Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Rimping Supermarket
•
ติดตาม
29 ต.ค. 2023 เวลา 12:00 • อาหาร
ย้อนรอยประวัติศาตร์ “วานิลลา” วัตถุดิบที่ให้ความหอมแก่อาหารทั่วโลก
หากพูดถึง “วานิลลา” เชื่อว่าสิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึง น่าจะเป็นเรื่องของกลิ่นหอม ที่มาในรูปแบบของขนมหวานหลากหลายที่เราคุ้นเคย ด้วยความที่ส่วนใหญ่เราจะสัมผัสได้ด้วยกลิ่น เลยอาจจะนึกไม่ออกว่าจริง ๆ แล้ววานิลลานั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร
Vanilla in the past
ประวัติศาสตร์อันยาวนานของกลิ่นและรสชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เริ่มต้นขึ้นในเม็กซิโกเมื่อเกือบ 900 ปีที่แล้ว โดยชาวอินเดียนแดง Totonac ได้ปลูกกล้วยไม้วานิลลาทางตอนใต้ของเม็กซิโก เพื่อใช้แต่งกลิ่น และเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร ไม่เพียงเท่านั้นพวกเขายังเคยใช้เป็นยาชูกำลังอีกด้วย โดยใช้วานิลลาและโกโก้ผสมรวมกันทำเป็นเครื่องดื่มคล้ายกับ “ช็อกโกแลตร้อน” เรียกว่า “Xocolatl” ในอดีตเชื่อกันว่าเป็นเครื่องดื่มศักดิ์สิทธิ์ ที่ช่วยให้ร่างกายหายจากความเหนื่อยล้า
วานิลลาได้มาจากกล้วยไม้ชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อว่า Vanilla Fragrans กล้วยไม้ชนิดนี้ เป็นชนิดเดียวในบรรดากล้วยไม้ทั้งหมด ที่สามารถนำมาใช้ปรุงอาหารได้ โดยกลิ่นหอมของวานิลลามาจากสารหอมที่เรียกว่า “วานิลลิน” ซึ่งสารชนิดนี้สามารถพบได้ในฝักวานิลลาเท่านั้น
วานิลลา เป็นพืชที่ใช้แรงงานมากเป็นอันดับ 2 ของโลกในบรรดาผลผลิตทางการเกษตร เนื่องจากกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว และการผสมเกสร ต้องทำด้วยมือเท่านั้น เนื่องจากวานิลลาอาศัย การผสมเกสรด้วยผึ้งเมลิโปเน แต่ผึ้งชนิดนี้ไม่สามารถอาศัยอยู่ในภูมิภาคอื่นได้ นอกจากในแถบแม็กซิโก
ดังนั้นจึงต้องผสมเกสรด้วยแรงงานคน เพื่อให้สามารถเพาะปลูกวานิลลาได้ในภูมิภาคอื่น ๆ ไม่เพียงเท่านี้กล้วยไม้วานิลลา ยังใช้เวลาหลายปีกว่าจะโตเต็มที่ เมื่อเก็บเกี่ยวฝักแล้ว ยังต้องใช้เวลาบ่มต่ออีก 6- 9 เดือน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ วานิลลาเป็นเครื่องเทศที่มีราคาแพงเป็นอันดับสอง รองจากหญ้าฝรั่นนั่นเองค่ะ
กว่า 100 ปีที่ผ่านมาวานิลลามีการเพาะปลูกในหลายภูมิภาคทั่วโลก เพื่อมอบรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับหลายวัฒนธรรม ปัจจุบันจึงมีกล้วยไม้วานิลลามากกว่า 150 สายพันธุ์ และมีการพัฒนาประเภทของวานิลลาออกมาหลากหลายให้เหมาะกับการใช้งานและจัดเก็บ เช่น Pure Vanilla Extract, Vanilla Paste และ Vanilla Bean ฯลฯ
Pure Vanilla Extract
Pure Vanilla Extract ทำโดยการนำฝักวานิลลาไปหมักในแอลกอฮอล์และน้ำนานหลายเดือนเพื่อสกัดกลิ่นออกมา โดยจะได้สีและกลิ่นวานิลลาที่มีความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เนื่องจากแอลกอฮอล์มีคุณสมบัติในการดึงกลิ่นและรสชาติออกจากวานิลลา จึงทำให้ Vanilla Extract มีสีเข้มและกลิ่นหอม เหมาะสำหรับผสมในอาหารที่มีสีเข้ม เช่น คุกกี้ เป็นต้น
Vanilla Bean
ในบรรดาวานิลลาทั้งหมด Vanilla Bean หรือวานิลลาฝัก เป็นตัวเลือกที่รสชาติเข้มข้น และมีความเป็นวานิลลามากที่สุด เนื่องจากเป็นวานิลลาแท้ ๆ ข้างในฝักจะไม่มีอะไรผสมเลย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Vanilla Bean ถึงมีราคาแพงกว่าวานิลลาประเภทอื่น ๆ เคล็ดลับการเลือกซื้อ Vanilla Bean ให้เลือกฝักที่มีสีน้ำตาลเข้ม ผิวมัน กลิ่นหอม เพราะจะได้เมล็ดแบบเต็มฝักค่ะ มักจะนำมาใช้กับอาหารที่เป็นของเหลว เช่นค็อกเทลต่าง ๆ คัสตาร์ด, นม, ครีม, น้ำเชื่อม ฯลฯ
Vanilla Paste
Vanilla Paste มีลักษณะเป็นครีมข้น ที่ผสมมาจาก Vanilla Bean และ Vanilla Extract มักอยู่ในขวดเล็ก ๆ ให้ตักใช้ได้ง่าย ที่สำคัญมีเมล็ดวานิลลาเล็ก ๆ อยู่เต็มไปหมด ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีถ้าหากเราไม่สามารถหา Vanilla Bean ได้ เพราะให้รสชาติแบบคลาสสิกที่ใกล้เคียงกัน มักใช้ผสมใน ไอศกรีม, Creme Brulee, Whip Cream, Cake และ Icing เป็นต้น
ปัจจุบันที่เราเห็นวานิลลามีราคาถูก นั่นก็เพราะว่าวานิลลาเหล่านั้นคือ วานิลลาสังเคราะห์ หรือวานิลลาเทียมค่ะ ซึ่งจะมีกลิ่นที่คล้ายกัน เนื่องจากวานิลลาแท้ ๆ มีราคาสูง จึงทำให้คนมีการคิดค้นกลิ่นวานิลลาสังเคราะห์ขึ้นมา ซึ่งมีราคาถูกกว่า แต่วานิลลาสังเคราะห์ก็มีความเข้มข้นของกลิ่นไม่เท่ากับของจริงอยู่ดีค่ะ
ความรู้รอบตัว
อาหาร
ประวัติศาสตร์
1 บันทึก
4
1
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย