่อง ..เสมอไป
โฆษณา