29 ต.ค. 2023 เวลา 02:40 • กีฬา

รักแห่งชีวิตของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อาลัย "เลดี้เคธี่" ผู้ล่วงลับ

เหตุผลที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทีมต่อหลังจากตั้งใจรีไทร์รอบแรก ในปี 2001 นั่นก็เพราะคำหว่านล้อมจากภรรยา-เคธี่
1
และเหตุผลที่เซอร์ อเล็กซ์ ตัดสินใจอำลาแมนฯ ยูไนเต็ดจริงๆ ในปี 2013 ทั้งๆ ที่ยังมีไฟอยู่ ก็มีเหตุผลเดียวกันนั่นคือเคธี่
หลังคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สามสมัยติดกัน ในฤดูกาล 2000-01 เซอร์ อเล็กซ์ตัดสินใจว่า เขาควรจะรีไทร์จากอาชีพผู้จัดการทีม
เฟอร์กี้อธิบายว่า "ค่ำคืนที่บาร์เซโลน่าในนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีกปี 1999 มันคือจุดสูงสุดแล้ว ต่อจากนี้มันมีแต่จะร่วงหล่น และผมก็มีอายุ 60 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ดี ที่จะเดินจากสโมสรไป"
ตลอด 15 ปีที่คุมปีศาจแดง (1986-2001) แมนฯ ยูไนเต็ดของเขาประสบความสำเร็จแบบสุดๆ แล้ว ได้แชมป์ลีก 7 สมัย แชมป์ยุโรปอีก 1 สมัย มันจะมีอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ได้อีกหรือ
นอกจากนั้นในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลอังกฤษ เซอร์ แมตต์ บัสบี้ ที่คุมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด มายาวนานก็ประกาศรีไทร์ตอนอายุ 60 ปี เช่นเดียวกับบิลล์ แชงคลีย์ ของฝั่งลิเวอร์พูล ก็อำลาวงการตอนอายุ 60 ปี คือตามหลักเหตุผลแล้ว มันเป็นวัยที่ควรหยุดพัก แล้วลาวงการไปอย่างสวยๆ
2
เมื่อคิดได้แบบนั้น เฟอร์กูสันคุยกับมาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส ประธานสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด ขณะนั้นว่าเขาจะคุมสโมสรในซีซั่น 2001-02 เป็นฤดูกาลสุดท้าย การลงจากตำแหน่งเสียตอนนี้น่าจะดีกับทุกฝ่าย
ตัวเฟอร์กี้จะได้วางมือตอนอยู่ในจุดพีกที่สุด แยกจากกับสโมสรทั้งๆ ที่ยังรักอยู่ย่อมเป็นเรื่องดี จากนี้ไปจะได้มีเวลาให้ครอบครัวและภรรยา
จริงๆ เฟอร์กี้ยังไม่รู้สึกไฟมอด เขาพร้อมทำงานต่อ แต่ตามคอมม่อนเซนส์ มันเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่จะรีไทร์ ถ้าหากเขาดื้อดึงทำงานไปนานกว่านี้ แล้วเผื่อไม่สามารถทำทีมประสบความสำเร็จได้อีก เขาจะกลายเป็นคนแก่ตกยุค ที่ผู้คนขาดความเคารพนับถือหรือเปล่า
 
เมื่อสโมสรรู้ว่าเฟอร์กี้จะตัดสินใจอย่างไร ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปติดต่อโค้ชคนใหม่ไว้ล่วงหน้าแล้ว นั่นคือสเวน โกรัน เอริคส์สัน ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ คือตามสคริปต์ ถ้าเฟอร์กี้อำลาตำแหน่งช่วงซัมเมอร์ปี 2002 พอจบฟุตบอลโลกปั๊บ สเวน ก็มาสานงานต่อทันที
1
เรื่องนี้สเวนมาเปิดเผยในภายหลัง โดยแมนฯ ยูไนเต็ด ให้เก็บข่าวเงียบไว้ก่อน รอจนการแยกทางกับเฟอร์กูสันมีขึ้นแบบ Official แล้วค่อยเปิดตัวเอริคส์สัน
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญของทุกอย่าง เกิดขึ้น วันที่ 25 ธันวาคม 2001 ซึ่งเป็นวันคริสต์มาส
ครอบครัวเฟอร์กูสัน ประกอบด้วย เซอร์ อเล็กซ์, ภรรยาเคธี่ และลูกชายสามคน นั่งทานข้าวร่วมกันตามธรรมเนียม
1
เคธี่พูดขึ้นมาที่โต๊ะอาหารในวันนั้นว่า "อเล็กซ์ เราทั้ง 4 คน ได้ข้อสรุปเรื่องตัวคุณแล้ว คุณจะไม่รีไทร์ในฤดูกาลนี้"
โดยไม่ทันให้เฟอร์กี้ตั้งตัว เคธี่อธิบายเหตุผลว่า "ข้อแรกสุขภาพคุณยังแข็งแรงดี ข้อสองคุณยังอายุน้อยเกินไปที่จะรีไทร์ และ ข้อสามฉันไม่ต้องการคุณตอนนี้"
2
เฟอร์กี้ เคยเข้าใจว่า การที่เขาอำลาวงการ เพื่อจะมีเวลาให้กับภรรยามากขึ้น จะทำให้เธอมีความสุข ซึ่งก็อาจจะจริง เธออาจแฮปปี้เพิ่มขึ้นที่มีเวลาร่วมกับสามีมากขึ้นอีกหน่อย แต่เคธี่เข้าใจดีว่า ชีวิตของสามี คือการทำงาน และนี่ไม่ใช่เวลาที่เขาจะรีไทร์
คำพูดของภรรยาก็มีเหตุผล แต่ปัญหาใหญ่อีกข้อ คือเขาไม่รู้ว่าจะกลับไปทำไม ในเมื่อได้แชมป์ทุกอย่างแล้ว อำลาตอนนี้สวยๆ ไปเลยไม่ดีกว่าหรือ
แต่ลูกๆ ของเซอร์ อเล็กซ์ บอกว่า "พ่ออย่าทำแบบนั้นเลย ยังมีอีกหลายอย่างที่พ่อทำได้นะ พ่อสามารถสร้างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคใหม่ขึ้นมาได้เลย"
คำพูดจากคนใกล้ตัวที่รู้จักเฟอร์กี้ดีที่สุด ทำให้เขาเริ่มได้คำตอบในใจมากขึ้น จริงๆ แล้ว เขายังไม่ถึงจุดสูงสุดในการคุมทีมขนาดนั้น ยังมีอีกหลายอย่างที่เขาสามารถไปถึงได้
เขาสร้าง Dynasty อาณาจักรแชมป์ยุคใหม่ขึ้นมาก็ได้ หรือ พาแมนฯ ยูไนเต็ดไปถึงแชมป์ยุโรปอีกสักครั้งก็ได้ หรือสร้างสถิติเป็นสโมสรที่ได้แชมป์ลีกสูงสุดในอังกฤษตลอดกาลก็ได้ คือมีสิ่งที่น่าทำอีกเยอะแยะ
นั่นคือเหตุผลที่เฟอร์กูสัน ยูเทิร์น 180 องศา เปลี่ยนใจกลับมาคุมทีมอีกครั้ง ในเดือนกุมภาพันธ์ 2002 เฟอร์กี้ประกาศต่อเซ็นสัญญาออกไป อีก 3 ปี กับแมนฯ ยูไนเต็ด ท่ามกลางความดีอกดีใจของแฟนปีศาจแดง
1
การกลับมาครั้งนี้ของเฟอร์กูสัน พิสูจน์ให้เห็นว่าเขายังไม่หมดไฟ เฟอร์กี้พาทีมได้แชมป์ลีกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแชมป์ยุโรปในปี 2008 ที่มอสโกอีกด้วย
สเตตัสของเฟอร์กี้คือ Untouchable ไม่มีใครไล่เขาออกได้ เหตุผลเดียวที่จะลงจากตำแหน่งได้คือลาออกเอง
สิ่งที่ทำให้เฟอร์กูสันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขนาดนั้น เพราะเขามีหลังบ้านที่ดี
เฟอร์กูสัน เขียนในอัตชีวประวัติของตัวเองว่า "เธอจะเฝ้ารอผมเสมอ ต่อให้ผมกลับมาถึงบ้านตอนตี 2 หรือ ตี 3 ก็ตาม เธอจะรอเพื่อคุยกับผมก่อน ผมถามเธอว่า 'ทำไมคุณไม่ไปนอน' เธอจะตอบกลับมาว่า 'ไม่ ไม่ ฉันจะคอยจนกว่าคุณจะกลับมา' และตลอด 47 ปี เธอทำแบบนี้เสมอทุกครั้ง"
2
"ผมสามารถทำงานเรื่องฟุตบอลได้ดี เพราะรู้ว่าเรื่องครอบครัว มีคนจัดการเรียบร้อยทุกอย่าง เคธี่ คือคนที่มหัศจรรย์มาก แต่เธอไม่ชอบอยู่กลางแสงไฟ"
"เคธี่ เป็นคนเดิมเสมอไม่เคยเปลี่ยน เธอเป็นแม่ เป็นคุณย่า เป็นภรรยาที่ยอดเยี่ยม นั่นคือชีวิตของเธอ เธอไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนไม่มีมนุษยสัมพันธ์นะ แต่เธอชอบมากกว่า ที่จะอยู่กับครอบครัวและเพื่อนสนิทแค่ไม่กี่คน"
1
"ชีวิตผมทำงานหนักมาตลอด ผมเลิกเล่นฟุตบอลตอนอายุ 32 จากนั้นทำงานเป็นเจ้าของผับในเมืองกลาสโกว์ ควบไปกับคุมทีมเซนต์เมียร์แรน แปลว่าลูกๆ ไม่ค่อยได้เจอหน้าผมเท่าไหร่นัก แต่เคธี่เป็นคนเลี้ยงเด็กๆ ขึ้นมา เติบโตเป็นหนุ่ม ลูกๆ มีบุคลิกบางอย่างคล้ายผม แต่มีความอ่อนโยนเหมือนกับแม่ของพวกเขาด้วย"
2
เคธี่ซัพพอร์ทเซอร์ อเล็กซ์ มาตลอด เธอไม่เคยบ่น ไม่เคยว่า แม้จะได้เวลาจากสามีน้อยก็ตาม เธอรู้ว่าสามีของเธอทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่อยู่
แต่เหตุการณ์สำคัญมาก เกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2012 เมื่อบริดเจ็ต พี่สาวของเคธี่ เสียชีวิตด้วยวัย 74 ปี
บริดเจ็ต กับ เคธี่ เป็นฝาแฝดกัน ทั้งคู่สนิทสนมกันมาก เป็นยิ่งกว่าพี่น้อง นั่นทำให้เคธี่รู้สึกเหงามาก
สามีก็ทำงานหนัก และคนที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอดอย่างพี่สาวก็เสียชีวิตอีก ส่วนลูกๆ ก็โตกันหมด ไปมีครอบครัวของตัวเองกันแล้ว เธอจึงไม่เหลือใครอีกแล้ว
เฟอร์กูสันเล่าว่า "ผมพร้อมมากที่จะทำงานต่อ แต่มีคืนหนึ่งที่ผมกลับบ้าน แล้วเห็นเคธี่ดูทีวีอยู่ สายตาของเธอเหม่อลอย มองข้ามทีวีไปที่ผนัง ถึงตรงนั้นผมจึงรู้ว่าเธอรู้สึกโดดเดี่ยวมาก"
ในปี 2001 ตอนที่เฟอร์กี้จะรีไทร์ เคธี่เป็นคนยับยั้งสามีไว้เอง มาคราวนี้ เมื่อเฟอร์กี้ก็ถามอีกครั้งว่าให้เขาเลิกคุมทีมดีไหม จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน "เมื่อผมบอกเธอไปคราวนี้ เธอไม่ได้มีท่าทีคัดค้านอะไรเลย ผมจึงได้รู้ว่า เธออยากให้ผมเลิกคุมทีมจริงๆ"
2
เซอร์ อเล็กซ์ รู้สึกมาตลอดว่า ที่ผ่านมาหลายสิบปี เคธี่ทำเพื่อเขามาตลอด ไม่เคยบ่น ไม่เคยขอร้องสิ่งใดเลย ดังนั้นในฐานะสามี นี่เป็นสิ่งที่เขาจะทำเพื่อเธอได้
เฟอร์กูสันจะคุมทีมในฤดูกาล 2012-13 เป็นซีซั่นสุดท้าย และนี่คือโอกาสเดียว ที่เขาจะปิดฉากอาชีพได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด คนอย่างเขา ต้องการลงตำแหน่งอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเป็นแชมป์เท่านั้น
และในที่สุด เฟอร์กี้ก็ทำได้จริงๆ ด้วยการยิงประตูถล่มทลายของโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดได้แชมป์พรีเมียร์ลีก และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 ถึงตรงนี้ เขาอำลาตำแหน่งได้แบบไม่ต้องมีห่วงอะไรแล้ว
ในวันที่รีไทร์ เฟอร์กูสันเคยกล่าวว่าทำไมเขาต้องลาออก เพื่อมาอยู่กับเคธี่ เขากล่าวว่า "ภรรยาของผมเคธี่ เธอคือกุญแจสำคัญที่สุดในชีวิตการทำงานของผม เป็นคนที่ทำให้ผมมั่นคง และให้พลังใจในการต่อสู้กับทุกปัญหา คำพูดใดๆ ไม่สามารถบรรยายได้เลย ว่าเธอมีความหมายกับผมแค่ไหน"
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคือชีวิตของเฟอร์กี้ก็จริง แต่มันไม่แฟร์กับภรรยาเลย ถ้าในช่วงที่เธอเดียวดายขนาดนี้ เขายังไม่คิดจะอยู่ข้างๆ เธออีก
 
นับจากรีไทร์มาในเดือนพฤษภาคมปี 2013 เฟอร์กูสันได้ใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดอยู่ร่วมกับภรรยาเคธี่ มีคนจับภาพได้ว่าทั้งคู่ไปเที่ยวด้วยกัน ไปดูบอลด้วยกัน หรือในช่วงปี 2018 ที่เฟอร์กี้ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล ด้วยอาการเลือดคั่งในสมอง เคธี่ก็อยู่เคียงข้างมาตลอดจนสามีหายดี
หลังจากเฟอร์กี้รีไทร์ สองสามีภรรยาได้อยู่ด้วยกัน 10 ปีเต็ม ก่อนที่สุดท้ายเคธี่ จะเสียชีวิตในวัย 84 ปี
1
เบื้องหลังความสำเร็จของยอดผู้จัดการทีมหนึ่งคน มีภรรยาที่ยอดเยี่ยม คอยสนับสนุนทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง ไม่มีอะไรแปลกใจ ที่เคธี่จะได้รับเครดิตอย่างมากมาย ในความสำเร็จของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
2
ในเกมที่แมนฯ ยูไนเต็ดเจอเบรนท์ฟอร์ด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักเตะสวมปลอกแขนสีดำ และมีการปรบมือ 1 นาทีก่อนเกม ก็เพื่อเป็นการสดุดีเคธี่ เฟอร์กูสัน
เซอร์ อเล็กซ์ เคยบอกว่า "ในโลกนี้มีเพียงแค่คนเดียวที่ผมไม่เคยขึ้นเสียงใส่" กับคนอื่นจะยังไงไม่รู้ แต่กับภรรยา เขาให้เกียรติสูงสุดเสมอ
เพราะคนที่ดูแข็งกร้าว ดุดัน ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น ก็อาจมีบางคนที่เป็นข้อยกเว้นของหัวใจเช่นเดียวกัน
#FAREWELLLADYCATHY
โฆษณา