3 มี.ค. เวลา 12:49 • ท่องเที่ยว
เวนิส

ภาระกิจ….ตามหาดอก Edelweiss ไปให้ผู้ชายที่ชื่อดาวิด

Ep. 6. It was fascination ….I know ! @ Venice ❤️
เช้าวันนี้ ได้ฤกษ์ ไปหาผู้ชายสักที กระเป๋าใหญ่ ที่เคยอัดแน่น ด้วยเสบียง มี
ความเบา อย่างเห็นได้ชัด เพราะพวกเรากำจัด เสียเกือบหมด เหลือแค่อย่าง สอง
อย่าง เท่านั้น เพราะหนทางข้างหน้า จะกินอาหารบ้านดาวิดแทน
วันนี้ จุดมุ่งหมายแรก คือมหานครเวนิส ที่เคยไฝ่ฝันหา ตาปรอยๆ มานานแล้ว มา
ยุโรปทีไร เป็นได้ต้องเฉี่ยวซ้าย เฉี่ยวขวา แต่ไม่เคยมาเหยียบสักครั้ง
พอรถไฟจอด ความรู้สึก สมใจ มันก็เต็มตื้น ไม่ผิดเลย หากคนที่เป็นนักฝันหวาน
หรือค่อนข้างจะเป็นคนโรแมนติก จะหักห้ามไม่ให้หลงรัก เมืองๆนี้แบบโงหัวไม่ขึ้น
ได้ และฉันเป็นหนึ่งในนั้น ที่เคยได้แต่มองผ่านรูปภาพ แล้วเหมือนถูก
มนต์สะกด ได้แต่แอบเมียงมอง และฝันไว้เสมอว่า ฉันจะไปยืนตรงนั้นสักวัน
ซึ่งก็ได้แต่คิด ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ และแล้ววันนี้ ก็มาถึงจนได้
หน้ากากสวยๆ เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้
อิตาลี่ ต่างจากสวิสเซอร์แลนด์ ค่อนข้างมาก เพราะที่สวิส ไม่ว่าอะไรๆ
ก็ดูจะ สวยงาม สะอาดสะอ้าน เงียบ การเดินทางสะดวกสบาย และอากาศที่ค่อน
ข้างเย็น รวมถึง ทัศนียภาพ รอบตัวที่ ยุุโร้ป ยุโรป สภาพโดยรวม แตกต่าง จาก
อิตาลีอย่างสิ้นเชิง
พอรถไฟข้ามประเทศ มาอิตาลี แน่นอนละ อดที่จะเปรียบเทียบกันเสียไม่ได้ เรา
นั่งอมยิ้ม เมื่อเพื่อนร่วมก๊วน มองไปที่ถนนหนทาง ถึงกับอุทานว่า …โอววววแม่เจ้า
บรรยากาศคุ้นๆ เหมือนบัวใหญ่บ้านฉันเลย
ก็จริงๆด้วย ถนนหนทาง ดูจะคล้ายคลึง ต้นไม้ใบหญ้า หน้าตาละม้ายบ้านเรา
มากๆ แถมวันที่มา อากาศอบอ้าว ทำให้ลืมไปเลย ว่าอยู่ประเทศในกลุ่มแชงเก้น
พอรถไฟวิ่งสุดสาย มาถึงที่สถานีเวนิส พวกเราก็ลากกระเป๋าหาโรงแรม ที่จับจองมา
ทางBooking ด้วยความที่ไม่อยากให้ชีวิตยุ่งยากนัก เราก็หาโรงแรมที่ใกล้สถานี
รถไฟ มากที่สุด ซึ่งพอไปถึงจริง มันก็ถือว่าโอเคที่เดียว เพราะลากกระเป๋ามานิด
เดียวก็ถึง โรงแรม
ที่พักคืนนี้
ที่พัก น่าจะเป็นตึกเก่า ที่ถูกปรับปรุงใหม่ ให้เป็นโรงแรม ตกแต่งสไตล์ เก่าๆ ดูคลังๆ
ดูทึมๆ แต่ก็ไม่เลว เสียแต่ห้องอาบน้ำเนี่ย ออกจะโรแมนติกเกิ้น… เพราะถ้าใครจะ
อาบน้ำ ไม่ว่า จะเลือกนอนแช่ในอ่าง หรือยืนอาบฝักบัวก็ตาม เป็นได้ถูกมองทะลุ
ปรุโปร่งกันทีเดียว ก็ดูภาพประกอบซิ บรรยากาศเปิดโล่ง โปร่งใส แบบไม่เกรงใจ
ใครจริงๆ แต่ดีน๊ะ ที่ในห้อง มันเป็น 2 ชั้น พอใครจะอาบน้ำ ก็ไล่ต้อนทุกคน ขึ้นไป
ชั้นบนเสียก่อน
และตามที่ได้ข้อมูลมา เรื่องห้องน้ำอิตาลี เขาเล่าว่า จะมี 2 โถ คราวนี้ก็ได้เห็น และ
ทำความรู้จักด้วย ตัวเองอย่างลึกซึ้ง มันดูยุ่งยากพิลึก และดูสิ้นเปลือง ทรัพยากร
เหมืองแร่ ที่มาเพิ่มโถอีก 1 โถจริงๆ เพราะเท่าที่ดู มันน่าจะใช้งานไม่ต่างกับสาย
ชำระ สำหรับทำความสะอาด บ้านเราเลย เพราะอึเสร็จ 1 โถปุ๊บ ก็ย้ายก้น มาอีกโถ
เพื่อทำความสะอาด พอลองใช้ดูแล้ว พูด ได้คำเดียวว่า เรื่องส้วมๆเนี่ย เอเชีย สุด
ยอดนวัตกรรมกว่าอิตาลีแน่นอน โดยเฉพาะ โถส้วมของญี่ปุ่น กดปุ่มปุ๊บ มีน้ำออก
มาเล็งปั๊บ อัตโนมัต ไม่ต้องเล็งแล้ว เล็งอีก เหมือนของอิตาลี แต่เคยอ่านข้อมูลมา
เหมือนประมาณว่า เขาเอาไว้ใช้ล้างเท้า หรือทำความสะอาดบางจุด และไม่อาบน้ำ
เพราะอากาศ บ้านเขาเย็น เขาจึงไม่น่าจะอาบน้ำบ่อยเท่าบ้านเรา อาศัยเอาน้ำหอม
พรมๆ ให้กลื่นหอมฟุ้ง แทน น่าสงสารจริง
พวกเรา ดูจะโชคไม่ดีเท่าไหร่ พอเอากระเป๋าเข้าไปเก็บในที่พักแล้ว ฝนก็
โปรยปรายลงมา แบบทรมานจิตใจนักท่องเที่ยว ที่ตั้งใจมามากๆแบบเรา ฝนตกไม่
หนัก แต่ก็ไม่เบา พอเปียกๆ แหละ ก็น๊ะ แผนพวกเรา จะพักที่นี่ 2 คืน และวันนี้นั่ง
รถไฟ ข้ามประเทศมา ก็เสียเวลไปค่อนวันแล้ว ดังนั้น เวลาต้องใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด
เราเลยเดินท่ามกลางสายฝนแบบชิวๆ ซึ่งคนอื่นๆ ก็เดินเที่ยวโดยไม่ย่อท้อเช่นกัน
ถึงแม้ว่าฟ้าจะไม่เปิด แต่อาคารบ้านเรือน สวยงามมากๆ ผืนน้ำ เป็นสีเขียวมรกต
ตัดกับตัวอาคาร ที่ดูเก่า ขลัง มีเสน่ห์ เข้ากันมากๆ มีร้านขายของ เปิดรับนักท่อง
เที่ยว ทุกตรอก ซอกซอย ไม่แปลกที่จะเดินเพลิดเพลิน ไปได้หลายกิโล จนท้องเริ่ม
ร้อง
พวกเรามาหยุดฝีเท้า อยู่ที่ร้านน่ารักร้านนี้ บริกรประจำร้าน ต้อนรับ และชวนคุย
สนุกสนาน พร้อมแนะนำเมนู ที่ขึ้นชื่อของที่นี่ พวกเราเลือกสั่งกันมาคนละอย่าง เพื่อ
มาแลกเปลี่ยนกันชิม แต่รูปประกอบ เหลือแค่ 2 จาน เพราะอีกสองจาน ถูกจ้วงจน
ลืมถ่ายไปเสียแล้ว
เครื่องดื่ม ที่นี่ก็ต้องเป็นไวน์ เพราะอิตาลีเป็นเมืองที่ทำไวน์อยู่แล้ว เครื่องดื่มอีก
อย่างที่นิยมของที่นี่ เหลือบตาไปดูโต๊ะอื่นๆ มีแทบทุกโต๊ะ มันเรียกว่า Spritz
รสชาติประมาณน้ำพลั้นซ์ ผสมโซดา และผสม วอสก้า รสมันละมุนดี แต่วอสก้า
ออกตัวแรงนิดนึง คนไม่ดื่มเหล้า คงไม่ค่อยชอบ แต่แค่ลอง ก็พอได้อยู่ มื้อนี้หมด
ไปหลายตังค์ แต่ก็ถือว่าได้สัมผัส อาหารอิตาลีแท้ๆซึ่ง พอได้ชิมแล้ว ก็งั้นๆแหละ
อาจเป็นเพราะพวกเรา ติดสปาเก็ตตี้ หรือพาสต้าสไตล์ไทยมากกว่า เพราะของแท้ๆ
เนี่ย เขาใส่ชีสเยอะมากๆ ซึ่งชีสบางประเภท ค่อนช้างเค็ม อดนั่งนึกไม่ได้ ว่าคนที่นี่
ทำไมไม่เป็นโรคไตกับหมดหรืองัย อาหารส่วนมากจะค่อนข้างเค็ม
พูดถึงขนม ที่เห็นหลายๆร้าน มีขนมหน้าตาเหมือน Cream Horn แต่พวกเขาเรียก
มันว่า Cannoli คือขนมกรอบนอก และใส้ เป็นครีมหวานๆ ซึ่งมีรสชาติหลากหลาย
แล้วแต่ชนิดของไส้
อีกชนิด ที่ฝนจะตกแค่ไหน ก็ต้องชิม มันคือไอติม แต่ที่นี่เรียกว่า เจลาโต้ มีให้
เลือกสารพัดรสชาด มีหลายขนาดและมี Topping ให้เลือกเยอะมาก 1 อันตก
ประมาณ 3-6 ยูโร แต่ก็อร่อยสมราคาแหละ
หลังจากอิ่มอาหาร คาว หวานแล้ว ก็เดินย่อยไปตามตรอกซอก ซอย จนฟ้ามืด และ
ฝนตกหนักขึ้น พอดีกับตัวเปียกชุมยันรองเท้า เลยตัดใจกลับเข้าห้องพัก
วันนี้ เดินมากแรงหมด ฝนตกด้วย เก็บแรงไว้พรุ่งนี้อีกวัน ก่อนไปบ้านเดวิด ราตรี
สวัสดี เจอกัน อีกวัน Ep หน้า 🎉
โฆษณา