28 ต.ค. 2023 เวลา 02:27 • กีฬา

ทำไมสหราชอาณาจักรได้โควต้า "4 ทีม" ในฟุตบอลระดับชาติ เราจะไปอธิบายให้ฟังอย่างเข้าใจง่ายนะครับ

ความน่าแปลกใจของวงการฟุตบอลก็คือ ประเทศสหราชอาณาจักร (United Kingdom) สามารถส่ง 4 ชาติ ประกอบด้วย อังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และ ไอร์แลนด์เหนือ ลงแข่งขันในฟุตบอลโลก หรือ ฟุตบอลยูโรได้
น่าคิดเหมือนกัน เพราะเวลาสหราชอาณาจักรติดต่อทำการค้ากับประเทศไหน ก็จะใช้ชื่อ UK ไปเลย หรือเวลาคนไทยขอวีซ่า ก็ขอวีซ่า UK ทีเดียว ไม่ต้องแยกย่อย ขออังกฤษที, ขอสกอตแลนด์ที
คำถามคือ ทำไมในฟุตบอล พวกเขาจึงไม่ใช้ทีมชาติ UK (1 ประเทศ) แต่แยกเป็น อังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และ ไอร์แลนด์เหนือ (4 ประเทศ) แทน
เรื่องนี้ทำให้หลายชาติ เช่นอาร์เจนติน่า, ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ฯลฯ เคยโจมตีฟีฟ่าว่า ทำไม UK ได้อภิสิทธิ์มากมายขนาดนั้น แบบนี้อาร์เจนติน่าขอแยกย่อยส่งทีมชาติ เป็นจังหวัดๆ บ้างได้ไหมล่ะ
เช่นเดียวกับ แคว้นคาตาลัน ก็ตั้งคำถามว่า ถ้าสกอตแลนด์, เวลส์, ไอร์แลนด์เหนือ มีทีมชาติได้ งั้นคาตาลันก็ควรมีทีมฟุตบอลที่แยกตัวมาจากประเทศสเปนได้เหมือนกันสิ
เหตุผลของคนประท้วงนั้นก็เข้าใจได้ อย่างไรก็ตาม การที่ฟีฟ่า อนุญาตให้ 4 ประเทศของ UK ได้สิทธิ์พิเศษนี้ มันย่อมมีที่มาที่ไปอยู่แล้ว
ซึ่งเราจะเห็นภาพมากขึ้น ถ้าเข้าใจแบ็กกราวน์ประวัติศาสตร์ของฟุตบอลในอดีต
จุดเริ่มต้นของกีฬาฟุตบอลอยู่ที่สหราชอาณาจักร พวกเขาคิดค้นกฎกติกาชนิดนี้ขึ้นมา มาก่อนที่ทั้งโลกจะเข้าใจว่าฟุตบอลเล่นอย่างไร
กฎพื้นฐานเช่น ทำอย่างไรจะชนะในเกมการแข่ง, หนึ่งแมตช์ต้องเล่นฝั่งละ 11 คน, หนึ่งแมตช์ต้องเล่น 90 นาที รายละเอียดเหล่านี้ สหราชอาณาจักรเป็นคนสร้างขึ้นมาทั้งสิ้น
สำหรับอายุของสมาคมฟุตบอล ใน UK ก็ก่อตั้งมายาวนานมากๆ เกินร้อยปีแล้ว
- สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (FA) ก่อตั้งปี 1863
- สมาคมฟุตบอลสกอตแลนด์ (SFA) ก่อตั้งปี 1873
- สมาคมฟุตบอลเวลส์ (FAW) ก่อตั้งปี 1876
- สมาคมฟุตบอลไอร์แลนด์ (IFA) ก่อตั้งปี 1880
ทั้ง 4 ชาติมีฟุตบอลลีกของชาติตัวเองที่ได้รับความนิยมมากๆ จากนั้นทุกๆ ปี ก็จะมีการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ 4 เส้าทีมชาติ โดยใช้ชื่อรายการว่าบริติช โฮม แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งก็มีคนดูถล่มทลายอีก
เข้าสู่ยุค 1900 ศาสตร์ความรู้เรื่องฟุตบอล ก็ถูกกระจายออกไปทั่วโลก และในปี 1904 ฝรั่งเศส, เบลเยี่ยม, เนเธอร์แลนด์, สเปน, สวีเดน และ สวิตเซอร์แลนด์ ตัดสินใจรวมตัวกัน สร้างองค์กรชื่อ "ฟีฟ่า" (FIFA) ขึ้นมา เพื่อหวังจะจัดแข่งขันระหว่างประเทศ แบบที่ อังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และ ไอร์แลนด์ ทำกันได้
แต่ ณ เวลานั้น แม้ฟีฟ่าจะก่อตั้งขึ้น พวกเขาก็ยังไม่ได้เป็นองค์กรหลักของกีฬาฟุตบอล (Government Body) เพราะยังมีคู่แข่งสำคัญนั้นคือ UIAFA ที่เป็นการรวมตัวกันของหลายชาติ เช่น เช็ก, ฮังการี, โปแลนด์ โดยกลุ่มนี้ก็หวังจะก้าวขึ้นมาเป็นองค์กรใหญ่ที่สุดในโลกฟุตบอลเหมือนกัน
ดังนั้นจุดสำคัญว่าฟีฟ่า หรือ UIAFA ใครจะเอาชนะอีกฝ่าย แล้วกลายเป็น Government Body ของกีฬาฟุตบอล จึงอยู่ที่ว่า องค์กรไหนจะโน้มน้าว 4 ชาติใน UK ให้มาร่วมเป็นพันธมิตรได้ก่อน
1
หลักการเดียวกับโลกการเมือง ก่อนจะมีสหประชาชาติ (UN) โลกนี้เคยมี องค์การสันนิบาตชาติ (Leagues of Nations) มาก่อน แต่องค์การนี้ ไม่มีสหรัฐฯ ประเทศมหาอำนาจเป็นสมาชิกด้วย สุดท้ายจึงค่อยๆ ล่มสลายไป พอมาเป็น UN เมื่อมีสหรัฐฯ เข้าร่วมสมาชิกด้วย ก็ทำให้ UN อยู่ได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้นจนถึงปัจจุบันนี้
2
สุดท้ายแล้ว ฟีฟ่าสามารถโน้มน้าว 4 ชาติใน UK ให้มาอยู่ใต้ร่มขององค์กรได้สำเร็จ และสิ่งที่ฟีฟ่าจะได้รับ คือศาสตร์ความรู้ฟุตบอลทั้งหมด ที่ฝั่ง UK คิดค้นขึ้น พวกเขาสามารถใช้งาน Laws of the Game ของฟุตบอลอังกฤษได้เลย
เมื่อมี 4 ชาติของ UK มาซัพพอร์ต ทำให้ฟีฟ่าเอาชนะองค์กร UIAFA ได้อย่างเด็ดขาด UIAFA ล่มสลายไป ส่วนฟีฟ่ากลายมาเป็น Government Body ของกีฬาฟุตบอล และสามารถจัดแข่งขันฟุตบอลโลกได้ในเวลาต่อมาด้วย
1
แต่สิ่งที่ฟีฟ่าต้องยอมแลกในครั้งนี้ นั่นคือ "Grandfather Rights" หรือ สิทธิ์ความอาวุโส
1
อธิบายคือ ณ เวลานั้น ฟีฟ่าเมมเบอร์จะมีทั้งหมด 8 คน โดย 4 จาก 8 จะเป็นโควต้าของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และ ไอร์แลนด์ อย่างละ 1 คน ส่วนอีก 4 คนที่เหลือจะเป็นของชาติอื่นทั้งหมดรวมกัน
ในการโหวตเรื่องอะไรก็ตาม จะต้องได้คะแนนเสียง 6 จาก 8 เสมอ แปลง่ายๆ ว่า ต่อให้ฟีฟ่าอยากแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ถ้าไม่ได้รับความเห็นชอบส่วนหนึ่งจาก 4 ชาติใน UK ก็ไม่สามารถทำได้
เวลาต่อมา ฟีฟ่าเริ่มเติบโตขึ้น จนสามารถจัดฟุตบอลโลกได้ถึง 3 ครั้ง ในปี 1930, 1934 และ 1938 แต่จากนั้นก็เกิดปัญหาอีก เมื่อมีสงครามโลกที่สองเกิดขึ้น (1939-1945)
ฟีฟ่าเกิดภาวะขาดทุนอย่างรุนแรง เกือบจะล่มสลาย ในช่วงนั้นเอง ทำให้ 4 ชาติใน UK ตัดสินใจจัดแมตช์ฟุตบอลนัดพิเศษ คือรวมดารา UK ปะทะ ทีมรวมดาราโลก โดยจัดการแข่งขันที่แฮมป์เดน พาร์ก ในสกอตแลนด์ มีคนเข้ามาดูมากถึง 135,000 คน และเก็บเงินค่าบัตร ได้มากถึง 35,000 ปอนด์
เมื่อได้เงิน 35,000 ปอนด์ ทาง 4 ชาติของ UK ได้มอบเงินก้อนนี้ให้ฟีฟ่าเอาไปคัฟเวอร์ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลก นั่นคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ฟีฟ่าที่เกือบจะถังแตกอยู่แล้ว อยู่รอดมาได้ด้วย
ด้วยความเคารพในฐานะผู้ช่วยตั้งไข่ให้ฟีฟ่า และ ช่วยเหลือตอนกำลังจะเจ๊ง ทำให้ในรัฐธรรมนูญฟีฟ่า (Fifa Statues) มีการระบุ "กฎพิเศษ" เอาไว้ว่า
- สมาชิกแต่ละประเทศจะได้ สามารถส่งทีมฟุตบอลเข้าแข่งขันได้แค่ 1 ทีมเท่านั้น "ยกเว้น" 4 ชาติจากสหราชอาณาจักร ที่จะถูกนับแยก สามารถส่งทีมได้ 4 ทีม (นั่นคือ อังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และ ไอร์แลนด์เหนือ นั่นเอง)
ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน หลายๆ แคว้นในสเปน เช่น คาตาลัน, บาสก์, อันดาลูเซีย เห็นโมเดลของพวกสกอตแลนด์ ก็ต้องการอยากแยกทีมฟุตบอลออกมาเช่นกัน 1 ประเทศ ไม่เห็นจำเป็นต้องมีทีมฟุตบอลทีมเดียวเลย
ฟีฟ่ารับรู้เจตจำนงนี้ แต่ไม่เคยอนุญาต
ฟีฟ่าให้ สิทธิ์แค่ อังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และ ไอร์แลนด์เหนือ เป็นกรณีพิเศษเท่านั้น จากความช่วยเหลือ และความผูกพันที่มีต่อกันมาในช่วงก่อตั้งองค์กร และเป็นพันธะมาจนถึงปัจจุบัน แม้จะผ่านมา 70 ปีแล้วก็ตามที
พวกคาตาลัน ถ้าอยากแข่งฟุตบอลในนาม "ทีมชาติคาตาลัน" ก็ต้องไปแยกประเทศมาให้ได้ก่อน แต่ถ้าอยู่ในร่มของสเปนอยู่ แบบนี้ฟีฟ่าอนุญาตไม่ได้
สำหรับการแยก 4 ทีมชาตินั้น ฝั่ง UK ชอบให้เป็นแบบนี้
พวกเขาอยากให้มี 4 ประเทศลงแข่ง ไม่อยากให้มารวมกัน สกอตแลนด์, เวลส์, ไอร์แลนด์เหนือ ก็มีความภูมิใจในทีมฟุตบอลของตัวเอง
คำถามต่อไปก็คือ สำหรับอนาคต มีโอกาสหรือไม่ ที่ฟีฟ่าจะโละ 4 ชาติใน UK ออก แล้วเอาไปรวมเป็น 1 ชาติ ใช้ชื่อว่า UK Team หรืออะไรทำนองนั้น
คำตอบคือ "เป็นไปได้ แต่น้อยมากๆ"
ตามกฎของฟีฟ่านั้น ระบุว่า การจะเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญของฟีฟ่า ต้องใช้เสียงโหวต 2 ใน 3 จากฟีฟ่าคองเกรส (211 ประเทศ)
หรือว่าง่ายๆ คือ ต้องมีสมาชิก 141 ประเทศ จาก 211 ประเทศ โหวตว่า "ให้เปลี่ยนรัฐธรรมนูญข้อนั้นซะ"
แต่ประเด็นคือ ประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะในทวีปอื่น ที่ไม่เกี่ยวกับยุโรป ก็ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร ที่จะมีอังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ จะมีก็มีไปสิ ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเราเลย ดังนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะไปโหวตให้แก้กฎดังกล่าว
1
สรุปคือ อังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และ ไอร์แลนด์เหนือ ก็จะแยกประเทศกันต่อไป ลงแข่งขันฟุตบอลกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ
อาจดูแปลกก็จริง ที่ 1 ชาติ ได้สิทธิ์ถึง 4 โควต้า แต่ก็ถือว่าเป็นสิทธิพิเศษที่ถูกมอบให้ Home of Football ผู้ก่อตั้งกีฬาชนิดนี้นั่นเองครับผม
1
โฆษณา