21 ต.ค. 2023 เวลา 10:09 • ท่องเที่ยว
มองโกเลีย

ไปมองโกเลีย แอบปลื้มนักรบบนหลังม้า

จุดเริ่มคือ ไปเจองานระบำบูชาเทพของชาวมองโกเลียที่โปรโมทผ่านทาง FB เกิดความสนใจและมีจินตนาการแต่งตัวเพื่อให้เข้ากับงาน แต่พอได้ลองสืบราคาแล้วเกือบถอดใจไม่ไปกัน เพราะว่าเค้าคิดค่าทัวร์ ดำเนินการและการเข้าไปในงาน รวมถึงถ่ายรูปส่วนตัวสวยๆ สนราคาที่ 6 หลัก
ภาพเชิญชวนให้เข้าไปถ่ายรูปด้วย แต่ค่าตัวแพงจุง
หลังจากที่เกือบถอดใจ เลยเริ่มหาข้อมูลต่างๆ อีกครั้ง พบว่า มองโกเลียมีอย่างอื่นที่น่าสนใจเช่นกัน เมื่อได้ข้อมูลพร้อมแล้วก็เตรียมตัว
เราไป แหวกม่านเจงกิสข่าน ขอบฟ้า
สายลมและนักรบบนหลังม้า ที่มองโกเลียกัน
เพื่อนคนหนึ่ง
ก่อนเดินทางก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ เสื้อผ้า หน้าผม ยาประจำตัว แต่เกิด เอ๊ะ! ขึ้นมาว่า อากาศอาจแปรปรวนได้ จึงหยิบเอาเสื้อหนาวกันไว้ตัวนึง (ช่วงที่เราเดินทางเป็นฤดูร้อนของเค้า) ส่วนสายการบิน เราเลือกมองโกเลี่ยน แอร์ไลน์ ซึ่งไม่มีบินตรง ต้องไปต่อที่ฮ่องกง ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 13 ชั่วโมง
วันเดินทางก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
ไปถึงมองโกเลียแล้ว ก็ไม่ได้คิดว่าจะมีปัญหาอะไร ปรากฎว่าเดินถึง ตม. เค้าบอกว่า คนไทยต้องไปทำ visa on arrival คราวนี้ งงเลยสิ ถูกต้องเข้าไปที่ห้อง immegration แบบตาแตก ยืนเจรจากับเจ้าหน้าที่ในห้องสักพัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็คือ งง เช่นกันว่า เข้ามาทำอะไร ไทยแลน์เดีย ไม่ต้องทำวีซ่าจ้า คราวนี้ เดินออกไปที่ ตม.อีกครั้ง เค้าก็ไล่ออกมา จึงเริ่มทำเสียงเข้มเจรจา จนออกมาได้
โดนต้อนเข้า immigration
ออกจากสนามบิน นั่งรถไปที่พักนอกเมืองนิดนึง (ซึ่งได้ราคาถูกมาก) กินอาหารเล็กน้อย แล้วเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบ ซึ่งไม่มีอะไรน่าสนใจ เราคิดว่า เหมือนเค้ากำลังขยายเมืองและเขตรอบนอกก็จะเป็นพื้นที่อยู่อาศัยมากกว่า ไม่มีร้านค้าหรือธนาคารใดๆ ต้องนั่งรถเข้าเมืองอย่างเดียว
ห้องใหญ่โตมาก
วันรุ่งขึ้น ไกด์มารับแต่เช้า พาไปแลกเงิน (ใช้เงินดอลล่าห์แลกเป็นเงินทูริก) แล้วพาเข้าชมสถานที่สำคัญในเมือง เช่น พระราชวังฤดูหนาวของ บอกด์ ข่าน (Winter Palace of Bogd Khan)
พระราชวังฤดูหนาวของ บอกด์ ข่าน
อนุสรณ์สถานแห่งการต่อสู้ไซซาน (Zaisan Memorial) ตั้งอยู่บนยอดเขาไซซาน สร้างขึ้นโดยรัสเซียเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารมองโกเลียที่เข้าร่วมรบกับทหารสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนนำไปสู่การปฏิวัติประกาศอิสรภาพของประเทศมองโกเลีย
อนุสรณ์สถานแห่งการต่อสู้ไซซาน
อนุสาวรีย์เจงกิสข่าน (Genghis Khan Equestrian Statue) ตั้งตระหง่านใหญ่โตเทียบฟ้าอยู่กลางพื้นที่โล่งอันเคว้งคว้าง
อนุสาวรีย์เจงกิสข่าน
อนุสาวรีย์ที่ใหญ่ที่สุดของท่านเจงกิสข่านนี้ สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงความเกรียงไกรในอดีตชนชาติมองโกล บริเวณนี้มีตำนานเล่าว่าได้ค้นพบแส้ทองของอดีตข่านผู้ยิ่งใหญ่
หลังจากนั้น ก็นั่งรถเข้าป่าไปนอนในหุบเขาไกลโพ้น อากาศดีมาก เย็นสบาย แอบหนาวหน่อยๆ ฝนตกพรำๆ และแดดออก ภาพที่นอนคือนี้และบรรยากาศรอบๆ
ห้องนอนคืนนี้ และบรรยากาศรอบๆ
Aryabal Meditation Temple เป็นวัดที่อยู่กลางหุบเขาแห่งอุทยาน Telejl National Park ซึ่งวัดนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1810 โดยชาวมองโกเลียและชาวทิเบตที่อาศัยอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Telejl โดยมีพระจากวัดต่างๆ มายังวัดนี้เพื่อการทำสมาธิและสวดมนต์ ด้านสถาปัตยกรรมของวิหารวัดนี้ได้รับอิทธิพลมาจากทิเบตเป็นหลัก
ทางเข้าวัด Aryabal Meditation Temple
ระหว่างทางเดินมีแผ่นป้ายไม้สีเขียว ที่อธิบายคำสอนในศาสนาพุทธ ทั้งภาษาธิเบตและภาษาอังกฤษควบคู่กัน เรียงรายอยู่ตลอดข้างทาง จำนวน 72 แผ่น ภายในศาลาไม้สีเหลืองเป็นที่ตั้งของกงล้อมนตรา (The great player wheel of kanguyer) สีแดงขนาดใหญ่ รูปทรงกระบอกหมุนได้ ด้านข้างสลักตัวอักษรมนตราศักดิ์สิทธิ์ คำว่า " โอม มณี ป้ทเม ฮัม " เป็นภาษาทิเบตโบราณ
Aryabal Meditation Temple
มีความเชื่อว่าหากได้สวดมนต์ และหมุนกงล้ออธิษฐานไปพร้อม ๆ กันนั้น 1 รอบ ด้วยศรัทธาที่แน่วแน่จะเท่ากับสวดมนต์ 108 จบ ซึ่งเป็นการบำเพ็ญบุญกุศล ชำระบาปได้ด้วย แบบสายมูอย่างแท้จริง
จบพิธีเดินเข้า ต่อด้วยกิจกรรมขี่อูฐที่ Kharkorin เมืองหลวงเก่า ที่มีเนินทราย Mongolia Sand Dune
Mongolia Sand Dune
ที่พักเรามีโชว์การแสดงพื้นเมืองและการร้องเพลงเฉพาะของมองโกเลียด้วย ฟีลอะเมซิ่งอยู่นะ กดดูคลิป
เราได้ไปที่ Kharkorin Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวม ทั้งข้อมูล การอธิบาย หลักฐานทางประวัติศาสตร์และการจัดแสดงโบราณวัตถุได้อย่างครบถ้วน และ อารามเออร์ดีนชู (Erdene Zuu Monastery) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1585 ตั้งอยู่ติดกับกำแพงเมือง เป็นอารามเก่าแก่ที่สุด
Erdene Zuu Monastery
ออกจากวัด ด้านข้างมีที่ให้ถ่ายรูปกับน้องเหยี่ยว ตัวใหญ่น่ากลัวทีเดียว แต่ว่าเราอยากลอง ได้รูปคูลๆ มา
น้องเหยี่ยวไม่จิกตา
หลังจากที่วนไปนอกเมืองต่างๆ แล้วก็กลับเข้าเมืองไปเก็บสถานที่สำคัญที่สามารถเดินได้ อาทิ สวนสาธารณะจตุรัสเซเด็นบัล (Sükhbaatar Square) ในพื้นที่เดียวกันมี อนุสาวรีย์ซุคบาตาร์ (Monument of Sukhbaatar in Ulaanbaatar) เพื่อเป็นเกียรติแก่วีรบุรุษ เป็นผู้นำและนักเคลื่อนไหวเพื่ออิสรภาพชาวมองโกล รวมถึง พิพิธภัณฑ์แห่งชาติมองโกเลีย (National Museum of Mongolia) และ วัด Gandantegchinlen Monastery เดินจากพิพิธภัณฑ์ไปประมาณ 2 ก.ม
Sükhbaatar Square
วัน Highlight ของเราคือ การไปร่วมงาน เทศกาล Danshig Naadam เป็นเทศกาลใหญ่ประจำทุกปีของมองโกเลีย ซึ่งหลัก ๆ คือ อยากไปดู การเต้นรำของจาม (Tsam Dance) หรือระบำผีตาโขน (ตามที่เกริ่นไปตั้งแต่จุดเริ่มต้น) ออกจากเมืองไป 1 ชม
ซึ่งมีทั้งมวยปล้ำโบราณ การสวดไล่ปีศาจ การแข่งม้า และ ยิงธนูบนหลังม้า ปลื้อปริ่มมากๆ
ข้อมูลทั่วไป
มองโกเลียมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมโบราณสืบทอดมา และความสมบูรณ์ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ มีคนเคยบอกว่า ประเทศนี้เป็นดินแดนแห่งท้องฟ้าสีฟ้าชั่วนิรันดร์ ซึ่งมึพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้า มีทะเลทรายโกบีทางทิศใต้ และมีพรมแดนติดกับรัสเซียทางเหนือ และจีนทางทิศใต้
สภาพอากาศมีสี่ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูร้อน, ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว โดยเฉลี่ยเดือนมกราคมจะลดลงต่ำสุดที่ −30 ถึง -40 °C สำหรับเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยว คือในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน จนถึงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม
อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่
อ่านรีิวิวอื่นๆ
โฆษณา