20 ต.ค. 2023 เวลา 03:30 • ความคิดเห็น
ภาษิตนี้ มีเนื้อหาบรรจุอยู่ในพระวินัยปิฏก ในคราวที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเล่าเรื่องพระพรหมทัต ตีเอากองทหารของพระเจ้าทีฆีติฯ ต้องทรงเสด็จหนีพร้อมพระมเหสีที่กำลังตั้งครรภ์ กุมารน้อยคลอดออกมา พ่อก็พร่ำสอนไม่ให้ผูกเวรกับพระพรมทัต ที่สุดเมื่อกุมารน้อยเติบใหญ่ พระพรหมทัตให้เรียกตัวกุมารน้อยมารับใช้และดูแลให้ความไว้วางใจ จนวันหนึ่งสบโอกาสลำพัง แต่กุมารน้อยก็จำคำที่พ่อสอน ไม่ถือโอกาสฆ่าพระพรหมทัต ทำให้พระพรหมทัตอัศรรย์ใจและทราบซึ้ง จึงประทานกองทหาร และสมบัติพัสถานที่ตีเอามาทั้งหมด กลับคืนให้กุมารน้อย!
"เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร" ภาษิตที่ลึกซึ้งนี้เป็นธรรมะ และเป็นพื้นฐานวิชาฟิสิกส์ หากคุณอยากตีกลองให้เสียงดังที่สุด คุณต้องใช้กลองที่มีขนาดใหญ่ และแรงตกกระทบบนผิวหน้ากลองที่มากขึ้น แรงสั่นสะเทือนบนหน้ากลองนี้ อาจเปรียบเสมือนสตรีเด็กและคนชรา ที่รายล้อมอยู่รอบตัวคุณ ในทุกศึกสงคราม!
แต่มนุษย์นั้นไม่ใช่กลอง ที่จะปล่อยให้ใครตีเอาจนหนำใจ ยังไม่ต้องพูดถึงการผูกเวรต่อๆกันมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ ดังนั้น ผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้อง ควรเฝ้ามองด้วยการวางอุเบกขา และแผ่เมตตาจิตให้พวกเขา ให้การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบตามกำลังความสามารถและสติปัญญา (คนบางกลุ่มอาจบอกว่า พวกนี้โลกสวย นั่งสวดมนตร์ช่วยอะไรได้ คิดเช่นนี้ไม่ผิดอะไร เพียงแต่พวกเขาไร้ซึ่งปํญญาระดับสูงก็เท่านั้นเอง)
1
แม้คุณจะไม่ลงมือกระทำตีเอาคืน
ไม่ร่วมหัวจมท้าย แต่แค่การครุ่นคิดแค้นเคือง
ก็นับได้ว่าเป็นการเริ่มต้นผูกเวรต่อกันแล้ว
จากใจสตรีนักเคลื่อนไหวเพื่อสันติภาพโลก
1
โฆษณา