21 ต.ค. 2023 เวลา 12:00 • ท่องเที่ยว
ยอดเขาฟานซีปัง

แบกเป้ 3วัน2คืน เที่ยวเมืองแห่งสายหมอก “ซาปา เวียดนาม”

  • เตรียมตัวออกเดินทางได้
2
ช่วงบ่ายคล้อยที่เชียงใหม่อากาศเย็นสบาย ช่างเหมาะกับการนั่งจิบกาแฟชิลๆ เหลือเกิน แต่บางทีคนเราก็ต้องก้าวออกจากคอมฟอร์ทโซนดูบ้าง จนได้ในช่วงเดือนกันยาปีที่แล้วเราแบกเป้แว๊นมอไซค์ไปชมน้ำขั้นบันไดที่ป่าบงเปียง ปีนี้เลยอยากออกผจญภัยอีกสักครั้ง พอนึกถึงทุ่งนาเขียวขจีเลยอยากไปชมความสวยงามของนาขั้นบันไดที่เมืองซาปา ประเทศเวียดนามสักครั้งในชีวิต
ออกเดินทางจากเชียงใหม่สู่เวียดนาม
  • แผนคร่าวๆ 7 วัน 6 คืน ในเวียดนาม
วันที่ 1 ถึงฮานอย เดินทางโดยบัสนอนไปซาปา 5ชม. (นอนในรถบัส)
วันที่ 2-3 ซาปา เที่ยวซาปา 3 วัน 2 คืน
วันที่ 4 เดินทางโดยบัสนอนซาปา-ฮานอย (นอนในรถบัส)
วันที่ 5-6 ฮานอย / ทวาลือ (นอนโรงแรม 2 คืน)
วันที่ 7 ฮานอยครึ่งวันเช้า / บ่ายกลับเชียงใหม่
  • ทริปจัดเต็มที่ซาปา
นอนบนรถบัสจากฮานอยไปเมืองซาปา 5 ชั่วโมง 313 กม. เช่ามอไซค์ชมเมืองซาปา ขึ้นรถไฟโมโนเรลต่อด้วยกระเช้าลอยฟ้า เพื่อพิชิตฟานซิปันยอดเขาที่สูงที่สุดของเวียดนาม นอนโฮมสเตย์และเดินเล่นในหมู่บ้านชนเผ่า นั่งลิ้มรสไก่ดำชมวิวน้ำตกกั๊ตกั๊ต ชื่นชมความหอมหวานระหว่างทางและนั่งชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าหุบเขาเหมื่องฮวา จิ้มจุ้มแซลมอนหม้อไฟอาหารขึ้นชื่อที่โฮมสเตย์ริมน้ำ แว๊นกลับเข้าเมืองชมเมืองซาปายามค่ำคืน ก่อนที่จะแบกเป้ผจญภัยไปที่ฮานอยต่อ
จองตั๋วเครื่องบินผ่านแอพ Traveloka
ตัดสินใจไม่นานพร้อมชวนเพื่อนไปรวมจอยด้วย เมื่อทุกอย่างลงตัวก็จองตั๋วเครื่องบินไป-กลับมาในราคา 4,933 บาท/คนของสายการบิน Air Asia โดยเดินทางออกจากเชียงใหม่สู่เวียดนาม ทริปนี้เราจองตั๋วเครื่องบินผ่านแอป Traveloka https://www.traveloka.com/th-th/
1
แอปนี้เขารวมหลากหลายสายการบินให้เราได้เลือกราคาและวันเดินทางที่ถูกใจ อีกทั้งสามารถเลือก save วันเดินทางของเที่ยวบินที่เราค้นหาไว้ เพื่อแทร็คราคาและแจ้งเตือนเมื่อตั๋วเครื่องบินลดราคาลงอีกด้วย ลองไปใช้กันนะประหยัดเวลา เซฟค่าเดินทางได้อีกเยอะเลย มีฟีเจอร์และโปรโมชั่นมากมายสำหรับนักเดินทาง เช่น ล็อกราคาตั๋วด้วย Price Lock, จองเที่ยวบินแบบไร้กังวล Refund Okay และอีกมากมาย ลองไปใช้กันนะ
2
ซื้อซิมการ์ด แลกเงินง่ายๆ ที่เวียดนาม
  • แลกเงิน ซื้อซิมการ์ด ที่สนามบินเวียดนาม
พอลงเครื่องที่สนามบินโหน่ยบาย ฮานอย เราเดินตรงไปซื้อซิมการ์ด ซึ่งมีหลายเคาน์เตอร์มากๆ แพ็กเกจมีให้เลือกมากมาย เราเลือกแพ็คเกจ Internet Unlimited 10 วัน ในราคา 350,000 VND (ประมาณ528บาท)
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ เราจองและจ่ายที่ไทยเรียบร้อยหมดแล้วจะได้เที่ยวให้สบายได้ เช่น ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ, ค่ารถบัสนอนไป-กลับ, ค่าที่พัก, ค่าทัวร์ต่างๆ ที่เหลือเราก็คงจะเป็นค่าใช้จ่ายจิปาถะในการเดินทาง เช่น อาหาร, กาแฟ, รถเช่า, ของฝาก อื่นๆ เรากะว่าจะใช้ประมาณวันละ 1,200x7วัน = 8,400บ. แต่พอดีที่พัก 2 คืนสุดท้าย ตอนที่จองเขาให้ชำระที่ที่พัก 999,000 VND (ประมาณ1,500บาท) รวมแล้วก็เป็น 9,900 บาท เราเลยแลกเงินไทยเป็น 300 USD (11,XXXบาท) เกินดีกว่าขาด
2
เราถือแบงค์ 100 ดอลลาร์ 3 ใบ ไปแลกเป็นเงินเวียดนามได้มาอยู่ที่ 7,219,500 VND ซึ่งถือว่าเรทโอเคเลย ซึ่งก่อนเดินทางไป เราได้ลองเช็คราคาเรทแลกเงินที่ Super Cheap ณ วันนั้นเรทอยู่ที่ 1VND= 0.0017บาท (คิดง่ายๆ 10K = 17 บาท) แต่ถ้าเราแลกเงินไทยเป็นดอลลาร์ไปก่อนแล้วแลกเป็นเงินดองจะได้เรทอย่างที่ได้บอกไปเลย
*เรทค่าเงินขึ้นอยู่ในแต่ละวัน แต่ละคนอาจมีทริคไม่เหมือนกันลองตัดสินใจกันเองได้นะ
3
นั่งแกร็ปไปเดินเล่นในฮานอย
  • ที่เวียดนามใช้แกร็ปได้ด้วย สะดวกสุดๆ
แลกเงิน ได้ซิมการ์ดมาแล้วก็ไม่รอช้า เราลงเครื่องบ่าย 3 มีเวลาเหลือ 7 ชม.เราเลยคิดว่าจะไปเดินเล่นฆ่าเวลาที่เมืองฮานอย ลองเปิดแอป Grab ดูสามารถใช้ได้ด้วย ลองกดเรียกแกร็ปจากสนามบินไปลงแถวโบสถ์ St. Joseph's Cathedral สามารถใช้โค้ดส่วนลดได้แบบแอพที่ไทยทุกอย่าง ราคาหักโค้ดส่วนลดแล้วอยู่ที่ 265,000VND (ประมาณ400บาท)
1
เราผูกบัตรเครดิตไว้กับแอปอยู่แล้วก็ง่ายเลย หรือจะจ่ายด้วยเงินสดก็ได้แต่ต้องเตรียมเงินดองให้คนขับ ยืนรอหน้าGateไม่นานก็มีรถมารับทันใจเราแค่ต้องสังเกตป้ายทะเบียนรถที่จะมารับรถให้ตรงกับในแอพเพราะที่สนามบินฮานอยมีทั้งแท็กซี่ รถมารับส่งผู้โดยสารคนอื่นด้วย
ใช้เวลานั่งรถประมาณ 30-40 นาทีจากสนามบิน ระหว่างนั่งในรถก็ตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจกับวิวระหว่างทางของเมืองหลวงฮานอยมากๆ พยายามคุยกับพี่คนขับแต่พี่เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่แย้มยิ้มตลอดทาง ขับนิ่มภายในรถสะอาดสะอ้าน ประสบการณ์ประทับใจ ราคาไม่แพงสมเหตุสมผล ทุกอย่างเหมือนนั่งแกร็ปที่ไทยบ้านเราทุกอย่าง
1
ชมเมืองฮานอยยามเย็น
  • เดินเล่นในเมืองฮานอยรอขึ้นรถบัส
ระหว่างที่เรารอรถบัสนอน รถที่จะพาเราไปยังเมืองซาปาและยังเป็นที่นอนแสนสบายของเราในค่ำคืนนี้ เย็นวันเสาร์สุดสัปดาห์ที่เมืองฮานอยดูคึกคักเป็นพิเศษ วันที่เราไปน่าจะมีงานคอนเสิร์ต K-POP เลยทำให้รถเยอะแยะผสมผสานกับเสียงแตรที่ถือเป็นสีสันประจำของเวียดนาม เราเดินเล่นสะพายเป้ใหญ่ และแวะนั่งชมบรรยากาศทะเลสาบกลางเมือง แวะทานเฝอเป็นมื้อเย็นก่อนถึงเวลาขึ้นรถ
2
รถบัสนอนของ SAPA GROUP
  • ครั้งแรกในชีวิตขึ้นรถบัสนอนในเวียดนาม
พอเห็นรถบัสนอนที่แสนไอเทค ทำให้รู้สึกว่าทริปของเรากำลังจะเริ่มต้นตอนนี้แล้วสิ ตื่นเต้นจัง เวลาออกรถคือเวลา 22:00น. คาดว่าน่าจะถึงเมืองซาปาในเวลาเช้า 05:00น. ซึ่งเราได้จองรถบัสและจ่ายจากไทยเรียบร้อยแล้ว เราจองไปทาง FB: SAPA GROUP BUS แชทคุยกันด้วยภาษาอังกฤษ
เราเลือกแบบที่นอนคู่ ราคา 650,000 VND/2คน/เที่ยว (985บาท) จองทั้งขาไปและขากลับรวมเป็น 1,300,000 VND (1,970บาท) ทางเพจก็บอกวิธีโอนเงินให้อย่างละเอียด เราโอนเงินผ่านแอพกสิกรไทย K-Plus ตามขั้นตอนที่เขาแนะนำ มีค่าธรรมเนียมโอนเงินต่างประเทศ 250 บาท
2
สรุปว่าเราจองตั๋วรถนอนไปกลับทั้งหมดในราคา 2,252 บาท (คิดตามเรทค่าเงินของวันนั้น) โอนเสร็จแล้วก็แค่ส่งสลิปให้เพจแล้วเขาก็ออกตั๋วรถให้ พร้อมแจ้งพิกัดจุดที่ขึ้นรถ 160 Đ. Trần Quang Khải เราก็ปักหมุดเซฟพิกัดบนใน Google Map List “My Journey in Vietnam”
เพิ่มเติมนิดหน่อย รถบัสสามารถรับเราที่สนามบินได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่าย พอดีว่าเราลองรถบัสรอบดึก 22:00น.เพื่อที่จะได้นอนพักผ่อนตื่นเช้ามาจะได้อยู่ที่ซาปาเลย ส่วนขากลับจากซาปา-ฮานอยก็เลือกรอบดึก เลยได้รถอีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งพิกัดขึ้นลงจะเป็นอีกที่ รายละเอียดจะใส่ไว้ให้ด้านล่าง
ครั้งแรกในชีวิตขึ้นรถบัสนอนในเวียดนาม
รายละเอียดติดต่อจองรถบัสนอนฮานอย-ซาปา
🚩 SAPA GROUP BUS
ราคาตั๋ว: Single cabin 400,000 VND/คน/เที่ยว และ Double cabin 650,000 VND/2คน/เที่ยว
1
ตารางรถ
From Hanoi to Sapa 6:45 | 14:00 | 22:00
From Sapa to Hanoi 7:30 | 14:00 | 22:30
จุดขึ้นรถที่ฮานอย-ซาปา และ จุดลงรถซาปา-ฮานอย(ที่เดียวกัน)
พิกัด 160 Đ. Trần Quang Khải https://maps.app.goo.gl/vzJcZavucN2sW5C68
จุดลงรถซาปา-ฮานอย
บริษัท SAPA GROUP BUS https://maps.app.goo.gl/3cK6gA1rNvWnMXyP7
จุดขึ้นรถที่ซาปา-ฮานอย
บริษัท the G8 yellow cabin bus พิกัด 411 Đường Điện Biên Phủ https://maps.app.goo.gl/7hiZ5uYySZZmnKi76
1
บรรยากาศเมืองซาปา
  • เช้าตรู่ในเมืองซาปาต้อนรับด้วยสายหมอก
เมืองซาปา อยู่ในเขตจังหวัดลาวไค ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงและมีหมอกปกคลุม มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 1,650 เมตร จึงทำให้ที่นี่มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี และในช่วงที่เวียดนามเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสนั้น เมืองซาปาได้ถูกสร้างให้เป็นเมืองตากอากาศของชาวฝรั่งเศส จึงทำให้สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งหมู่บ้านชาวเขา นาขั้นบันได สวนดอกไม้ รวมถึงสถาปัตยกรรมต่างๆ มีกลิ่นอายผสมผสานของฝรั่งเศสเข้ามา
4
และแล้วเราก็ถึงเมืองซาปาในยามเช้าตรู่ตอนตี 5 ต้อนรับเราด้วยสายหมอกและอากาศที่เย็นสบายกำลังดี ส่วนร้านค้า ร้านอาหารกำลังเตรียมของทยอยเปิดร้านกัน บรรยากาศในยามเช้าประมาณ 26 องศา กำลังเย็นสบายเลย และในช่วงที่รอร้านค้าต่างๆ เปิดระหว่างนั้นเราเลยเดินเล่นชิลๆ รอบทะเลสาบกลางเมืองซึ่งที่เป็นจุดศูนย์กลางของเมืองซาปา
1
🚩เมืองซาปา จ.ลาวไค เวียดนามเหนือ
1
เดินเล่นชมเมืองซาปา Sapa Center
  • เดินเล่นชมเมืองซาปา Sapa Center
เราเดินเล่นไปทั่วบริเวณ Sapa Center ศูนย์กลางของเมืองซาปามีอาคารสถาปัตยกรรมที่สวยงามให้ชมเพลินๆ เป็นระยะๆ เช่น Hồ Chí Minh Friendship Monument, โบสถ์หิน Stone Church, สนามกีฬา, สวนสาธารณะ เดินถ่ายรูปเล่นๆ ได้ตลอดทาง มีร้านอาหาร คาเฟ่ให้เลือกมากมาย
3
🚩 Sapa Center
เช่ารถมอเตอร์ไซค์ที่ซาปา เวียดนาม
  • ครั้งแรกกับการเช่ารถมอเตอร์ไซค์ที่ซาปา เวียดนาม
เราหาร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ที่ใกล้ที่สุดจากรีวิวใน Google Map รถที่ได้เป็น Honda Blade ราคา 200,000 VND/วัน (300บาท) ไม่มีค่ามัดจำ ไม่ต้องวางพาสปอร์ต เขาแค่ให้โชว์ใบขับขี่ไทยให้ดู และไม่ต้องจ่ายก่อนอีก อะไรมันจะดีขนาดนั้น ถึงว่าในรีวิวได้ 5 ดาวเต็มจริงๆ ได้รถแล้วก็พร้อมแว๊น ก่อนอื่นใดเราขอเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่ที่พักก่อนแล้วไปขึ้นยอดเขาฟานซิปันกัน
1
การขับขี่รถที่เวียดนามแตกต่างจากที่ไทยนิดหน่อยแต่พอเรียนรู้ได้ ที่นี่จะขับขี่รถกันเลนขวา ส่วนรถยนต์พวงมาลัยจะอยู่ด้านซ้าย และการบีบแตรที่นี่ป็นเรื่องธรรมดามากๆ ถือเป็นการบีบส่งสัญญาณให้ระวังกันและกัน ตรงใจกลางเมืองซาปาถนนดีมากแต่รถราจะเยอะสักหน่อย แต่พอออกนอกเมืองไปรถจะน้อยลงแต่ถนนก็จะมีท้ังดีบ้าง ลูกรังบ้าง และอาจต้องขึ้นลงเนิน ถนนคดเคี้ยวสักหน่อยเพราะเมืองซาปาเป็นเมืองที่รายล้อมด้วยภูเขา
4
🚩 Motorbike rental cheap Mr Mừng
1
ขึ้นรถรางชมวิวระหว่างทาง
  • ขึ้นรถไฟที่ Sun Plaza
ขึ้นรถไฟจาก Sun Plaza ที่อยู่กลางเมืองซาปาเพื่อไปยอดเขาฟานซิปัง เป็นรถไฟโมโนเรลสายนี้เป็นรถไฟที่วิ่งบนภูเขามีระยะทางประมาณ 2 กม.โดยใช้เวลาเพียง 5 นาทีเชื่อมต่อระหว่างเมืองซาปากับสถานีกระเช้าซาปา ระหว่างที่รถไฟแล่นไปก็จะชมชื่นวิวดอกไม้ที่สีสันสดใสปกคลุมไปทั่ว รถไฟจะแล่นผ่านอุโมงค์และสะพานต่างๆ ทำให้ได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังได้ชมความงามของหุบเขาเมืองหัว (Muong Hoa Valley) หมู่บ้านชาวเขาและวิวเมืองซาปาอีกด้วย
2
🚩 Sun Plaza
บรรยากาศห้องอาหาร
  • ทานมื้อเที่ยงบุฟเฟต์นานาชาติที่ห้องอาหาร Van Sam
พอถึงเราก็ขอแวะเข้าไปที่ร้านอาหาร Van Sam ในสถานี Hoang Lien เติมพลังก่อนที่จะขึ้นกระเช้าลอยฟ้า เราจองตั๋วคอมโบเป็นตั๋วรถไฟไป-กลับ Muong Hoa + ตั๋วขึ้นกระเช้าไป-กลับ + บุฟเฟ่ต์มื้อกลางวัน World Fansipan Legend Cable Car in Sapa ใน Traveloka Xperience ราคา 1,781 บาทต่อคน ถ้าไม่รับอาหารบุฟเฟ่ต์ก็เหลือ 1,622 บาท (เราว่ารับดีกว่านะ) จองออนไลน์ในแอปสะดวกมากๆ สามารถใช้งานตั๋วสแกนผ่าน QR code จากมือถือได้เลย ราคาถูกกว่าไปซื้อที่เคาน์เตอร์ ไม่ต้องไปต่อคิวซื้อตั๋วเองให้ยุ่งยากเลย
3
🚩 Van Sam restaurant ในสถานี Hoang Lien
เวลาเปิด-ปิด 11:00 am - 02:30 pm
กินให้พุงกางไปเลย
อาหารก็มีให้เลือกหลากหลายจริงๆ ทีแรกคิดว่าอาหารบุฟเฟต์คงจะไม่พิเศษอะไร คงเน้นแค่ปริมาณเป็นหลัก อาหารน่ากินหมดทุกอย่างจริงๆ อาหารญี่ปุ่น อาหารเวสเทิร์น อาหารไทย อาหารเวียดนาม ขนมปัง ผลไม้และของหวาน เราตักเป็ดย่างชิ้นโต เนื้อสเต็ก หอยทะเล และเครื่องเคียงแบบเวียดนาม มื้อนี้เราขอกินพอประมาณเดี๋ยวจะง่วงนอนซะก่อน เพราะจะตะลุยยอดเขากันต่อ
2
cable car
  • ขึ้นกระเช้าไปยอดเขาฟานซิปัน
ไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้าต่อที่ Fansipan Cable Car Station ใช้เวลา 15 นาทีไปถึงสถานีกระเช้าฟานซิปัน (Fansipan Cable Car Station) ในขณะที่นั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นไปด้านบน จะได้สัมผัสวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของเทือกเขาหว่างเลียนเซินและหุบเขาเมืองหัวจากระดับความสูงหลายพันเมตรเลย
2
บรรยากาศเมื่อมาถึงสถานีฟานซิปัน
  • ขึ้นกระเช้าลอยฟ้าถึงสถานีฟานซีปัน
ถึงสถานีฟานซีปัน สถานท่แห่งนี้ยิ่งใหญ่มากๆ บรรยากาศมีหมอกคลุ้งปกคลุมไปทั่ว อากาศด้านบนหนาวมากๆ เราไม่ได้ใส่เสื้อกันหนาวมาด้วยแต่ก็พอไหวอยู่ บริเวณโดยรอบก็มีศาลเจ้าให้สักการะ และต้องเดินขึ้นบันไดไปต่อ 600 ขั้น ซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 20-30 นาทีเพื่อชมบรรยากาศให้ทั่ว
4
สำหรับคนที่ไม่อยากเดินหรือผู้สูงอายุก็มีนั่งรถไฟโมโนเรลสายฟานซิปัน จากสถานี Do Quyen Station ที่อยู่ใกล้ๆ กับ Ha Pagoda ไปยังยอดฟานซิปันใช้เวลาเพียง 2 นาทีในการเดินทาง (รถไฟสายนี้ไม่รวมกับตั๋วที่เราซื้อมานะ)
ความยิ่งใหญ่ของฟานซิปัน
  • ยอดเขาฟานซีปัน
Fansipan Mountain ภูเขาฟานซีปันได้รับฉายาว่าคือ "หลังคาแห่งอินโดจีน" (Roof of Indochina) เพราะภูเขาแห่งนี้มีความสูงกว่า 3,143 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ภูเขาฟานซีปันจึงถือว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศเวียดนาม
2
ด้านบนจะมีเจดีย์ขนาดใหญ่ อาคารสถาปัตยกรรมแบบจีนที่ประดับตกแต่งด้วยรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ 18 ชิ้นและองค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สุดในเวียดนาม สูง 20 เมตร กราบไหว้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล และมีไฮไลท์สำคัญอีกหลายแห่งเลย เช่น พีรามิดแห่งยอดเขาฟานซิปัน, หอระฆังแห่งซาปา, องค์เจ้าแม่กวนอิม ที่หันหน้าสู่ทะเลขุนเขา,เจดีย์แห่งฟานซิปัน และเสาธงที่สูงที่สุดในอินโดจีน
🚩 ภูเขาฟานซีปัน (Fansipan Mountain)
ช่วงที่เราเดินทางมาคือช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ถือเป็นช่วงที่ดีเลยที่มาเที่ยวเมืองซาปา สภาพอากาศคงที่ ไม่ร้อนและชื้นจนเกินไปเหมือนในฤดูร้อนเดินได้สบายๆ เลย ตอนนี้ก็เดินไปครึ่งบ่ายแล้วยังตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของยิ่งใหญ่และความสวยงามของสถาปัตยกรรมบนภูเขาแห่งนี้
2
พีรามิดแห่งยอดเขาฟานซิปันและเสาธงที่สูงที่สุดในอินโดจีน
  • พิชิตจุดสูงสุดของยอดเขาฟานซิปันได้สำเร็จแล้ว
พีรามิดแห่งยอดเขาฟานซิปัน ป้ายสามเหลี่ยมพีระมิดที่สลักชื่อและความสูง 3,143เมตร ขอโบกสะบัดธงเวียดนามเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเราได้มาพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในอินโดจีนในชีวิต และเบื้องหน้าเป็นจุดชมวิวสวยงามมากๆ มองเห็นทะเลหมอกที่ปกคลุมไปทั่วเทือกเขาอันกว้างใหญ่ไพศาล จุดนี้เป็นจุดสุดท้ายแล้ว เดินชมจนเหลือเราเป็นกลุ่มสุดท้ายก็เดินลงไปกับเจ้าหน้าที่พร้อมนั่งกระเช้าลอยฟ้าต่อด้วยรถไฟตามสเต็ปเดิม จบทริปวันแรกของเราในซาปาก่อนเข้าที่พักไปนอนชาร์ทพลังเอาแรงสำหรับวันพรุ่งนี้
3
บรรยากาศ Mi’s House ที่พักในหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต
  • ที่พัก Mị's house Homestay
ยามเช้าที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับวิวภูเขากลางหมู่บ้านเล็กๆ ที่เมืองซาปา เมฆหมอกลอยคลุ้งปกคลุมยอดเขามีให้เห็นตลอด Mị's house Homestay ที่พักคืนแรกของเราอยู่ท้ายสุดของหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต เราพักห้องชั้นล่างมีห้องน้ำในตัวพร้อมอ่างไม้แช่น้ำเพื่อคลายหนาว มองออกไปเห็นวิวสระว่ายน้ำ วิวภูเขา ห้องนี้เราก็จองที่ Traveloka เพราะเซิร์ฟหาจากเจ้าอื่นไม่มีเลย
4
🚩 Mị's house Homestay
ห้องพักพร้อมอ่างอ่างน้ำ ราคาคืนละ 1,200-1,700 บาท
ห้องเดี่ยว/รวม แบบห้องน้ำรวม ราคา 675 บาท
ราคาขึ้นอยู่ฤดูกาลและวันหยุดนักขัตฤกษ์
1
ภายในห้องพัก
ภายในห้องก็กว้างขวางเลย และแบ่งโซนด้วยกระจกใสมองทะลุไปถึงบริเวณห้องน้ำ แต่ก็มีผ้าม่าน มูลี่ให้บังสายตาแก้เขิน ตอนเรากลับจากเดินเที่ยวยอดเขาฟานซิปันเมื่อวาน เปิดน้ำร้อนนอนแช่ในอ่างไม้ ช่วยคลายปวดเมื่อย อ่อนล้าจากการเดินทางได้เยอะเลย ผ่อนคลายสบายตัวมากๆ ส่วนหน้าห้องก็เปิดกว้างรับลม ภายในห้องก็แตกแต่งแบบพื้นบ้านชนเผ่าได้อย่างลงตัว บรรยากาศเหมือนย้อนยุคเข้าไปอยู่ในหมู่บ้านโบราณเลยจริงๆ
4
บรรยากาศยามเช้า
สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด จิบชาร้อน นั่งซึมซับธรรมชาติที่เขียวขจี นี่คงเป็นรางวัลของคนตื่นเช้าสินะ และในช่วงสายๆ เรายังพอมีเวลาก่อนที่จะเช็คเอาท์ที่พักตอนเที่ยง ประตูด้านหลังของที่พักสามารถเดินเชื่อมเข้าไปเดินเล่นที่หมู่บ้านกั๊ตกั๊ตได้เลย
หมู่บ้านกั๊ตกั๊ต
  • เดินเล่นชมหมู่บ้านโบราณแห่งเมืองซาปา
เล่นลัดเลาะไปตามขั้นบันไดของ ตลอดเส้นทางในหมู่บ้านก็จะมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ของชาวบ้านให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ได้เลือกซื้อ ส่วนชาวบ้านส่วนใหญ่ที่อยู่อาศัยในหมู่บ้านแห่งนี้คือชาวม้งดำ ซึ่งจะสร้างบ้านอยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ แต่ละหลังจะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวที่ไม่มีหน้าต่าง
2
ในหมู่บ้านก็จะมีบ้านมากมายที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ด้วย ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนาข้าว ปลูกข้าวโพด และเลี้ยงสัตว์ แต่ก็มีหลายๆ คนที่หันมาเปิดร้านค้า ขายอาหารเครื่องดื่ม สินค้าหัตถกรรมต่างๆ ให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมหมู่บ้าน
Cat Cat Village หรือ หมู่บ้านกั๊ตกั๊ต หมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนภูเขาในระดับความสูงกว่าน้ำทะเล 1,650 เมตร จึงทำให้ที่นี่อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี เป็นหมู่บ้านของชาวม้งดำที่ใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย จุดเด่นของหมู่บ้านจะมีวิวธรรมชาติทั้งป่าเขา น้ำตก และนาขั้นบันไดที่ลดหลั่นไปตามไหล่เขา
1
🚩 Cat Cat Village
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 70,000 VND เด็ก 30,000 VND
1
น้ำตกกั๊ตกั๊ต
  • นั่งเล่นชมน้ำตกกั๊ตกั๊ต
เดินเล่นรอบหมู่บ้านและข้ามสะพานไม้โบราณที่มองเห็นน้ำตกสวยเด่นแต่ไกล นั่นคือ น้ำตกกั๊ตกั๊ต หรือ น้ำตกเตียนซานหรือ น้ำตกนางฟ้า (Tien Sa Waterfall) เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีวิวธรรมชาติที่สวยงาม บรรยากาศสดชื่น มีจุดชมน้ำตกแบบใกล้ชิด
อีกแห่งก็คือ น้ำตกสีเงิน (Silver Water Fall) หนึ่งในน้ำตกที่สวยที่สุดในซาปา ไหลจากยอดเขาฟานซิปัน ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเวียดนาม ตอนนี้นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว เราเลยหลบมุมมานั่งพักที่ริมลำธารชมความสวยความของธรรมชาติสักพัก ก่อนเดินเล่นต่อในตัวหมู่บ้านอีกสักหน่อย
1
ภูมิปัญญาชาวบ้าน
  • ภูมิปัญญาชาวบ้าน
นอกจากการเดินชมธรรมชาติในหมู่บ้านแล้ว ที่นี่ก็ยังมีภาพบรรยากาศการดำรงชีวิตของชาวบ้านม้งให้ได้สัมผัสใกล้ๆ ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจมากๆ ชาวบ้านเป็นผู้หญิง ผู้สูงวัยและวัยสาวกำลังทำการทอผ้า ทำเส้นด้ายเพื่อถักทอเป็นเครื่องแต่งกาย และกำลังนั่งปักผ้าซึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวบ้านม้ง รวมถึงยังมีการแสดงพื้นบ้านของชาวม้งดำให้ชมอีกด้วย ซึ่งการแสดงนี้เราก็จะได้เห็นทั้งวัฒนธรรมและการแต่งกายของชาวม้งดำที่เป็นเอกลักษณ์ คือจะสวมเสื้อผ้าทอมือ
1
ร้านอาหารในหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต
  • ร้านอาหารในหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต
ในช่วง11โมง นักท่องเที่ยวเริ่มเยอะขึ้นเราเลยปลีกตัวมาหาอะไรทานเป็นมื้อเที่ยงสักหน่อย เดินขึ้นบันไดทางกลับที่พักเห็นร้านอาหารมีไก่ย่างหมุนๆ อยู่หน้าร้านแต่มีเนื้อย่างเสียบไม้ ทำให้นึกถึงรสชาติของหม่าล่าขึ้นมา เราอยากลองสั่งเมนูที่ไม่เคยลองบ้าง เลยสั่งไก่ดำไปครึ่งตัว 250,000 VND(380บาท) และของปิ้งย่าง 3 ไม้ ไม้ละ15,000 VND(22บาท) และนั่งชมวิวรออาหารที่ชั้นบนสุดของร้าน แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่าวิวจะสวยขนาดนี้ และแถมชั้นบนไม่มีใครเลยสักคน
2
ทานมื้อเที่ยงชมวิวหมู่บ้านโบราณ
  • อาหารพื้นบ้านราคาหลักร้อยวิวหลักล้าน
ร้านนี้เป็นร้านไม้ 2 ชั้นครึ่ง เรานั่งด้านบนชั้น 2 ชั้นบนสุด วิวเบื้องล่างคือวิวน้ำตกกั๊ตกั๊ต และมองไปด้านข้างจะเป็นผู้คนขวักไขว่กำลังเดินข้ามสะพานไม้ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศหมู่บ้านกันอย่างสนุกสนาน
1
นั่งเล่นเพลินๆ สักพักก็มีเซ็ทอาหารจัดวางบนถาดไม้มาเสริ์ฟ ทีแรกคิดว่าเขามาเสริ์ฟผิดโต๊ะ แต่ก็ดูแล้วก็คือ ไก่ดำ และหม่าล่า3ไม้ของเราจริงๆ เพิ่มเติมคือเครื่องเคียงเป็นผักสดๆ เซ็ทพริก มะนาว เกลือ และข้าวเหนียวสีม่วงที่พอชิมดูแล้วก็คือ ข้าวหลามที่แกะแล้วเอาไปย่างหรือทอดอีกทีไม่แน่ใจ
1
แต่ที่สำคัญคือเขาจัดเซ็ทมาสวยมาก และรสชาติก็ไม่ธรรมดาอีกด้วย จากที่เคยได้ยินคำรีวิวคุ้นหูแต่ไม่รู้ว่าจริงไหม แต่ขอยืนยันเลยว่าร้านนี้อาหารราคาหลักร้อยวิวหลักล้านจริงๆ
🚩 Hmong 1925 restaurant and cafe
อยู่ติดกับร้านที่เราแชร์ไว้ด้านล่างเลย
บรรยากาศหุบเขาเหมืองฮวาระหว่างทาง
  • นี่สินะความหอมหวานระหว่างการเดินทาง
ได้เวลาเดินทางต่อในวันที่ 2 ในเมืองซาปา เขาขี่รถออกจากตัวเมืองซาปาประมาณ 10 กม.สู่พื้นที่ที่เป็นชนบทมากขึ้นอีกหน่อย ทางขึ้นลงเชินคดเคี้ยวตามไหล่เขาพอประมาณแต่รถราเพิ่มน้อยลงและเห็นธรรมชาติมากขึ้นตามลำดับ ระหว่างทางเราแวะจอดรถเก็บบรรยากาศวิวภูเขาและนาขั้นบันไดที่เรียกว่า หุบเขาเหมืองฮวา ถึงต้นข้าวจะถูกเก็บเกี่ยวไปซะแล้วแต่ความสวยงามที่หลงเหลือไว้เป็นนาขั้นบันไดที่ไล่ชั้นเรียงรายสวยงามตามรูปร่างของภูเขา ก็ยังคงสวยงามอลังการสำหรับเรามากๆ
2
สำหรับใครที่อยากมาชมนาขั้นบันไดที่นี่ บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง จะให้ดีช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม จะเป็นนาขั้นบันไดสีเขียวสวยงาม แต่ถ้าอยากเห็นตอนออกรวงสีทองต้องมาช่วงเดือน กรกฎาคม-กันยายน ซึ่งเราคิดว่าการปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวคงจะมีฤดูกาลที่ไม่ต่างจากไทยบ้านเรา ที่บ้านเราข้าวกำลังเขียวขจีเต็มที่เลย ที่ซาปาข้าวถูกเก็บเกี่ยวไปซะแล้ว
🚩 หุบเขาเหมืองฮวา Muong Hoa
2
ลานศิลาโบราณ
  • ลานศิลาโบราณซาปา
ขับมาจนถึงจุดที่มีหินโบราณของหุบเขาเหมื่องฮวา ที่นี่นอกจากเราจะได้ชมวิวธรรมชาติภูเขาสวยๆ ที่นี่ก็ยังเต็มด้วยกลุ่มก้อนหินขนาดใหญ่หลายร้อยก้อนที่ถูกแกะสลักด้วยภาพวาดสุดแปลกตา และยังไม่มีใครอธิบายได้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และภาพวาดเหล่านั้นหมายความว่าอะไร ซึ่งได้พบว่าภาพวาดเหล่านี้มีอยู่มานานหลายร้อยปีมาแล้ว
2
ลานศิลาโบราณที่สลักตัวอักษรและลวดลายโบราณ มีแผ่นศิลาหลากหลายขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้างประมาณ 200 แผ่นที่สลักรูปที่ให้ความรู้สึกลึกลับ แผ่นศิลาเหล่านี้อยู่กระจัดกระจายบ้างอยู่ใต้ร่มไม้หรืออยู่กับใบหญ้า บ้างก็อยู่ตามตลิ่งหรือไร่นา ลานศิลาโบราณซาปาเปรียบเสมือนหอสมุดกลางท้องฟ้าและเป็นหนังสือขนาดใหญ่ที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ลูกหลาน ลานหินสองแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของชาติ
1
🚩 Sapa Ancient Stone Gallery
เดินชมหมู่บ้านโบราณ
เราจะเดินไปที่แม่น้ำฮวา โดยต้องเดินทางกลางหมู่บ้านที่สองข้างทางถูกห้อมล้อมด้วยนาข้าวที่ออกรวงสีทองเต็มที่ ทางเดินลงเนินคดเคี้ยวลงไปเป็นหินโบราณเล็กใหญ่ทั้งหมด เราเดินเข้าไปพร้อมกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ และชาวบ้านที่ขายของเย็บปักถักร้อยก็เรียกขายตลอดตามเส้นทาง
ระหว่างทางก็จะมีลำน้ำเล็กไหลผ่านให้ก้าวกระโดดข้ามอยู่บ้าน คุณยายท่าหนึ่งแข็งแรงมากๆ ก็ช่วยจับมือพยุงเราข้ามน้ำเกือบลื่นไปแล้วเหมือนกัน ด้วยความน่ารักของคุณยายเลยอุดหนุนที่ใส่ข้อมือผ้าปักไป 50,000 VND สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติ ดูเหมือนว่าการเดินไปยังลำน้ำก็เหมือนการเดินเที่ยวไปกับชาวบ้าน ถ้อยถี่ถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน
นั่งชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ฮวา
  • ลำน้ำฮวาหรือลำน้ำดอกไม้
เราเดินมาถึงที่ลำน้ำใหญ่ไหลที่ผ่านใจกลางหุบเขาเหมื่องฮวา ลำน้ำนี้มีชื่อเพราะมากคือ ลำน้ำฮวา หรือ ลำน้ำดอกไม้ ลำน้ำดอกไม้ยาวหลายสิบกิโลเมตร เหมือนงูเหลือมที่เลื้อยลัดเลาะตามนาขั้นบันได เรานั่งซึมซับธรรมชาติอยู่บนโขดหินใหญ่ ณ ลำน้ำแห่งหุบเขาเหมื่องฮวา เมืองซาปา ประเทศเวียดนาม ไม่ว่าวันนี้เมื่อปีที่แล้วเราจะอยู่ที่ไหน ที่สำคัญวันนี้เราอยู่กับตัวเองและมีความสุขกับตอนนี้มากๆ เลย
1
🚩 ลำน้ำฮวาหรือลำน้ำดอกไม้
1
Salmon Hot Pot
  • แซลมอนหม้อไฟสดใหม่
ได้ยินความโด่งดังเรื่อง แซลมอนหม้อไฟ (Lau Ca Hoi) ที่เมืองซาปา คืนนี้ที่ที่พักมีเมนูนี้ด้วยเป็นเซ็ทสำหรับ 1-4 คน และเลือกได้อีก 1 เมนู เราสั่งเพิ่มเติมเป็นแซลมอลสปริงโรลจานใหญ่พร้อมแป้งห่อแบบเวียดนาม ทั้งหมดนี้ราคา 900,000VND(1,370บาท)
3
ในเซ็ทก็จะมีปลาแซลมอนสดๆ แล่เลาะก้างมาให้เรียบร้อย 1 ตัวโตๆ ส่วนหัวปลาและอื่นๆ ก็ถูกหั่นจัดใส่จานไว้อย่างสวยงามสำหรับต้มในน้ำซุปออกแนวเครื่องเทศหน่อยๆ เพื่อดับคาว และมีเครื่องเคียงมากมาย เต้าหู้แผ่นทอด ผักสด เห็ดเข็มทอด เส้นก๋วยเตี๋ยว รสชาติของปลาหวานและรู้สึกได้ถึงความสดใหม่มากๆ เรากินไปคุยกันไปถึงการผจญภัยที่ผ่านมา 2 วัน และดูท่าจะกินเท่าไหร่ก็ไม่ปริมาณก็ยอมลดลงเลยสักที
2
บรรยากาศภายนอกของที่พัก
  • Sapa Riverside Homestay
นอนหลับสบายและตื่นมาเช้าวันใหม่ที่ Sapa Riverside Homestay บรรยากาศร่มรื่นอยู่ติดริมน้ำฮวาและรายล้อมด้วยภูเขา เงียบสงบมากๆ เหมาะสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติ มีสวนหย่อมรื่มรื่นกว้างขวาง ลานระเบียง บาร์ เตาผิงกลางแจ้ง เราจองห้องพักจาก Booking.com ห้องพักชั้นบนบ้านและใช้ห้องน้ำรวม ราคาห้องละ 690 บาท รวมอาหารเช้า อาหารคอนติเนนตัล เอเชีย หรือมังสวิรัติ
2
🚩 Sapa Riverside Homestay
ห้องพักแบบห้องน้ำรวม ราคาห้องละ 690 บาท
บังกะโล ห้องน้ำในตัว ราคาหลังละ 1,200-1,400 บาท
1
ภายในที่พักและโถงชั้นล่าง
ห้องพักแสนอบอุ่นของเราที่หุบเขาเหมืองฮวาอยู่ชั้นบนของบ้าน ซึ่งชั้นบนนี้น่าจะมีห้องพักประมาณ 4-5 ห้องและใช้ห้องน้ำร่วมกัน โซนตรงกลางทำเป็นที่ผิงไฟสร้างความอบอุ่นในหน้าหนาว มีผู้เข้าพักเต็มทุกห้องแต่ก็เงียบสงบสมกับเหมาะกับการผ่อนคลายในหมู่บ้านชนบทจริงๆ ส่วนโถงด้านล่าง ใช้เป็นพื้นที่รับประทานอาหาร และเคาน์เตอร์เช็คอิน
3
Nightlife in Sapa
  • บรรยากาศเมืองซาปายามค่ำคืน
เราคืนรถเสร็จสรรพแล้ว ก็เดินทางชมเมือซาปายามค่ำคืนเพื่อรอเวลาขึ้นรถ 22:30น. ตึก ที่ Sun plaza ถือว่ามุมยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ นอกจากเป็นศูนย์การค้าแล้วยังเป็นสถานีรถไฟที่วิ่งเลียบเขาไปยังสถานีกระเช้าลอยฟ้าเพื่อขึ้นชมยอดเขาฟานซิปันที่เราไปเมื่อวันแรก
3
โบสถ์หินโบราณแห่งเมืองซาปา (Notre Dame Cathedral) ก็ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของซาปาที่ต้องไปเช็คอิน เป็นโบสถ์หินที่สร้างขึ้นโดยชาวฝรั่งเศส เนื่องจากครั้งที่เป็นเมืองอาณานิคม มีชาวฝรั่งเศสมาอาศัยอยู่เมืองซาปาจำนวนมาก จึงเป็นโบสถ์สำคัญของเมืองนี้ที่ใช้ในการร่วมพิธีมิสซา ถึงแม้ว่าในตอนนี้ชาวฝรั่งเศสจะย้ายกลับไปแล้ว แต่โบสถ์แห่งนี้ก็ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดีและชาวซาปาที่เป็นคาทอลิคก็ยังคงใช้งานอยู่จนปัจจุบัน
1
ย่าน Hotpot Center เป็นย่านที่รวมร้านหม้อไฟเด็ดๆ ไว้เพี๊ยบ แต่เราเพิ่งกินมาเมื่อคืนเลยขอเดินชมแสงสีสันดีกว่า ย่านนี้ก็ถือว่าคึกคักเหมือนกัน จากที่ตอนกลางวันเราก็ว่าสสวยแล้ว ตอนกลางคืนเดินเล่นชมเมืองก็ได้บรรยากาศไปอีกฟิลลิ่งหนึ่ง ถือว่าเดินเพลินเลยล่ะ ร้านค้าประดับไฟแบบไม่ยอมแพ้กันเลย
🚩 HOTPOT CENTER
Sapa Lake
ขอปิดท้ายทริปนี้ด้วยความสวยงามของบรรยากาศยามค่ำคืนที่บริเวณริมทะเลสาบ ทริปนี้เติมเต็มมากๆ ขอบคุณตัวเองและเพื่อนร่วมชะตากรรมที่ตัดสินใจมาด้วยกัน ทริปนี้มีทั้งเครื่องบิน นั่งแกร็ปาร์ นอนในรถบัส แว๊นมอไซค์ขมนาขั้นบันได ขึ้นรถราง ต่อด้วยกระเช้าลอยไฟ และเดินบันไดหลายร้อยขั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็ประสบการณ์ชีวิตและกำไรชีวิต ตราบใดแยู่ในช่วงวัยที่เรายังมีแรงมีกำลังก็ค่อยๆ ก้าวออกจากคอมฟอร์ทโซนเติมเต็มประสบการณ์ เปิดตาดูโลกให้กว้างขึ้น ชีวิตคนเราไม่ใช่มีแค่เรื่องเดียว
1
มาซาปาทั้งที ไม่พลาดร้านกาแฟดีๆ อย่างแน่นอน รีวิวเพิ่มเติมตามลิงก์เลยค่ะ
☕ จิบกาแฟ คาเฟ่ดีต่อใจที่ “ซาปา เวียดนาม”
🇻🇳 แบกเป้ไปต่อที่ฮานอย 3วัน2คืนตามมานะคะ
โฆษณา