ผมชอบคอมเม้นนี้ ของ Andy Jessy ครับ เลยจดเก็บไว้
เพราะในตอนนี้ เวลาพูดถึงหุ้นกลุ่ม Cloud จะมีคนถามแต่เรื่อง cost optimization ของลูกค้า แล้วมองว่า พวกนี้ แย่แน่ๆ ลูกค้าประหยัดงบ แล้ว Cloud จะแย่มากๆ
แต่จริงๆแล้ว ถ้าเรามองดูดีๆ มันอาจจะไม่ใช่แบบนี้นั้น เรื่องนี้ Andy Jessy CEO ของ Amazon อธิบายไว้แบบนี้ใน Earning Call ล่าสุดครับ
คือ เค้าบอกว่า cost optimization ของลูกค้า จริงๆแล้ว ไม่ได้แปลว่า ลูกค้าลดปริมาณการใช้งานลงครับ
จริงๆแล้ว ลูกค้าใช้งานมากขึ้น แต่ว่า AWS ทำประสิทธิภาพให้มีดีขึ้นกว่าเดิมมากๆ ทำให้ลูกค้าจ่ายน้อยลง แต่ใช้งานได้มากขึ้นต่างหาก
รวมถึง การที่ลูกค้าที่เคยใช้งานแบบ on demand เปลี่ยนมาซื้อ package ใหญ่ๆ แล้ว commit การใช้งาน ทำให้ราคาต่อหน่วย ถูกลง แต่ AWS ก็สามารถเอา Commitment นั้นมาลงทุนวางแผนการขยาย Data Center ได้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย และทำให้ Utilization ดีขึ้นด้วย
บางคนมองว่า มุมนี้ คือ Price war ที่ cloud provider แข่งกันลดราคาให้ลูกค้า แต่ผมมองว่า ไม่ใช่ซะทีเดียว
มันไม่ใช่ price war ที่แข่งกันขายของให้หมดๆไป แต่มันคือ การทำต้นทุนให้ต่ำลง แล้ว แบ่งต้นทุนที่ต่ำลงได้ให้กับลูกค้าด้วย หรือแปลว่า เราแบ่งประโยชน์ตรงนั้นให้ลูกค้าด้วย
ตรงนี้ ถามว่า ถ้าทำแบบนั้น แล้ว AWS ได้อะไร
เพราะว่า เค้ามองว่า TAM ยังอีกใหญ่มากๆ การทำราคาได้ถูกลง ลูกค้าได้ Productivity มากขึ้น ฝั่งนึง มันคือ การกันไม่ให้คู่แข่งรายเล็กๆเข้ามาแข่งขันได้ เพราะ สู้ต้นทุนไม่ได้ เราเลยจะเห็นว่า Public Cloud มีรายใหญ่กินรวบแค่ไม่กี่เจ้า
อีกเรื่องนึงก็คือ ยิ่งต้นทุนในการใช้ public cloud ต่ำลงมากเท่าไหร่ ยิ่งมีเเรงจูงใจให้ลูกค้า ย้ายการใช้งาน จาก On premise ขึ้นมาใช้ public cloud ได้ง่ายขึ้น เพราะ มันทั้งดีกว่า และ คุ้มค่ากว่า
ส่วนตัวคิดว่า AWS growth rate น่าจะ ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว น่าจะ stable ได้ แต่ยังไม่สามารถ reaccelarate ได้
ในแง่ของกำไร ก็กลับมากำไรสูงสุดแล้ว จากการ cost control ที่มีประสิทธิภาพขึ้น
ส่วนฝั่ง E-Commerce ก็ดีขึ้นมากๆ international ก็เกือบจะ breakeven แล้ว
โดยรวม คือว่าน่าจะกลับมาได้ครับ แต่หุ้นคงไม่ขึ้นไปเร็วมาก เพราะ sentiment ของตลาดไม่ดีเอาซะเลยครับ
- 18
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
