25 ต.ค. 2023 เวลา 07:45 • ความคิดเห็น
ชีวิต ..ตั้งอยู่ได้เพราะมีลมเข้าลมออก เข้าไปในเรือนกาย เรือนกายประกอบขึ้นมาด้วย ธาตุนะโม ธาตุทั้งสองของพ่อแม่ มาประกอบด้วธาตุทั้งสี่ที่จิตนั้นสะสมมา ..ประกอบขี้นมานเรือนกาย เรือนกายนี้ ก็มีอารมณ์ ที่ไหลออกจากธาตุทั้งสี่ เป็นอารมณ์เป็นกิเลสมีความโลภโกรธหลง ร้อยรัดจิต ที่อาศัยในเรือนกาย จิตที่อาศัยอยู่ในเรือนก็ต้องอาศัยวิญญาณ ในการรับรู้อะไรต่าง ต้องใช้วิญญาณตาหูจมูกลิ้นกายใจ
ส่วนมากเราก็ใช้วิญญาณทั้งหกไปตามอารมณ์นึกคิด มีการใช้วิญญาณทั้งหก..ไปความอยาก อยากกิน อยากเห็น ..อยากเสพ ..ก็ต้องอาศัยวิญญาณทั้งหก สื่อไปให้จิตรับรู้ จิตของเราตัวตนของเราก็อยู่ในเรือนกาย เป็นทาสของอารมณ์ ..ไปไหลเข้าปรุงแต่งภายในกาย แล้วจิตก็ทำไปตามอารมณ์นึกคิด
จิตเรานั้น ยินดีทำไปตามสิ่งที่ไหลเข้าปรุงแต่งกายคือ อารมณ์..มีทั้งอารมณ์มากมายที่ปรุงแต่งในเรือนกาย ที่จิตหลงใหลยึดถือ .อารมณ์ ..เอาอารมณ์นึกคิดนั้นเป็นจิต ..เบื้องหลังความนึกคิดก็เป็นเสียงของอารมณ์ในเรือนกาย มันจึงมีทั้งคนหูแว่ว มีภาพหลอน แสดงให้เราดูเป็นตัวอย่าง
จิตยองเราเมื่อมาอาศัยเรือนกาย ก็เหมือนถูกสาบ ให้ต้องรักกายที่จิตอาศัย ใคจะมาติเตียน มาว่าบ้านที่จิตอาศัยก็ไม่ชอบใจ เค้าว่า..สาปให้รักบ้านหลังนี้ ไปตลอดชีวิต ใครมาทำบ้านหลังนี้ให้เจ็บ ก็โมโหโกรธ ไม่รักชีวิตผู้อื่น เสมอชีวิตตน
จิตที่อยู่ในบ้านหลังนี้ รับทุกข์รับสุขไปตามอารมณ์ที่ปรุงแต่งเรือนกาย ไปตามสัญญากรรม..ที่ผุดขึ้นมาเป็นอารมณ์ ..ทุกข์สุขปรุงแต่งไปตามอารมณ์กรรม ที่ไหลออกมาปรุงแต่ให้คิด สิ่งที่ไหลออกมาปรุงแต่งเรือนกาย ก็มาจากกรรมที่สะสมอยู่กับธาตุทั้งสี เกิดเป็นอารมณ์ นี่ยังไม่รวม..สิ่งที่เราไปใช้วิญญาณทั้งหก ไปเก็บเข้ามาในตัวตนที่จิตอาศัย มันสะสมเสียจนไม่รู้จัก จิต..ความเป็นไปของชีวิต จิตเกิดมาอาศัยกายมีชีวิตมีลมเข้าออก ก็อาศัยกินนอนในเรือนกาย หลับไหล มึนเมาตามอารมณ์..ปรุงแต่งไปทั้งชีวิต ..ที่มีกายให้อาศัย..
โฆษณา