21 ต.ค. 2023 เวลา 02:30 • ธุรกิจ

ทำไม นม “Oatly” ขายดี แต่ขาดทุนกระจาย

ในช่วงนี้ หลายคนน่าจะได้รู้จักนมโอ๊ตกันมากขึ้น และเห็นได้ตามร้านเครื่องดื่มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- Oatly บริษัทผลิตนมโอ๊ตให้ Starbucks
- Oatside บริษัทนมโอ๊ตจากสิงคโปร์ ที่เริ่มมาเป็นพาร์ตเนอร์กับ ร้านชาตรามือ และ Café Amazon
ที่ผ่านมา ธุรกิจนมโอ๊ตเหมือนจะไปได้ดี รายได้เติบโตระเบิด สะท้อนให้เห็นจาก Oatly มีมูลค่ามากถึง 470,000 ล้านบาท เมื่อ 2 ปีก่อน
แต่วันนี้บริษัทกลับมีมูลค่าลดลง
เหลือเพียง 14,000 ล้านบาท มูลค่าลดลงมา 99%..
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับ Oatly ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เหตุผลแรกก็คือ “บริษัทขยายธุรกิจเร็วเกินไป”
ซึ่งก็ดูได้จากค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่เพิ่มขึ้น เป็น 4 เท่า ใน 3 ปี
ปี 2019 ค่าใช้จ่ายในการลงทุน 2,000 ล้านบาท
ปี 2020 ค่าใช้จ่ายในการลงทุน 5,000 ล้านบาท
ปี 2021 ค่าใช้จ่ายในการลงทุน 10,000 ล้านบาท
ปี 2022 ค่าใช้จ่ายในการลงทุน 8,000 ล้านบาท
แล้ว Oatly นำเงินไปลงทุนอะไรบ้าง ?
คำตอบก็คือ บริษัทเอาไปใช้สร้างโรงงาน และขยายกำลังการผลิต ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็เป็นเรื่องที่ดี
เพราะมันสะท้อนให้เห็นว่า สินค้าของบริษัทขายดิบขายดี จนต้องผลิตเพิ่ม
แต่มันมาติดตรงที่บริษัทจัดการต้นทุนได้ไม่ดี ยังไม่เคยทำกำไร ทำให้ยิ่งขายดีเท่าไร กลับยิ่งขาดทุนเท่านั้น
ปี 2019
รายได้ 7,400 ล้านบาท
ขาดทุน 1,300 ล้านบาท
1
ปี 2020
รายได้ 15,000 ล้านบาท
ขาดทุน 2,200 ล้านบาท
2
ปี 2021
รายได้ 23,000 ล้านบาท
ขาดทุน 7,700 ล้านบาท
2
ปี 2022
รายได้ 26,000 ล้านบาท
ขาดทุน 14,000 ล้านบาท..
3
เห็นได้ชัดว่า Oatly เติบโตได้ดี และเริ่มชะลอลงในปีล่าสุด สวนทางกับผลการขาดทุนที่มากขึ้นเป็น 2 เท่า..
สถานการณ์แบบนี้ ถ้าเงินสดหมดมือ ก็ถือว่าจบกัน ซึ่ง Oatly ก็เงินสดหมดจริง ๆ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทต้องออกหุ้นกู้แปลงสภาพ สำหรับเพิ่มทุนเป็นจำนวน 10,000 ล้านบาท พร้อมกู้เงินเพิ่มอีก 4,500 ล้านบาท รวมเป็น 14,500 ล้านบาท
เพื่อสู้กับสถานการณ์ที่เงินสดของบริษัทไหลออกเป็นน้ำถึงปีละ 20,000 ล้านบาท จากกระแสเงินสดอิสระของบริษัทในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
สรุปง่าย ๆ ก็คือ บริษัทมีเงินไหลออก ไตรมาสละ 5,000 ล้านบาท แต่มีเงินสดในมือเหลือแค่ 15,000 ล้านบาท
2
เท่ากับว่าถ้าบริษัทกลับมาทำกำไรไม่ได้ หรือไม่มีใครเพิ่มทุนให้ในอีก 3 ไตรมาส ก็จะทำธุรกิจต่อไปไม่ได้แล้ว
นอกจากเรื่องของการจัดการต้นทุนที่เป็นปัญหา Oatly ก็ยังมีเรื่องของคู่แข่ง ที่เข้ามามากหน้าหลายตา ซึ่งนอกจาก Oatside ที่เราคุ้นหูกัน ก็จะมี..
- Planet Oat นมโอ๊ตยอดขายสูงสุดอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา
- Simply Oat นมโอ๊ตจาก Coca-Cola เจ้าตลาดเครื่องดื่มหนักน้ำตาล อันดับ 1 ของโลก
นอกจากนี้ ก็ยังมีเรื่องของสารอาหาร ที่ภายหลังพบว่าจริง ๆ แล้ว นมโอ๊ตให้โปรตีนไม่สูงเท่านมวัว และนมโอ๊ตหลายแบรนด์ รวมถึง Oatly มีส่วนผสมของน้ำมัน ซึ่งบางคนมองว่าไม่ดีต่อสุขภาพ เมื่อเทียบกับโปรตีนทางเลือกอื่น
แล้วเราได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง ?
เรื่องแรกเลยก็คือ ธุรกิจรายได้เติบโตดี จะต้องควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีด้วย
1
จากกรณีของ Oatly รายได้โตระเบิด เป็น 4 เท่า ใน 4 ปี แต่พอมาดูค่าใช้จ่าย กลับบวมไวกว่ารายได้.. แบบนี้จะสะท้อนให้เห็นว่า บริษัทลงทุนได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
ยิ่งบริษัทยังไม่ทำกำไรต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะเท่ากับว่าเงินสดไหลออกจากบริษัทเป็นน้ำ ในที่สุดจะมีปัญหาสภาพคล่องไม่พอ
1
อีกเรื่องก็คือ คู่แข่ง ที่วันนี้แม้เราจะเป็นแบรนด์อันดับ 1 คิดค้นผลิตภัณฑ์ขึ้นมาได้ก่อน ก็ต้องเผื่อใจไว้ว่า ตลาดหอมหวานจะอยู่กับเราไม่นาน และจะตามมาด้วยคู่แข่ง
การนำเรื่องนี้ไปประเมิน เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุน ก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน
โดยทั้ง 2 เรื่องนี้ Oatly สอบตก สะท้อนไปยังมูลค่าของบริษัท ที่หายไป 400,000 ล้านบาท ในระยะเวลา เพียงแค่ 2 ปี เท่านั้น..
โฆษณา