23 ต.ค. 2023 เวลา 09:40 • กีฬา

โอลิมปิก ลียง กำลังเจอวิกฤตร้ายแรงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร เมื่ออยู่บ๊วยของลีกเอิงและอาจจะตกชั้นได้

ในอดีต ลียงเคยมีฉายาในประเทศไทยว่า "ลียง-ลงเป็นยิง" เพราะศักยภาพเกมรุกในระดับสุดยอด ยิงประตูใส่คู่แข่งเป็นว่าเล่น ระดับ 4-5 เม็ดต่อเกม ถือเป็นเรื่องปกติ
ในช่วงพีกที่สุด ลียงเคยได้แชมป์ลีกเอิง ติดต่อกัน "7 สมัยซ้อน" ระหว่างปี 2001 ถึง 2008 ในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลฝรั่งเศส ไม่เคยมีสโมสรไหนทำได้
แม้แต่เปแอสเชในยุคนี้ ที่ร่ำรวยล้นฟ้าก็ไม่เคยทำได้ เปแอสเช เคยได้แชมป์ลีกติดกัน สูงสุดแค่ 4 สมัยเท่านั้น
ลียง ในช่วงเวลา 7 ปีนั้น มีนักเตะท็อปคลาสอย่าง จูนินโญ่ แปร์นัมบูร์กาโน่ ราชาฟรีคิก, ซอนนี่ แอนเดอร์สัน ดาวซัลโวลีกเอิง 2 สมัย, ฟลอรองต์ มาลูด้า, มิคาแอล เอสเซียง, เอริค อบิดาล, ซิลแวง วิลตอร์, ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา มาจนถึง คาริม เบนเซม่า
1
เอาเป็นว่า ถ้าคุณอยากได้แชมป์ลีก ให้ย้ายมาอยู่ลียง ก็การันตีแชมป์ให้คุณได้เลย อย่างมิลาน บารอส ตอนอยู่ลิเวอร์พูล อยู่แอสตัน วิลล่า ไม่เคยได้แชมป์ลีกสูงสุดสักครั้งเดียว แต่พอย้ายมาลียงปั๊บ (ปี 2006) ได้แชมป์ลีกสูงสุดทันที และเป็นสโมสรเดียวของบารอส ที่เคยได้แชมป์ลีก จนแขวนสตั๊ดอีกด้วย
ความสำเร็จอันมากมาย นำมาซึ่งความมั่งคั่ง ในปี 2008 นิตยสารฟอร์บส จัดอันดับให้ลียง เป็นทีมที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับ 13 ของโลก นี่คือสโมสรที่ดูแข็งแรงมั่นคงมาก
จุดเริ่มต้นของลียง เมื่อก่อนยังไม่ใช่ทีมใหญ่อะไร ย้อนกลับไปในปี 1987 ณ เวลานั้น ลียงอยู่ในลีกเดอซ์ ทีมมีหนี้สินมากมาย ดูไม่มีอนาคต
1
แต่จุดเปลี่ยนคือ ฌอง-มิเชล โอลาส นักธุรกิจหนุ่มวัย 38 ปี เจ้าของบริษัทซอฟต์แวร์ Cegid ตัดสินใจเอาเงินมาเทกโอเวอร์ และกลายเป็นเจ้าของคนใหม่ของโอลิมปิก ลียง โดย ณ วันนั้นทั้งสโมสรมีพนักงานหลังบ้านแค่ 3 คนเท่านั้น
โอลาสบริหารทีมไปเรื่อยๆ เขามีทักษะการซื้อ-ขาย ผู้เล่นที่ชาญฉลาดมาก เพียงไม่กี่ปีหลังจากเทกโอเวอร์ ลียงก็ปลดหนี้ได้หมด สโมสรค่อยๆ เติบโตขึ้น กลายเป็นทีมขนาดใหญ่ในประเทศ และในปี 1999 ลียงเข้าสู่ตลาดหุ้น โดยใช้ชื่อในตลาดว่า OL Groupe
1
เมื่อบริษัทเข้าตลาดแล้ว ทำให้สโมสรมีเงินมากกว่าเดิม จนกล้าคิดการใหญ่ โดยเฉพาะการสร้างสนามใหม่ขึ้นมา
จากเดิมลียงใช้สต๊าด เดอ ชาร์กลอง ความจุ 35,730 คน โดยเช่าสภาเมืองทุกปี แต่พอมีเงินปั๊บ ก็ทุ่มเงิน 480 ล้านยูโร สร้างสนามแห่งใหม่ ที่เป็นของตัวเอง ชื่อ โอลิมปิก ลียงเนส พาร์ก ความจุ 59,186 ที่นั่ง (ชื่อปัจจุบัน คือ กรุ๊ปปาม่า พาร์ก เปลี่ยนตามสปอนเซอร์)
2
ทุกอย่างก็ดูเดินหน้าไปด้วยดี โอลาสทำงานเป็นประธานสโมสรมายาวนานถึง 35 ปี จนมาถึงช่วงเดือนธันวาคม 2022 ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นเป็น 74 ปีแล้ว โอลาสตัดสินใจว่า "จะขายทีม" เพื่อให้ลียงมูฟต่อไปข้างหน้า
ปัญหาที่โอลาสเจอ คือลียงในช่วง 10 ปีหลังสุด ไม่สามารถคว้าแชมป์อะไรได้เลยแม้แต่รายการเดียว โทรฟี่สุดท้ายคือ เฟรนช์คัพ ปี 2012
ในข้อเท็จจริงคือ พวกเขาสู้ปารีส แซงต์ แชร์กแมงไม่ได้ ทั้งเรื่องฝีเท้า และคุณภาพของผู้เล่น ยิ่งนับวันยิ่งมีช่องว่างเยอะขึ้น
ขณะที่ตัวโอลาสเองก็โดนวิจารณ์ว่า เป็นผู้บริหารแบบตกยุค เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ไม่เล่นสมาร์ทโฟน ไม่เข้าใจโลกออนไลน์ และทำงานแบบรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ตัวเอง ไม่มีทีมงานที่ดีพอ
1
ดังนั้นถ้าอยากจะขยับ เพื่อให้ลียงเดินต่อไปข้างหน้า การขายทีมอาจจะจำเป็น เพื่อให้ลียงมีเงินมากกว่านี้ และได้กลุ่มผู้บริหารใหม่ที่มีวิสัยทัศน์แห่งอนาคต
หลังจากพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว ฌอง-มิเชล โอลาส ขายหุ้นเกือบทั้งหมดที่ตัวเองมี ให้กับกลุ่มทุนจากอเมริกา ชื่อ อีเกิล ฟุตบอล โฮลดิงส์ ในราคา 800 ล้านยูโร โดยตัวเองเหลือเก็บไว้แค่ 9% เท่านั้น
อีเกิล ฟุตบอล โฮลดิงส์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของทีมคริสตัล พาเลซในอังกฤษ และ โบตาโฟโก้ ในบราซิล การได้ลียงมาอีกทีม เป็นโอกาสดีที่บริษัทจะขยายพอร์ทเพิ่ม
อีเกิล ฟุตบอล โฮลดิงส์ กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ OL Groupe แต่มีสัญญาใจกับ ฌอง-มิเชล โอลาส ว่าจะให้เขาทำหน้าที่เป็นประธานบริหารอีก 3 ปี
นี่คือความต้องการของโอลาสเอง ที่อยากเปลี่ยนผ่านยุคสมัย ให้เป็นไปด้วยความสมูธมากที่สุด
ดราม่าแรกสุดของลียงเกิดขึ้นเพราะความขัดแย้งกันของอีเกิล ฟุตบอล โฮลดิงส์ ที่นำโดยเจ้าของใหม่ชื่อ จอห์น เท็กซ์เตอร์ กับ เจ้าของเดิม-โอลาส
1
ทั้งสองฝ่ายมีไอเดียในการบริหารต่างกัน โอลาสชอบใช้งานนักเตะชื่อดัง แม้จะโรยราแล้วก็ตาม เช่น อเลซ็องด์ ลากาแซตต์ (ดึงตัวมาตอนอายุ 31 ปี) หรือ นิโคลัส ตายาฟิโก้ (ดึงตัวมาตอนอายุ 30 ปี) เขามองว่าทีมระดับลียงขาดสตาร์ไม่ได้ นักเตะดังๆ พวกนี้ แม้ร่างกายจะโรยแล้ว แต่ก็ยังเก่งพอ
1
แต่มุมมองของจอห์น เท็กซ์เตอร์ เจ้าของใหม่ คิดว่าลียงควรเปลี่ยนแนวทาง ไปหานักเตะโนเนม ค่าเหนื่อยถูกๆ เอามาปั้นให้เป็นเพชรเพื่อขายต่อดีกว่า
เมื่อแนวทางขัดกัน โอลาสจึงโดนบีบให้ลงจากตำแหน่ง ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2023 ภายในเวลาแค่ 5 เดือนเท่านั้น ทั้งๆ ที่สัญญากันไว้ว่า จะให้เป็นประธานบริหาร 3 ปี
เมื่อไม่มีโอลาส ปัญหาใหญ่ที่ตามมาคือ ลียง มีปัญหานอกสนามอย่างมาก เพราะไม่มีคนคอยจัดการเรื่องภายนอกให้แล้ว
เช่น สโมสรถูก DNCG องค์กรที่ตรวจสอบการใช้เงินของสโมสรในฝรั่งเศส แจ้งว่า ทำผิดกฎไฟแนนเชียลแฟร์เพลย์
ในช่วงซัมเมอร์ปี 2023-24 ลียงขายนักเตะไป 8 คนได้เงินมา 112 ล้านยูโร ตามแผนเดิม ก็เตรียมใช้เงินจำนวนนี้ ซื้อนักเตะหลายคนเข้ามาร่วมทัพ แต่พอเจอ DNCG แจ้งว่าทำผิด จึงใช้งบซื้อนักเตะใหม่ได้แค่ 30 ล้านยูโรเท่านั้น เงินที่เหลือต้องเข้าคลังของสโมสร
ในเรื่องนี้ โอลาสแซะเจ้าของใหม่ว่า "ตลอด 35 ปี ที่ผมทำงานมา เราไม่เคยมีปัญหากับ DNCG แม้แต่ครั้งเดียว" คือไม่รู้ว่าทำยังไง แต่ลียง เคลียร์เอกสารได้ทุกครั้ง
หลังจากการซื้อขายนักเตะไม่เป็นไปตามแผน ปล่อยตัวหลักออกไป ไม่มีใครที่เก่งพอกันมาแทนที่ ทำให้โลรองต์ บลองค์ เฮดโค้ชของทีมลำบากใจมาก ต้องจำใจใช้งานผู้เล่นเท่าที่มีอยู่
1
ตัวหลักที่บลองค์ชอบใช้ เช่น มาโล กุสโต้ โดนปล่อยไปเชลซี, แบรดลีย์ บาร์โคบา ถูกขายให้เปแอสเช และ คาสเตลโญ่ ลูเคบา ถูกขายให้ไลป์ซิกส่วนตัวผู้เล่นที่ได้มาใหม่ ก็เช่น เจค โอ ไบรอัน ที่ซื้อมาจากคริสตัล พาเลซ ในราคา 1 ล้านปอนด์ ซึ่งนอกจากคุณภาพจะต่างกันแล้ว ยังโดนฟีฟ่าลงมาตรวจสอบอีกว่า สองสโมสรที่มีเจ้าของเดียวกัน ใช้วิธีโยกย้ายนักเตะกันง่ายๆ แบบนี้ได้เลยหรือ
เจ้าของเปลี่ยนแปลง มีเรื่องนอกสนามเยอะ, ไม่มีงบซื้อนักเตะใหม่ ปัญหาทุกอย่างรุมเร้า ทำให้ 4 เกมแรกของฤดูกาล ลียงไม่ชนะใครเลย
1
นัดที่ 1 : แพ้ สตาร์บูร์กส 2-1
นัดที่ 2 : แพ้ มงต์เปลลิเยร์ 4-1
นัดที่ 3 : เสมอ นีซ 0-0
นัดที่ 4 : แพ้ เปแอสเช 4-1
เหตุการณ์สำคัญหลังแพ้เปแอสเช 4-1 แฟนบอลกลุ่มอุลตร้าของลียง พูดผ่านไมโครโฟนในสนาม โดยนักเตะทั้งทีมมายืนฟัง โดยแฟนบอลด่าอย่างรุนแรงว่า "เสื้อลียงมีความยิ่งใหญ่ พวกแกไม่มีสิทธิ์จะทำลายเกียรติยศนี้"
มุมของแฟนบอลมองว่าสโมสรจัดการแย่ก็เรื่องหนึ่ง แต่ตัวนักเตะเองก็ดูเหมือนไม่มีไฟ ไม่มีใจ ไม่รู้ว่าทีมระดับลียง การไม่ชนะใครเลยใน 4 เกมแรกถือเป็นเรื่องใหญ่มาก
ผ่านไป 4 นัด มี 1 แต้ม ในเมื่อโลรองต์ บลองค์ ไม่สามารถทำให้ทีมรวมใจกันเป็นหนึ่ง และเล่นให้ชนะได้ เขาจึงโดนสังเวยไล่ออกจากตำแหน่ง สโมสรแต่งตั้งฟาบิโอ กรอสโซ่ อดีตนักเตะของทีม ที่เคยเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 ขึ้นมารับหน้าที่แทน
แต่ฟาบิโอ กรอสโซ่ ก็ไม่ใช่เทพมาจากไหน โอเค เขาเคยคุมทีมได้แชมป์เซเรียบี กับโฟรซิโนเน่ แต่ก็ยังมีประสบการณ์ไม่มากนัก ในเลเวลลีกสูงสุด ดังนั้นจึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของลียงได้ในพริบตา
นัดที่ 5 : เสมอ เลอ อาฟร์ 0-0 (ฌอง-ฟรองซัวส์ วูลิเยซ ผู้อำนวยการเทคนิค คุมทีมข้างสนาม)
นัดที่ 6 : แพ้ แบรสต์ 1-0
นัดที่ 7 : แพ้ แรงส์ 2-0
นัดที่ 8 : เสมอ ลอริยองต์ 3-3
ไม่ใช่แค่ฝีมืออย่างเดียว แต่ใจของนักเตะเองก็ไม่ได้ด้วย อย่างในเกมเสมอลอริยองต์ 3-3 พวกเขานำในครึ่งแรก 3-1 แต่ปิดเกมไม่ได้ โดนตามตีเสมอ 3-3 ทำยังไงก็ไม่ชนะ
เข้าสู่นัดที่ 9 ของฤดูกาล ลียงอยู่อันดับ 17 หรือรองบ๊วยของตาราง ลงเล่นในบ้าน พบแกลกมงต์ ฟุต ทีมอันดับ 18 หรือบ๊วย นี่เป็นเกมชี้ชะตาเลยว่า ใครคือทีมที่แย่ที่สุดของลีกเอิงในตอนนี้
ปรากฏว่า ลียงแพ้ไป 2-1 อันดับเลยสลับกัน พวกเขาหล่นมาอยู่ท้ายตารางแทน เจอทีมอย่างแกลกมงต์ ฟุต ยังกล้าๆ แพ้คาบ้าน
รวมแล้วลงเล่น 9 นัด ชนะ 0 เสมอ 3 แพ้ 6 เป็นทีมที่ย่ำแย่ที่สุดในลีกเอิง ยิงประตูได้น้อยสุด และเสียประตูมากที่สุด ไม่รู้จักชัยชนะใดๆ ทั้งสิ้น พวกเขาไม่เคยออกสตาร์ตฤดูกาลได้แย่ขนาดนี้ ตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร
จริงๆ ถ้าเราไปดูไลน์อัพของลียง ตัวที่มีอยู่ ก็นับว่าไม่แย่ พวกเขามีเดยัน ลอฟเรน อดีตแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกกับลิเวอร์พูล, อเลซ็องด์ ลากาแซตต์ อดีตนักเตะค่าตัวแพงที่สุดของอาร์เซน่อล, ไอน์สลีย์ เมทแลนด์-ไนลส์ อดีตดาวรุ่งทีมปืนใหญ่, โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ กองกลางแชมป์โลกกับฝรั่งเศสปี 2018 และ นิโกลาส ตายาฟิโก้ แบ็กซ้ายแชมป์โลกกับอาร์เจนติน่า ปี 2022
1
ยังไม่นับ รายัน เชอร์กี้ ดาวรุ่งวัย 20 ปี ที่ตกเป็นข่าวกับทีมใหญ่ในยุโรปจำนวนมาก
แต่พอลงสนามกันจริงๆ ทีมเล่นกันด้วยความสับสน การเปลี่ยนโค้ชทำให้นักเตะมึนงง การไม่มีนักเตะใหม่ทำให้คู่แข่งจับทางง่าย และพอเล่นไม่ชนะความมั่นใจก็ยิ่งหาย ก็ยิ่งไม่ชนะต่อไปเรื่อยๆ
หากให้เปรียบเทียบ คิดถึงเลสเตอร์ในซีซั่นที่แล้ว หน้าเสื่อเหมือนจะดูดี แต่เมื่อไม่มีการซื้อตัวใหม่ แล้วแข่งทีไรก็แพ้ ความมั่นใจไม่เหลือ บวกกับการเปลี่ยนโค้ชกลางซีซั่น สุดท้ายจึงลงเอยด้วยการตกชั้น
ถามว่าตอนนี้ลียงทำอะไรได้ไหม? คำตอบคือ สโมสรทำอะไรไม่ได้แล้ว
พวกเขาเพิ่งไล่โค้ชออกเมื่อเดือนก่อน จะมาไล่โค้ชออกอีกคนในเดือนนี้ก็คงไม่ได้ ส่วนตลาดซื้อขายก็ปิดไปนานแล้ว จะยืมตัวใครอะไร ก็ทำไม่ได้ ต้องใช้แค่ผู้เล่นที่มีอยู่
แฟนลียงจึงได้แต่ภาวนา ให้ฟาบิโอ กรอสโซ่ ปรับตัวได้เร็วๆ และนักเตะมีใจสู้มากกว่านี้ เพื่อพาทีมคัมแบ็กกลับมาชนะให้ได้เสียที แค่นั้นเลย
1
เรื่องราวของลียง จะเห็นได้ว่า ในวงการฟุตบอลยุคปัจจุบัน ไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ
การบริหารงานผิดพลาด แค่เพียงนิด ต่อให้เป็นทีมใหญ่แค่ไหน ก็มีโอกาสจมดิ่งถึงขั้นร่วงตกชั้นได้
ซีซั่นที่แล้ว เลสเตอร์ ซิตี้ ร่วงตกชั้นทั้งๆ ที่เพิ่งได้แชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2016 และได้แชมป์เอฟเอคัพ ในปี 2021 ใครจะไปเชื่อ
หรือในซีซั่นนี้ อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม สโมสรที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดตลอดกาล ของลีกดัตช์ 36 สมัย ณ เวลานี้ อยู่อันดับรองบ๊วย จนแฟนๆ เกิดจลาจลก่อม็อบ จะทำลายสนามแข่ง
1
เอฟซี บาเซิล เจ้าของแชมป์ลีกสวิส 20 สมัย สูงสุดอันดับ 2 ตลอดกาลเป็นรองแค่กราสฮอปเปอร์ ซูริค ทีมเดียว ตอนนี้อยู่บ๊วยของลีกสวิส มีโอกาสตกชั้นเช่นกัน
โอลิมปิก ลียงก็ไม่ต่าง จากลียง-ลงเป็นยิง ตอนนี้กลายเป็น ลียง-ลงเป็นโดน ทีมที่เคยน่ากลัวในอดีต มีโอกาสที่จะร่วงตกชั้น ไปเริ่มต้นใหม่จากลีกเดอซ์
1
ในลีกฝรั่งเศสนั้น บอร์กโดซ์ ทีมที่เคยใหญ่ตอนนี้ร่วงไปแล้ว เช่นเดียวกับแซงต์ เอเตียน อดีตเจ้าของแชมป์ลีกเอิง 4 สมัยติดต่อกัน ตอนนี้ก็ร่วงไปแล้ว จะแปลกอะไรถ้าลียงจะร่วงตามไปอีกทีม
1
เพราะโลกฟุตบอล ไม่มีสโมสรไหน มีสิทธิพิเศษ ไม่มีใครใหญ่เกินกว่าจะตกชั้น ทุกทีมถ้าเดินทางผิดพลาดและแก้ไขสถานการณ์ช้าเกินไป จะใหญ่มาจากไหน ก็ร่วงได้เสมอ
1
#LYONFALLEN
โฆษณา