"สงครามกับผลต่อการลงทุน"
SCB Chief Investment Office (CIO) วิเคราะห์ประเด็นหลักที่มีผลต่อแนวโน้มการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก (Global Asset Allocation) ประกอบด้วย
1) สงครามระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเราประเมินว่า น่าจะเป็นสงครามตัวแทน หรือจำกัดวง ยังไม่ได้ลุกลามเป็นสงครามทางตรงระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ทำให้ตลาดน้ำมันโลกอยู่ในภาวะกังวลแต่ไม่ถึงกับแตกตื่น(concerned but not panic)
2) ประธาน Fed สาขาต่างๆ เริ่มส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ย จากการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์และความเสี่ยงเงินเฟ้อจากต้นทุน (cost push inflation) กระทบเศรษฐกิจ รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น โดย SCB CIO ยังคงมุมมอง Fed คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในกรอบ 5.25%-5.50% และเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงปลายไตรมาส 3/2024 สู่ระดับ 4.50%-4.75% ณ สิ้นปี 2024
3) บทเรียนจากสงคราม Yom Kippur ปี 1973 ที่มีความรุนแรงจากทั้งในด้านของกองทัพที่เข้าร่วมสงคราม และมาตราการคว่ำบาตรที่นำมาใช้โดยเฉพาะการส่งออกน้ำมันจากประเทศตะวันออกกลางในกลุ่ม OPEC กระทบตลาดน้ำมัน เศรษฐกิจ ตลาดเงิน และ ตลาดทุนโลก เป็นวงกว้าง และ มีผลรุนแรง ทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตลาดหุ้นปรับตัวลดลงรุนแรงในช่วง 6 เดือนหลังสงคราม ขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และ US dollar index มีการเร่งตัวขึ้น
4) เราคงมุมมองการลงทุนแบบระมัดระวัง และ เน้นสินทรัพย์คุณภาพ (Flight to Quality) ในช่วงที่ยังอยู่ในภาวะดอกเบี้ยสูง และ ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น โดยแนะนำจัดการความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ด้วย diversified commodities และ ยังเน้นการลงทุนในลักษณะระมัดระวัง โดยเฉพาะในสินทรัพย์เสี่ยง
5) เราปรับมุมมองหุ้นสหรัฐฯ เป็นทยอยสะสม (Slightly positive) บน (1) Valuation ที่ลดระดับสู่จุดที่น่าสนใจ (2) สัญญาณการหยุด/เข้าใกล้การหยุดขึ้นดอกเบี้ยจาก Fed และ (3) คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ (big cap) ที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น Valuation ตลาดหุ้น S&P500 ล่าสุดปรับลดลงมาในระดับที่น่าสนใจอีกครั้ง
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ในรายงาน Economics and Portfolio Strategy (EPS) ประจำเดือน ต.ค. ของ SCB CIO