20 ต.ค. 2023 เวลา 17:18 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ช่วงเวลาที่หวั่นไหวในตลาดหุ้น

วันนี้SET-23 จุดจนมาปิดที่ 1399.35 เป็นการปิดต่ำกว่า1400 ครั้งแรกในรอบ3ปี หลังจากที่ลงมาระดับนี้ครั้งสุดท้ายช่วงปี 2020 จากวิกฤติCOVID
ผมเชื่อว่าตอนนี้คนส่วนใหญ่ในตลาดมีความเครียด และความอึดอัดมากทั้งคนมีเงินสดและคนที่หุ้นเต็มport
คนที่มีเงินสดอึดอัดที่อยากจะล้างdrawdown ถึงแม้มันจะไม่เยอะ แต่การเห็นภาพequity curveที่ไม่ได้พุ่งไปข้างบน แต่ไหลออกข้างมันก็ไม่ได้เป็นภาพที่traderอยากเห็นเท่าไหร่
ไม่รวมกับความอึดอัดที่ต้องมานั่งเขียนบันทึกความผิดพลาด นั่งตรวจpost analysis
ส่วนคนที่มีหุ้นเต็มport ก็ต้องทนอึดอัดกับการลดลงของport แบบไม่รู้ว่ามันจะไปหยุดตรงไหน
ทั้ง 2 ทางเลือกไม่มีทางไหนผิด ทางไหนถูก สิ่งที่สำคัญคือมันควรเป็นความเจ็บปวดและความอึดอัดที่อยู่ในแผนที่เราวางไว้
ไม่มีกลยุทธไหนที่ไม่เจอความอึดอัดและเจ็บปวด แต่เราต้องเลือกว่าความเจ็บปวดแบบไหนที่เรารับได้ สามารถควบคุมได้ สามารถพาportกลับมาได้
กลยุทธที่จะพาportกลับมาก็เป็นอีกเรื่อง ที่เราต้องวางแผนล่วงหน้าไว้ก่อนหุ้นลง ซึ่งวิธีการควรมีความชัดเจน ทำซ้ำได้
ผมคิดว่าวิธีการเอาportกลับมาที่เดิมด้วยการ all-in การซื้อถัวขาลง การใช้margin เป็นวิธีที่อันตรายที่สุด
เราอาจใช้วิธีนี้ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น ตอนportยังไม่ใหญ่มาก หรือมีกระแสเงินสดเข้ามาเติมportเยอะมาก
แต่เมื่อportเราใหญ่ขึ้นระดับนึงแล้ว วิธีการพวกนี้จะใช้ไม่ได้
ความอันตรายอีกอย่างของวิธีพวกนี้คือ เป็นวิธีที่คนตายไม่ได้พูด
ถ้าเราall-in หรือ ถัวเฉลี่ยผิดตัว portเราจะเสียหายเพิ่มขึ้นจนบางครั้งไม่อาจกลับมาได้
ความน่ากลัวของตลาดขาลงอีกอย่างก็คือ เรายังไม่เคยเจอการลงแบบ L shape
ตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมาการลงของตลาดเป็น V shape มาตลอด อาจจะเพราะตลาดยังเล็ก ดอกเบี้ยขาลง หรือเพราะมีมาตรการ QE ทำให้การผ่านตลาดขาลงด้วยการถัวเฉลี่ย all-in หรือการใช้marginได้ผลดี
แต่ถ้ามีซักครั้งที่การลงลากยาวกว่าที่คิด การผ่านตลาดขาลงด้วยวิธีนี้อาจต้องใช้ความอดทนและทรัพยากรสูงกว่าเดิมมาก
………………………………………………………………………
ลำพังความเจ็บปวดและอึดอัดตอนตลาดลง ถ้าไม่อาการการหนักระดับ -20% ผมคิดว่าทุกคนพอทนได้ เพราะเป็นการติดลบที่ยังเอาคืนมาได้แบบไม่เหนื่อยมาก
แต่ความอึดอัดที่เราต้องเจอในโลกของการลงทุนยุคใหม่ คือเราต้องเจอกับข้อเปรียบเทียบในโลกsocialที่ยังเห็นบางคนสามารถทำกำไรได้ ในขณะที่portของเราลดต่ำลง
ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์พัฒนา แต่บางครั้งก็ทำร้ายเราเหมือนกัน
ในตลาดหุ้น ไม่มีใครรู้กลยุทธและความได้เปรียบของคนอื่นอย่างครบถ้วน ดังนั้น การที่เราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นจึงเป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ
การที่เปิดเจอว่าตอนนี้มีคนได้กำไร +20% ในตลาดแบบนี้ ทำให้เราพยายามที่จะเปลี่ยนกลยุทธของตัวเอง ทั้งๆที่จริงๆแล้วรายละเอียดของการ +20% อาจเป็นได้จากหลายสาเหตุ เช่น
1.มีการเลือกหุ้นที่ดี
2.ซื้อถัวขาลงมาตลอดแล้วหุ้นrebound
3.ปีที่แล้ว-50% ปีนี้หุ้นตัวเดิมที่ถืออยู่rebound
4.ใช้margin
ฯลฯ
จะเห็นว่ามีวิธีการมากมายทำให้ได้ผลตอบแทน +20% ซึ่งมีความเสี่ยงและข้อจำกัดต่างกันมาก
การที่เราไม่รู้กลยุทธของคนอื่นโดยสมบูรณ์ ทำให้ภาพของผลลัพธ์บิดภาพของกระบวนการจนเพี้ยนไปหมด
สิ่งอันตายอีกอย่างในช่วงตลาดขาลงคือการที่เราถูกทำให้ไขว้เขวจากinfluencer
เช่น ถึงตรงXXXจะซื้อ ถึงตรงXXXจะโยกเงินจากที่อื่นมาซื้อ ตรงXXXคือโอกาส
ไม่มีใครรู้ว่าเค้าทำจริงรึเปล่า แต่คำพูดพวกนี้จะทำให้คุณหวั่นไหว และอาจไม่ทำตามแผนเดิมที่วางไว้ตั้งแต่ต้น
เราต้องระวังช่วงเวลาที่อ่อนไหวในช่วงตลาดลงหนัก ยึดมั่นในแผนที่เราเตรียมมา
จริงอยู่ว่าเราไม่มีทางรู้เลยว่าแผนของเราจะได้ผลมั้ย แต่สิ่งที่เราได้แน่ๆคือรายละเอียดของการทำแผน และผลลัพธ์ที่แท้จริงของแผน ซึ่งจะทำให้เราสามารถปรับปรุงและพัฒนาแผนของเราได้
ความอึดอัด ความเจ็บปวด และการเสียเงินที่เราต้องเสียไปต้องไม่เสียเปล่า มันต้องถูกเปลี่ยนเป็นข้อมูลเพื่อการพัฒนา เพราะเราไม่ได้ลงทุนจนถึงแค่จบขาลงรอบนี้ ยังมีขาลงอีกหลายรอบที่เราต้องเจอ
ดังนั้นการยึดมั่นและพัฒนาแผนโดยไม่ปล่อยให้สภาวะรอบข้างมาทำให้ไขว้เขวจึงสำคัญที่สุด
โฆษณา