25 ต.ค. 2023 เวลา 15:12 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

รีวิว Tokyo MER series 2021 บางชีวิตก็รอให้ช่วยในที่ปลอดภัยไม่ได้หรอกนะ!

Tokyo MER เป็นคล้ายๆหน่วยแพทย์เคลื่อนที่สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ภารกิจหลักเพียงหนึ่งเดียวของทีมคือ “ต้องไม่มีใครตาย” ตัวเอกของเรื่องคือหัวหน้าทีม หมอที่เก่งกล้าบ้าบิ่นเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์กับคำพูดที่สวยหรูอย่าง “หมอต้องช่วยทุกชีวิตให้ได้” หรือ “บางชีวิตก็รอให้ช่วยในที่ปลอดภัยไม่ได้หรอกนะ” พร้อมกับบุกเขาไปช่วยผู้บาดเจ็บจากสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างไม่กลัวตาย ทั้งแก๊สรั่ว รถคว่ำ ดินถล่ม ระเบิดก่อการร้าย ลิฟท์ค้าง ตัดสินใจฉับไว ผ่าตัดคนไข้ใต้ซากรถในถนนลอดอุโมงค์ที่กำลังจะถล่มอะไรทำนองนี้ เป็นต้น
ทีมโตเกียวเอ็มอีอาร์ ตอนแรกอ่าน โตเกียวเมอ 555555
จริงๆไม่ได้เล่าแค่เรื่องการแพทย์นะ มีเชื่อมโยงไปถึงการเมือง งานกู้ภัยและเรื่องระบบสาธารณสุขต่างๆด้วย มีฉากหนึ่งที่ทีมบุกเข้าไปช่วยแรงงานผิดกฎหมายในห้องพักแล้วก็มีตัวหนังสือภาษาไทยเหมือนเป็นคำปลุกใจติดอยู่ที่ผนังห้องนั้นด้วย อยู่ใน ep.7
หมอคิตามิ (ซุซุกิ เรียวเฮ) และ หมอโอโตวะ (เคยโตะ คาคุ)
ซีรี่ส์พยายามนำเสนอสองมุมมองผ่านตัวละครที่มีบุคลิกต่างกัน คนนึงเต็มไปด้วยอุดมการณ์แรงกล้าอย่างหมอคิตามิ และ หมอโอโตวะที่เต็มไปด้วยหลักการและเหตุผล ซึ่งบางทีเราก็เห็นด้วยกับหมอโอโตวะนะ อุดมการณ์และจิตวิญญาณที่แข็งกร้าวบางทีก็ใช้ในชีวิตจริงไม่ได้หรอกนะ!!! หมอต้องรอคนเจ็บในที่ปลอดภัยสิ ถ้าหมอตายขึ้นมาคนที่เหลือก็ตายหมด การผ่าตัดฉุกเฉินก็ควรทำในที่ปลอดภัยที่สภาพแวดล้อมเหมาะสม นี่ไม่มีความรู้ด้านนี้นะ แต่มีคำถามว่าการผ่าตัดแบบ outdoor มันปลอดภัยจริงหรือ
ในตอนสุดท้าย บทสรุปของเรื่อง เราจะเข้าใจว่าจริงๆแล้ว “สิ่งที่หมอคิตามิยืนหยัดเป็นแค่อุดมการณ์ในโลกอุดมคติหรือมันสามารถเกิดขึ้นจริงได้” เราจะได้เห็นภาพคำตอบอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้นในอีพีสรุปท้ายๆ มันจะมีตัวแปรบางอย่างที่ทดสอบตัวหมอคิตามิอยู่ ดูจบแล้ว เออ มันไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู เขาทำสิ่งนั้นออกมาจากจิตวิญญาณจริงๆ (แต่ตัวแปรมันทดสอบหมอคิตามิเลวร้ายเกิน คนเขียนบทใจร้ายมาก)
พูดถึงนักแสดง ชอบการแคสนักแสดงแต่ละคนมากๆ โดยเฉพาะบทหมอคิตามิเนี่ย คือมีทั้งมุมอ่อนโยนและแข็งกร้าวในคนคนเดียว บางทีก็ในเวลาเดียวกันซะด้วย นักแสดงเก่งมากที่สามารถดึงเสน่ห์ในตัวเองออกมาให้อยู่ในคาแรคเตอร์ได้อย่างกลมกล่อม บุคลิก สีหน้า ท่าทาง เหมือนหมอมาก น้ำเสียงที่ใช้กับคนเจ็บ เป็นการพูดที่ฟังแล้วแบบ เออ อุ่นใจ ถึงมือหมอละ
โคตะ คิตามิ
สิ่งที่รู้สึกหลังจากได้ดูซีรี่ย์เรื่องนี้คือ รู้สึกได้รับ “แรงบันดาลใจ” ไม่ถึงขนาดอยากบุกฝ่ากองไฟไปช่วยคนเจ็บเหมือนในหนังอะ แค่ดูจบแล้วรู้สึก อยากตั้งใจทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด สร้างสรรค์สังคม ญี่ปุ่นชอบทำซีรี่ส์แนวนี้และทำออกมาได้ดีด้วย ในแง่ของการสร้างแรงบันดาลใจอะนะ
แต่เรื่องบทขอพูดตามตรงเลยว่ารู้สึกบางตอนบทเกินจริงมากไปหน่อย แต่ก็ดูนะเพราะสนุกดี ลุ้น ระทึกมาก ได้เห็นเทคโนโลยีการแพทย์ใหม่ๆในเรื่อง มีความก้าวหน้ามาก ทันสมัยมาก ทันสมัยหรือล้ำสมัยไปแล้วไม่รู้ รถฉุกเฉินมีห้องผ่าตัดในตัว มีอัลตราซาวด์แบบพกพาด้วย เปิดโลกมาก พ้มบ้านนอก ไม่เคยเห็น5555
ฉันคือหมอฮินะ "จะผ่าตัดกันตรงนี้จริงๆหรอคะ"
ซีนที่ประทับใจที่สุดคือ ฉากช่วยชีวิตคนๆนึงในตอนจบของเรื่อง มันทำให้เห็นว่าอุดมการณ์ที่พูดมาตลอด ไม่ใช่แค่พูดนะแต่ทำได้ คือเมื่อเรื่องดำเนินไปถึงจุดหนึ่งอะ มันจะเกิดคำถามว่า บางคนมีค่าพอที่จะให้เราช่วยจริงหรือ พูดในความรู้สึกที่ถ้าเจอสถานการณ์เดียวกับตัวละครอะ ทดสอบจรรยาบรรณแพทย์สุด
และเราก็ประทับใจมากนะ ที่บทเลือกนำเสนอในมุมมองนี้ หมอก็คือหมอ มีหน้าที่รักษาคนเจ็บ ช่วยชีวิตคนโดยไม่มีเงื่อนไขว่าคนนี้จะดีหรือเลวมาจากไหน
ด้วยความที่เราเป็นคริสเตียน ตอนจบแบบนี้ทำให้นึกถึงความรักของพระเยซูที่มีต่อมนุษย์ทุกคน ที่พระเยซูก็ยอมตายที่ไม้กางเขนเพื่อช่วยเรา โดยรับโทษเวรโทษกรรมต่างๆของเราแล้ว ไม่สำคัญว่าเราจะเคยทำดีมามากขนาดไหนหรือเคยทำเลวมามากขนาดไหน สิ่งเดียวที่พระองค์ทรงสนพระทัยคือ หัวใจของเราพร้อมจะเปิดใจยอมรับให้พระองค์เข้ามาเก็บกวาดทุกๆบาดแผลและความเจ็บปวดของเราแล้วหรือยัง
เพลงประกอบละครจากวง Greeeen ชื่อเพลง Akari เพราะมาก ฟังครั้งแรกแปลก ๆ ฟังไปฟังมาติดหูเฉย ชอบเลยยยย
ฝันที่ไม่กล้าฝัน!! รอติดตามภาคเดอะมูฟวี่มาโดยตลอด ไม่คิดว่าจะเข้าไทย OMG!
ดีใจมากเห็นโปสเตอร์ Tokyo MER the movie จะเข้าฉายในไทย 26 ต.ค.นี้
ไว้ไปดูแล้วจะมาเขียนรีวิวต่อนะ..
ป.ล.บทความนี้เขียนเมื่อปีที่แล้ว ตอนที่อินมาก ๆ 5555555
โฆษณา