26 ต.ค. 2023 เวลา 17:33

พลังการพูด จงกลับมา

ยอมรับอย่างนึงว่า ตั้งแต่ทำงานด้านบริหารมา การพรีเซ็นหรือการพูดในที่สาธารณะเราดรอปลงไปเยอะมาก
ประหม่า ตื่นเต้น พูดติดขัดไปหมด เหมือนคนจับต้นชนปลายไม่ถูก
ทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น จะรู้ตัวเองว่าทำได้ไม่ดี และโทษปัจจัยต่างๆ ในหลายๆ มิติ
ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงโควิด เวลาพรีเซ็นไม่ได้ลุกขึ้นพูด นั่งอยู่กับที่ ทำให้ไม่ถนัดเหมือนก่อนด้วย
เมื่อมองย้อนกลับไป ในสมัยที่ท็อปฟอร์ม... ท็อปฟอร์มถึงขนาดที่ว่า พูดอะไรก็ได้ ขอให้พูดให้คนอื่นฟังหย่อยเถอะ น่าจะเป็นประโยชน์กับคนมาฟังแน่นอน... ถึงขนาดนั้น
ครั้งที่รู้สึกว่าเราพรีเซ็นได้ดีที่สุด คือ การที่ต้องไปพูดกับ Citi Bank ในกลุ่มลูกค้า Citi Gold เกือบ 80 คน
เนื้อหาที่เราต้องไปพูดคือ อยากให้ขายสินค้าประกันออมทรัพย์ 7/15 ในขณะที่เราต้องพูดแข่งกับ Fund Manager จากเมืองนอก 3 ท่าน เล่าเรื่องกองทุนน่าสนใจระดับโลก ภายใน 30 นาที
จำได้ว่ากดดันมาก
แต่เหมือนไม่มีอะไรต้องเสีย และมีเวลาเตรียมตัวเป็นอย่างดีกับการพรีเซ็นครั้งนี้
ไม่น่าเชื่อว่าได้ผลตอบรับดีมาก ถึงขั้นมีลูกค้าเดินมา และถามว่ามีพูดอีกที่ไหน จะขอไปฟัง เขาเองก็เป็นลูกค้าบริษัทของเราเหมือนกัน
ทีนี้ ลองวิเคราะห์ดูตัวเองแล้ว ว่าสมัยก่อนว่าทำไมคนถึงบอกว่าเราพูดดี เป็นเพราะอะไรบ้าง
1. เราทำสไลด์เองทั้งหมด
หรือต่อให้ไม่ได้ทำเอง ก็จะเอาเนื้อหาที่คนอื่นเตรียมไว้มาเรียงใหม่ (เหมือนอ่านทวนทั้งหมดเพื่อเรียบเรียงใหม่) ถามถึงที่มาที่ไปของเนื้อหานั้นๆ
2. เรียบเรียงแบบมีที่มาที่ไป มีตรรกะ
เริ่มต้นด้วยภาพใหญ่หรือ Pain Point -> ฟ้า
กลับมาพูดถึงประโยชน์ของตัวลูกค้าหรือผู้ฟัง โดยมีข้อเท็จจริงที่ลูกค้าปกติต้องเห็นด้วย -> ฝน
เสนอทางออกหรือบทสรุปกับเรื่องที่เล่าไป -> ร่ม
3. สไลด์เป็นแค่เอาไว้เกาะ
ไม่เน้นตัวหนังสือเยอะ เต็มที่คือตารางตัวเลขหรือกราฟที่แสดงได้ดีกว่าคำพูด ก็จะไฮไลท์หรือเน้นเฉพาะส่วนที่จะพูดเท่านั้น
4. หน้านี้เราจะบอกอะไรเขา
คิดถึง Beethoven และ Mozart เข้าไว้ ไม่มีโน้ตตัวไหนที่เกินมาสักตัว
หากหน้านั้นบอกไม่ได้ว่าเรากำลังจะบอกอะไรในประโยคเดียว เอาออกเลย
5. เน้นการเล่าเรื่อง - Be a good story teller
จำไว้เสมอว่าเราไม่ได้มาสอนใคร แต่มา "เล่า" ให้ฟัง ในภาษาที่ใกล้เคียวกับคนฟังที่สุด
สไลด์แต่ละหน้าจะต้องสอดคล้องกัน มีการเกริ่นนำเข้า และมีเรื่องทิ้งท้ายก่อนส่งต่อไปสไลด์หน้าถัดไป ให้เหมือนกับ Conductor ที่เคาะโดยไม่มีสกอล์ แต่ Conduct by Heart
6. จำไว้เสมอว่ามา "เล่า"
อย่าพูดตามตัวอักษร Flow มันจะดีกว่าเยอะ แม้การคำนวนเปรียบเทียบก็ยังเป็นการเล่าเรื่อง (อย่างเคสปู่บัพเฟตเปรียบเทียบความรุนแรงของภาษีกับเงินเฟ้อ)
7. Practice make perfect (คำนี้เราบอกกับยันม่าเอง หลังจากที่น้องขึ้นพูดครั้งแรก)
ซ้อมบ่อยๆ ให้จำตอนที่ขึ้นก่อนพรีเซ็ตก่อนเปิดตัวสินค้าครั้งสุดท้ายให้ได้ เขาให้เราลองไมค์ เวที และพอได้ลองซ้อมพูด รู้เลยว่ามันมีประโยชน์ทำให้มั่นใจจริงๆ โดยเฉพาะกับตัวสไลด์ชุดใหม่
8. ทำสมาธิให้จิตนิ่งๆ ก่อนพูด
นั่งหลับตานับลมหายใจสัก 10 ครั้ง หยุด 3 รอบ
จำให้แม่นว่า ตอนไปพูดกับ Citi Bank พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์มาก
9. Mindset เสมอที่ต้องมี คือ "หมูไม่กลัวน้ำร้อน"
คิดเสมอว่าเราไม่กลัวหรอก ว่าเราจะต้องดูดีหรือเปล่า
แต่ "กลัวคนไม่เข้าใจที่เราพูด" ไม่ว่าจะเป็นคนระดับไหนก็ตาม
10. พยายามลงความรู้สึกที่เหมือนโดนกดดันออกไป (อันนี้พูดง่าย ทำยาก)
สิ่งที่ต้องรู้สึก เฟริ์ม นิ่ง เริ่มรู้สึกได้ว่าคำพูดที่กำลังจะออกไปมีพลัง (มีสติในคำ) ความมั่นใจตรงนี้
 
11. รู้ 70 เพื่อพรีเซ็น 30
คนฟังดูออกว่าเรารู้จริงหรือไม่ จากความมั่นใจในเวลาพูด "ความมั่นใจ" มาจาก "ความเข้าใจถ่องแท้" ของเนื้อหาตรงนั้น อ่านเยอะๆ จำไว้เสมอว่า เราอ่าน The Economist มากขนาดไหน ก่อนทำสไลด์และทำให้มีเรื่องเล่าน่าติดตาม
 
12. Make Sure ว่าสุดท้ายคนจะได้อะไรกลับไปบ้าง
ไม่ต้องเยอะ ขอ 3 ประเด็นก็เพียงพอแล้ว
13. อยู่ในท่าที่ถนัด
ต้องลุกขึ้นยืน และเดินหน่อย ก็ต้องทำ หรือถ้านั่ง ก็ make sure ว่ามี space พอเป็นไปได้ ทำความคุ้นเคยกับสถานที่ก่อน จะดีมาก
Mistake ที่ไม่ควรจะผิดซ้ำ
- อย่าพยายามใช้สไตล์ของตัวเองในสไลด์ที่เราไม่ได้ทำ หรือสิ่งที่คนอื่นฝากพูด (เลี่ยงได้ ให้เลี่ยง) ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ให้พูดในแนวของตัวเอง โดยคิดว่าถ้าให้เราทำสไลด์ใหม่ เราจะพรีเซ็นแบบไหน แล้วจะพูดแบบไหน
 
- พรีเซ็นเหมือนคนนั้น คนโน้น สิ
เราต้องเป็นตัวของตัวเองให้มาที่สุด หรือเป็นสไตล์ของเราเอง ไม่ต้องเหมือนคนอื่น
 
- เวลาจะหมดแล้ว ต้องรีบพูด
พูดได้แค่ไหน แค่นั้น ตัดประเด็นให้จบ แต่ Pace ในการพูดให้คงเดิม
- รีบพูด พูดเร็ว เพราะเนื้อหาอีกเยอะ
ทำให้เหนื่อย เจ็บคอ ไม่มีแรงพูดในครั้งต่อไป
รีบไปก็เท่านั้น เราเองก็จะพูดติดขัด คนก็ฟังไม่ทัน -> ประโยชน์น้อยทั้ง 2 ฝ่าย แบบนี้ ใช้เวลาเกินไปดีกว่า
 
- เรื่องนี้ยาก ขยายความเยอะๆ
ตรงกันข้ามเลย ต้องพูดช้าและให้ง่าย ใช้ตัวอย่างอธิบายแทน เน้นบางประเด็นก็พอให้ติดกลับบ้าน และทิ้งจังหวะเพื่อเน้นสิ่งที่จะให้คิด
โฆษณา