20 ต.ค. 2023 เวลา 16:21 • ความคิดเห็น
น้ำเต็มแก้ว เชื่อมั่นในตนเองหรือสิ่งหนึ่งสูง เกิดทัศนคติที่ผิดปกติ ทำให้โทษได้ทุกอย่าง โทษยันเทคโนโลยี สิ่งที่ตนคิดหรือพูดถูกต้องเสมอแม้จะนำหลักฐานแก้ต่างที่มาจากสิ่งที่เขาใช้อ้างอิงก็ตาม เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่ของสังคม อะไรคือสิ่งที่ทำให้เกิด? เทคโนโลยีเหรอ ไม่ใช่ มันเกิดจากความคิดภายในมันทำให้ทัศนคติผิดเพี้ยนไป จากการรับรู้ข่าวสารและเปลี่ยนแปลงความคิดตามคนส่วนใหญ่ว่า ตัวอย่างเหตุการณ์ที่พบจากการใช้ทัศนคติที่บิดเบี้ยวคือ
1. กรณีเด็กหยก ส่วนใหญ่ในสังคมกล่าวโทษเป็นความผิดเด็ก มีพฤติกรรมเหมารวมว่าคดี 112 ที่เป็นข้อกล่าวหาเป็นสิ่งที่ผิดและเป็นคนเลว เด็กเป็นคนฝ่าฝืนกฏระเบียบโรงเรียนเช่นการแต่งกาย หรือไม่นำผู้ปกครองมาวันมอบตัว ตามกฏระเบียบ ซึ่งหากไล่แก้ทีละจุดๆ ไปยันหลักฐานสุดท้ายที่โรงเรียนเอามาแถลงเรื่องวันมอบตัว จะพบว่า ทั้งโรงเรียน และสังคม นำสิ่งที่เดิมทีมีไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองผู้เยาว์ไม่ให้ถูกเอาเปรียบ มาเปลี่ยนเป็นข้อจำกัดของบุคคลแล้วเอามากล่าวโทษเป็นความผิด
2. ค่าแรงขั้นต่ำ เป็นการนำสิ่งที่ปกป้องไม่ให้แรงงานถูกเอารัดเอาเปรียบมาป็นข้อจำกัดว่าแรงงานไร้ฝีมือก็ได้ไม่มากไปกว่านี้ แต่ที่น่าสมเพชคือ แรงงานที่โดนกระทำในลักษณะนี้กลับมีความเห็นดีงามในข้อ 1. แต่พอมาเป็นเรื่องของตนกลับบอกว่าไม่เหมือนกัน
3. ผิดกฏหมายจึงไล่เด็กออก สูบกัญชาตักเตือน สูบบุหรี่ไฟฟ้าไล่ออก คล้ายกับ 2 ข้อแรก แต่เปลี่ยนจากการใช้กฏระเบียบแบบผิดๆ หลายเป็นการกระทำตรงตัวเกินไป ขับรถเร็วก็ผิดกฏหมายไหม? ต้องไล่ออกด้วยไหม?
4. สิ่งที่ไม่รู้จัก = ไม่เป็นความจริง เป็นความคิดที่อันตรายและทำลายสังคมมายาวนานเป็นนิสัยที่เลียนแบบความมีเหตุผลแบบผิดๆ การสนทนา ความคิดเห็นใดๆ รวมถึงวิธีการกระทำ ยันการบ้านเด็ก หากเป็นสิ่งที่นอกเหนือจากที่รู้มา และคนเสนอไม่เอาหลักฐานที่ยอมรับได้มาแก้ต่างเท่ากับว่า สิ่งนั้นเป็นเท็จ ทั้งที่ความรู้นั้นมาจากการนำข้อมูลต่างๆมาปรับใช้อย่างมีเหตุผล
นิสัยสังคมลักษณะนี้ทำลายคนที่มีทักษะการสร้างความรู้ด้วยการประมวลผลไม่กล้าที่จะฝึกฝนหรือคิด จนทำให้ทักษะขาดการพัฒนา สังเกตุว่าทักษะที่ต้องการในการทำงานปัจจุบันคือ Data Analysis และ Critical Thinking ในประเทศขาดแคลน
5. การแจกเงินจากภาครัฐ อันนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะวิจารณ์ในนโยบายนี้ของพรรคเพื่อไทย ก่อนหน้าถูกกล่าววหาว่าบ้าเพี้ยน พอ ธปท. ออกมาพูดด้วยเหตุผลเดียวกัน เพราะตำราอ้างดิงก็มาจากวิชาเดียวกัน ก็กลับกลายเป็น ว่าดิสเครดิตรัฐบาลยันโยงไปเรื่องรัฐประหาร บอกปัดแม้แต่คนที่มีวิชาชีพและความรู้ด้านการเงินมากกว่า ซึ่งคนที่พูดแบบนี้ยังเอาวิธีคิดค่าเงินเฟ้อแบบผิดๆมาด้วย ผมเองเข้าใจว่า คนไม่เชื่อถือ ธปท. ด้วยจุดยืนทางการเมือง
แต่พอผมนำหลักฐานว่าผมพูดเรื่องนี้มาตั้งแต่รัฐบาลตู่ ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าไม่ได้กระทำจากจุดยืนทางการเมือง สุดท้ายก็จะบอกว่าเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองอยู่ดี
สังเกตุว่าจุดร่วมของตัวอย่างทั้งหลายเกิดมาจากทัศนคติที่ผิดไปจากปกติ สามารถอ้างในสิ่งนึงเป็นเหตุผล ขาดนิสัยที่จะเรียนรู้จากข้อคัดค้านหรือสงสัยของตัวเอง (จากการที่ชอบโยนให้ผู้พูดหาหลักฐานมาเสนอเสมอ แต่ไม่ได้จะรับสิ่งที่ชี้แจงเพื่อสร้างปัญญาแก่ตน ที่อ้างไปเพราะเป็นการหาทางหักล้างแบบขอไปที
ผมเองก็แค่คนเล็กๆในสังคม อยู่ในกระแสทัศนคติเหล่านี้ และรับรู้มาตลอดว่าเป็นอย่างไร และอนาคตจะเลวร้ายไปขนาดไหน ยิ่งปัจจุบันมี AI เข้ามา และมีการสร้างให้เกิดความผิดพลาดเพื่อไม่ให้นำไปใช้หรือเชื่อโดยไม่ไต่ตรอง กลับเริ่มมีคนในประเทศนำมาใช้เป็นหลักฐานในการสร้างความเกลียดชังหรือสนับสนุนความคิดเห็นของตัวเองกันแล้ว ไม่นานคงเกิดคดีการใช้ AI ในการฆ่าคนแน่ๆ
โฆษณา