ระวัง! นักวิเคราะห์เตือน
หากบอนด์ยีลด์ 10 ปีของไทยพุ่งแตะ 3.5% อาจกดดันตลาดหุ้นดิ่งหาแนวรับ 1,390 จุด
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า บอนด์ยีลด์กลับมากดดันอีกครั้ง โดยตลาดหุ้นไทยปรับลดลงมาบริเวณ 1,420 จุด หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปี เร่งตัวมาที่ระดับ 3.4% สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปีที่ทะลุ 4.9%
ทั้งนี้มุมมองต่อประเด็นนี้ คือ ทุกๆ 0.25% ของการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปี กระทบ SET Index 50 จุด อีกทั้ง ณ ช่วงเวลาที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปี อยู่ที่ 3.25% SET Index อยู่ระดับ 1,450-1,460 จุด
ดังนั้น หากผลตอบแทนพันธบัตรไทย 10 ปี ปรับตัวขึ้นแตะ 3.5% แนวรับต่อไปของ SET Index จะอยู่ราว 1,390-1,410 จุด หากจะซื้อ เรายังชอบกลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Higher for longer (กลุ่มแบงค์ การเงิน) / Tighter for longer (กลุ่มพลังงานต้นน้ำ ปลายน้ำ และโรงไฟฟ้า) / Stronger for longer (กลุ่มบาทอ่อน บาทแข็ง) เนื่องจากเศรษฐกิจเอเซียมีแนวโน้มอ่อนแอกว่าสหรัฐยามดอกเบี้ยสูง / น้ำมันแพง
โดยแนะนำ KBANK เพราะ NIM ยังแกร่งได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น Credit cost 200bp กดดันหุ้นมาพอสมควร และราคาหุ้นแกร่งกว่าตลาดที่บริเวณ 125 บาท/หุ้น
รวมทั้ง PTTEP ภาพรวม PTTEP ครึ่งหลังปีนี้ยังดีทั้งปริมาณขายและราคาเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังปีนี้ เราประมาณการว่าราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ปรับตัวขึ้นทุก 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลจะทำให้ประมาณการ EPS ในปีหน้าเพิ่มขึ้น 1.7%
ปิดท้ายที่ TU ไตรมาส 4/66 น่าจะเป็นไตรมาสที่มีผลประกอบการแข็งแกร่งที่สุดในปีนี้เพราะอุปสงค์เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่เดือนก.ย. และ GPM น่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบลดลง
ด้านนายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ บอกกับเราว่าแรงกดดันหุ้นไทยเช้านี้มาจากสงครามอิสราเอล-ฮามาส แม้โจ ไบเดน ไปเยือนอิสราเอล ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย รวมทั้งอิหร่านเรียกร้องให้ชาติมุสลิมแบนการส่งน้ำมันไปอิสราเอล ทำให้เกิดความกังวลสถานการณ์จะบานปลายหรือไม่ จึงกดดันตลาดหุ้นปรับตัวลดลง
อีกทั้งยังมีแรงกดดันจาก Bond Yield สหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นแรง กว่า 4.94% ซึ่งน่ากังวล เป็นแรงกดดันดันสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก แต่เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ไม่น่าจะหลุด 1,400 จุด
รวมทั้งหากดิจิทัลวอลเล็ตมีความชัดเจน อธิบายแหล่งที่มาของเงินได้ ทำให้ตลาดคลายกังวลและยังเป็นช่วงรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/66 ด้วย จึงมองเป็นอีกแรงหนุน จึงคาดว่าดาวน์ไซด์จำกัดแล้ว และมองว่าสงครามไม่น่าจะบานปลาย
นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ปัจจัยกดดันหุ้นไทยและหุ้นทั่วโลก หลักๆ มาจากสงครามอิสราเอล-ฮามาส รวมทั้ง Bond Yield สหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นแรงต่อเนื่องกว่า 4.9% ทำให้เม็ดเงินหมุนไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย
แต่อย่างไรก็ตามมองว่าตลาดหุ้นไทยไม่น่าจะหลุด 1,416 จุด และเป็นโอกาสเข้าสะสมหุ้นใหญ่พื้นฐานดี ไม่ว่าจะเป็น BEM, LH, CPALL, CK, STEC และ MAJOR
- 6
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
