19 ต.ค. 2023 เวลา 03:52 • ไลฟ์สไตล์

บนเส้นทางความสำเร็จ

"ผลลัพธ์จะเริ่มเกิดต่อเมื่อคุณเริ่มที่จะก้าว"
นับเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ที่ผมรอดมาได้อย่างหวุดหวิดกับเชื้อโรค 2 ขีดเจ้าปัญหา (covid-19) แต่ครั้งนี้มันจู่โจมผมแบบชนิดไม่ทันตั้งตัว สุดท้ายไม่รอด มันเล่นงานผมซะอยู่หมัดหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ประมาณ 3-4 วัน เป็นครั้งแรกที่ผมต้องยอมเสียสถิติให้มันชนิดสิโรราบ
ผมทนทานกับการไม่เป็นโรคนี้อยู่นานจนเพื่อนๆถามกันว่าไปเล่นของหรือสักยันต์ที่ไหนมารึป่าว ซึ่งก็ได้แต่ตอบแบบยิ้มระรื่นพลางข่มขิงกับไปว่า ไม่ได้แดรกกูหรอก (เสียงแบบน้าค่อม)
ลึกๆในใจก็แอบหวั่นๆเหมือนกันว่าวัคซีนเสี่ยงตายที่เราปักลงไป 5 เข็มมันจะช่วยให้เราบรรเทาอาการไม่ถึงกับต้องหามเข้าโรงหมอ เกิดภาวะเชื้อลงปอดดอดไปไอซียู มันจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ เมื่อเวลาเราอ่อนแอแพ้พ่ายให้กับเชื้อสามัญประจำบ้านตัวนี้
แน่นอนครับ ครั้งแรกของผมก็มาถึง เคราะห์ดีที่ไม่ต้องนอน admit เผ้าโรงหมอ แค่นอนพักรักษาตัวหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ที่บ้าน หยุดงาน 4-5 วัน ด้วยความหวังว่าหายกลับไปก็คงจะไปเข้าชมรมคนหายโควิดอีกคน ซึ่งถึงจะเป็นประสบการณ์ครั้งแรกก็รู้สึกว่า ตื่นเต้นกำลังดี
หลังจากอยู่ในช่วงเวลานั่งๆนอนๆ พอมีเวลาหยุดคิดทวบทวนอยู่บ้าง ว่า ตลอดชีวิตที่เราใช้เวลาไปกับการทำงานประจำ มันไม่ค่อยจะมีอะไรใหม่ๆที่เราทำแล้วเกิดผลลัพธ์ที่เปลี่ยนชีวิตเราไปได้เลย เราใช้เวลาไปกับการทำเรื่องเดิมๆ ในสิ่งที่ทำเป็นประจำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ซึ่งก็เข้าใจได้ทันทีว่า เรามีต้นทุนชีวิตที่ต้องแบก การตัดสินใจทำอะไรใหม่ๆก็ต้องคิดถึงความเสี่ยงเสมอ จนปล่อยให้การทำงานของระบบอัตโนมัติของสมองส่วนจิตใต้สำนึกมันดำเนินไปอย่างเงียบๆ
หลังจากที่ได้ฟังคลิปๆนึงเกี่ยวกับเรื่อง NLP ได้พูดเอาไว้เกี่ยวกับสมองว่า เราใช้จิตสำนึก ( ความรู้ตัว ตระหนักรู้ การประมวลผลความคิด) อยู่เพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นสมองส่วนจิตใต้สำนึกที่ทำหน้าที่ควบคุมทุกอย่างเบ็ดเสร็จ มันรับข้อมูลทุกอย่างทุกพฤติกรรมที่เราพบเห็นและกระทำตั้งแต่ก่อนเราจะเกิดจนถึงปัจจุบัน จนแสดงออกเป็นบุคคลิกภาพและนิสัยของเรา มันทำงานไม่เคยหยุดพัก
พวกมันคอยเป็นยามรักษาความปลอดภัยและเป็นการ์ดที่ทรงอิทธิพล จนจิตสำนึกเราต้องหงอ ยอมปล่อยให้มันทำงานแบบอัตโนมัติ ซึ่งบ่อยครั้งเวลาที่เราอยากจะเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาตัวเองมันจะมีเสียงอีกเสียงคอยมาบอกกระซิบเราว่า เดี๋ยวก่อน เอาไว้ก่อน คอยขัดขวางไม่ให้เราทำ เพราะว่าระบบของมันจะไม่สามารถประเมินสิ่งใหม่ๆได้ว่าจะปลอดภัยหรือไม่
ด้วยเหตุนี้เอง การเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ ทั้งที่เราก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีกับตัวเอง มันถึงได้ยากยิ่งเสมอมา เพราะความคิดที่เป็นจิตสำนักตระหนักรู้ของเรามันมีพลังเพียงน้อยนิด ซึ่งน้อยกว่าพลังของจิตใต้สำนึกเป็นแสนเท่า
วิธีการเอาชนะมันวิธีการหนึ่งก็คือ การฝืนลงมือทำให้เกิดนิสัยใหม่ และต้องทำมันอย่างต่อเนื่องระยะเวลานึง(เฉลี่ยประมาณ 66 วัน) เพื่อให้จิตใต้สำนึกเราเปิดรับสิ่งใหม่ๆเพื่อบรรจุมันเข้าไปในระบบอัตโนมัติ และเมื่อนั้นทุกอย่างมันก็จะง่ายขึ้นเกิดเป็นนิสัยใหม่ตามที่เราต้องการ
การที่เราคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเป็นคนใหม่ในเวอร์ชั่นอัปเกรดมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ ยากที่สุดคือการรวบรวมความกล้าที่ก้าวจะออกมาเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบจริงๆจังๆซักทีแหละครับ เพราะมันต้องเอาชนะกับแรงต้านมหาศาลของตัวเองถึงอย่างน้อย 66 วันเลยครับ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เริ่มนับหนึ่ง ก้าวออกมา ไม่ว่าเป้าหมายของคุณจะเป็นอะไร ผลลัพธ์มันก็เริ่มนับหนึ่งตามก้าวที่คุณได้เริ่มเลยครับ ไม่เว้นแม้กระทั่งความสำเร็จ
** BONUS TRACK**
NLP คือ กระบวนการเปลี่ยนแปลงความเชื่อ ความคิด และความจำโดยการปลูกฝังความเชื่อใหม่ สร้างกระบวนการคิดใหม่ และเรียนรู้ระบบความจำแบบใหม่ ด้วยการเข้าควบคุมสมองของคุณเอง ด้วยการใช้ภาษาและการสื่อสารที่ถูกต้อง
(ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ MINDSpring.com ด้วยครับ)
โฆษณา