28 ต.ค. 2023 เวลา 01:59 • ความคิดเห็น
ถ้าหากเรารู้จักตัวเราเองดี ..จิตใจเรามีความมั่นคง มีที่ยึดเหนี่ยว ..เรารู้จักอารมณ์ที่มันปรุงแต่ง ..เมื่อเรารู้ว่าว่า เป็นเรื่องของอารมณ์ปรุงแต่ง เรื่องตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จิตใจเรารับรู้อารมณ์นึกคิดที่เกิดขึ้นมาได้ . เราก็ควบคุมสติของเรา หายใจมันลึกๆ แล้วกลั้นลมหายใจ เป่าลมออกไปทางปาก ..เพื่อจะหยุดอารมณ์นึกคิดนั้นออกไป .ต้องอาศัยการฝึกทำบ่อยๆ ทำจนช่ำชองชำนาญ ..เพิ่อหยุดยั้งอารมณ์ ..สลัดละอารมณ์ออกไป
..เมื่อมีเหตุไหลเข้ามา ..ให้จิตผจญ ..อารมณ์เพื่อรู้จักอารมณ์..ดับอารมณ์ได้ ก็เหมือนเราชนะสงคราม..อารมณ์นั้นเป็นศัตรูของจิต..ปลดเปลื้องจิตออกจากการเป็นทาสของอารมณ์ เมื่อเราทำได้ ..กายก็เบา จิตก็เบา ..แต่นั่นแหละที่ช่วยประคับประคองจิตได้ ..ก็เรื่องกานสะสมบุญกุศลบารมี ..สละความยึดถืออารมณ์โลภโกรธหลง ที่เป็นคอกขังจิตอยู่
..กายที่เราอาศัยก็เป็นกายของพ่อแม่ให้จิตเราอาศัย อารมณ์นึกคิด ก็เหมือนลมฟ้าลมฝน พัดผ่านเรือนกาย ความคิดด้วยอารมณ์ก็เหมือนฝนตกต้องเรือนกาย เปียกปอนทั้งเรือนกาย ..เราก็หาที่หลบฝนไม่ให้ฝนมันตกให้ตัวมันเปียก ..จิตเราก็ไม่ต้องไปเปียกปอนเรื่องราวของอารมณ์. ที่ตกมาทับเรือนกาย นั้นก็อยู่ที่สติของเรา ..รู้จักสลัดละทิ้งอารมณ์นึกคิด ..บางครั้งอารมณ์มันก็พาคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ..มันก็เหนื่อยกายเหนื่อยจิต ..ไม่กระปรี้กระเปร่า..เหมือนกับเอาตัวคลุกคลีขยะที่มาจากอารมณ์นึกคิด
เรื่องกาย อารมณ์ จิต ..หากเรารู้จักเรียนรู้ในสิ่งที่เราอาศัยกาย อาศัยอารมณ์ที่ปรุงแต่งกาย ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง จิตก็คือตัวเราที่อาศัยในเรือนกาย เราก็จะค่อยเรียนรู้จัก มายาของกาย มายาของอารมณ์ ..ที่จิตเราหลงใหล .ยึดอารมณ์ ทำไปตามอารมณ์ .ที่เกิดขึ้นที่กาย ..ฝืนอารมณ์ไม่ได้ ..เพราะเป็นทาสของอารมณ์มาทุกชาติๆ. จึงต้องมีทุกข์ง..ทุกข์กับเรื่องของอารมณ์..ยึดอารมณ์ที่เป็นมายา เชื่อฟังอารมณ์ในตัวตน ..จึงมีทิฐินึกคิด ให้คนเราตีกันทะเลาะกันข่มแหงกัน หรือรักกัน แตกแยก พลัดพรากกัน ..ก็เนื่องด้วยอารมณ์มี่เกิดขึ้น
โฆษณา