24 ต.ค. 2023 เวลา 05:21 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

"El Camino" 2019

เส้นทางชีวิตของหนุ่มนักค้ายาที่เลือกทางเดินผิด
ถูกจับไปทรมาร ใช้งานเยี่ยงทาส ราวกับตกนรกทั้งเป็น
แม้ว่าจะหนีรอดออกมาได้ แต่ความซวยครั้งใหม่กำลังรออยู่
และนี่คือเรื่องราวการเดินทางครั้งสุดท้ายของบทสรุปปิดตำนานดับเครื่องชนคนดีแตก
"El Camino"
ภาพยนตร์ภาคต่อของซีรีส์อาชญากรรมดราม่าอันดับหนึ่งตลอดกาลอย่าง 'Breaking Bad ดับเครื่องชนคนดีแตก' และบทส่งท้ายตัวละครขวัญใจอย่าง เจสซี พิงก์แมน โดยทิ้งช่วงห่างหลังซีรีส์จบนานถึง 6 ปี แต่ก็ยังได้ Vince Gilligan มาควบคุมการกำกับและเขียนบทเช่นเคย ไม่แปลกเลยที่กลิ่นอายตลอดทั้งเรื่องจะอบอวลไปด้วยความรู้สึกเก่าๆ เหมือนตอนได้ดูซีรีส์ ซึ่งนอกจาก แอรอน พอล ที่มารับบทเจสซี่แล้ว หนังยังขนนักแสดงรุ่นเก๋ากันมามากมายพอให้หายคิดถึง ก่อนจะคว้ารางวัลมากมายและถูกเสนอชื่อเข้าชิง Primetime ถึง 4 รางวัล
เรื่องราวของ เจสซี่ พิงค์แมน (Aaron Paul) หนุ่มพ่อค้ายาคู่หูของ วอลเตอร์ ไวท์ หรือ ไฮเซนเบิร์ก (Bryan Cranston) เจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ที่ใครได้ยินก็ต้องรู้จัก ทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์จากครูและลูกศิษย์ ก่อนจะผันตัวมาเป็นนักปรุงยา แต่สุดท้ายก็มีเรื่องราวบาดหมางกัน ส่งผลให้ทั้งสองแยกทางกัน ก่อนที่เจสซี่จะถูกจับไปทรมารและถูกบังคับให้ปรุงยาโดยพรรคพวกของ ท็อดด์ (Jesse Plemons) อดีตลูกจ้างของทั้งคู่
เจสซี่ต้องถูกล่ามตรวนในหลุมคอนกรีตแคบๆ ที่ไม่มีหลังคา โดนทรมารซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้วันรู้คืน จนกระทั่งได้รับการปลดปล่อยจาก วอลเตอร์ ไวท์ ที่กลับมาช่วย แต่ชีวิตใหม่ที่เจสซี่ได้รับหลังจากหลบหนีออกมาได้มันไม่ง่ายอย่างนั้น เมื่ออุปสรรคครั้งใหม่ที่เดิมพันด้วยชีวิตกำลังรอเขาอยู่
เป็นการกลับมาดูรอบที่สองสำหรับ El Camino ตัวละครเจสซี่ก็ยังคงเป็นหนึ่งในเหยื่อของชะตากรรมที่น่าสงสารเช่นเคย แม้ว่าจะเลือกเดินทางผิด หันหลังให้มิสเตอร์ไวท์คู่หูร่วมเป็นร่วมตาย แต่สิ่งที่เจสซี่ต้องเจอมันก็เลวร้ายเกินไปจริงๆ เพียงเพื่อเงิน ผลประโยชน์ คนเราสามารถทำกับคนด้วยกันเองได้ถึงเพียงนี้ ฉากไอ้ท็อดด์เอาน้ำลายลูบหัวจัดทรงผมให้เจสซี่ทำเอาอดน้ำตาซึมไม่ได้จริงๆ
การเดินเรื่องยังคงสไตล์เดิมตามฉบับ Vince Gilligan เอื่อยๆ เน้นแช่กล้อง แฝงนัยยะต่างๆ แต่ทุกซีนที่ออกมามันทั้งดิบและทรงพลัง ดูเพลินไม่รู้สึกเบื่อ ลุ้นไปกับการผจญภัยของเจสซี่ มีตัดสลับย้อนอดีตบ้างเพื่อขยี้ดราม่า แน่นอนว่า El Camino ถูกสร้างมาเพื่อแฟนๆสาวก Breaking Bad โดยเฉพาะ ใครที่ไม่เคยดูซีรีส์มาก่อนนั้นแทบจะไม่อินไปกับตัวละคร เพราะหนังไม่ได้มีการปูเท้าความแต่อย่างใด
หลายเสียงก็แตกต่างกันไป บ้างก็ว่าน่าเบื่อ บ้างก็ว่าไม่สนุก แต่ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่านี่แหละ คือการปิดฉากตำนานอย่างสมบูรณ์แบบ ยอมรับเลยว่าตอนดูซีรีส์รู้สึกรำคาญตัวละครเจสซี่มาก แต่ก็รู้สึกผูกพันธ์มากๆเช่นเดียวกัน การที่ฝ่ายผลิตเลือกฉากจบแบบนี้เลยรู้สึกได้ปลดล็อกอะไรหลายๆอย่างที่ค้างคาใจมาตลอด เป็นบทสรุปของตัวละครเจสซี่ที่ดีไม่แพ้ Breaking Bad ของมิสเตอร์ไวท์ หรือ Better Call Saul ของซอลกู๊ดแมนเลยทีเดียว และต้องยอมรับว่าการแสดงของ แอรอน พอล คือของจริง
สำหรับ El Camino ที่เป็นเหมือนสปินออฟภาคต่อนั้น ใครที่ดู Breaking Bad จบแล้วรู้สึกว่าดีพอแล้ว จะไม่ดูเรื่องนี้ต่อก็ได้ แต่สำหรับใครที่เป็นสาวกตัวจริงก็ไม่อยากให้พลาด เพราะนอกจากมีตะละครเก่ามากมายที่โผล่มาให้หายคิดถึงแล้ว El Camino คือการเติบโตและก้าวผ่านชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ต้องสู้ถึงจะรอด รอดแล้วจึงจะมีอิสรภาพ
ฉากดวลปืนตอนท้ายบอกเลยว่าเจสซี่โคตรเท่ จากเด็กเอาแต่ใจ ขี้ขลาด ใช้อารมณ์ พอได้ผ่านนรกมาแล้ว เจสซี่ได้เติบโตเป็นชายชาตรีที่กล้ากำหนดเส้นทางชีวิตตัวเอง สลัดคราบความอ่อนแอทิ้งไปไม่มีเหลือ 'คนเราถ้าไม่ตายซะก่อน สุดท้ายก็ย่อมมีทางให้ไป' เป็นอีกเรื่องที่มอบความกล้าหาญและความหวัง เติมพลังได้เป็นอย่างดี
ปล. สำหรับใครไม่เคยดู Breaking Bad ให้ไปหาดูซะ! แล้วต่อด้วย El Camino เชื่อเถอะว่ามันดีจริงๆ
ปล.2 จบเรื่องนี้แล้วต่อด้วย Better Call Saul นั่นแหละสมบูรณ์แบบ ดูน้อยลง
โฆษณา