30 ต.ค. 2023 เวลา 10:11 • การเมือง

ดิจิทัลวอลเล็ต...ควรเกิดขึ้นในประเทศไทย !!

เป็นตัวกระตุ้นสำคัญให้เกิด...โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ใช้ซุปเปอร์บล็อกเชน และบริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (Internet Access) เครื่องมือไหลเวียนอภิมหาข้อมูล (Data) ต้องเร็ว - แรง – เสถียร – ทั่วถึงทุกคน ทุกแพลตฟอร์ม
ประเด็นที่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ต้องให้น้ำหนัก คือ “ความโปร่งใส” และเครื่องมือใหม่ “ซุปเปอร์บล็อกเชน - บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต” ที่ล้ำยุค ถ่ายเทดาต้าระหว่างผู้ใช้งานแบบไม่จำกัด อย่างน้อยสปีด 1 วินาที ต่อ 1 แสนธุรกรรม
แน่นอนงานใหญ่แบบนี้ !!
รัฐบาลควรเปิดพิมพ์เขียว โชว์แนวคิดทางเทคนิคก่อน แล้วค่อยทดสอบความเป็นไปได้ของไอเดีย หรือแนวคิดการพัฒนาระบบดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อสร้างเป็นตัวแม่แบบ เปิดทดลองใช้ระบบดิจิทัลฯ กับกลุ่มเป้าหมายบางส่วน ก่อนปล่อยของจริงออกไปใช้ทั้งประเทศ
ตรงกับนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการให้ประเทศไทยขึ้นแท่นรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) และผลักดันให้ธนาคารแห่งประเทศ ออกเงินดิจิทัลบาทใช้ทั่วประเทศ
เหตุที่ต้องเปิดพิมพ์เขียว !!
เพราะบ่งชี้ให้เห็นถึงระบบซุปเปอร์บล็อกเชนว่า ใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ - ค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาระบบตกปีละเท่าไหร่ - ธุรกรรมวิ่งผ่านระบบซุปเปอร์บล็อกเชนกินเวลาเท่าไหร่ - ที่สำคัญระบบความปลอดภัยต้องถูกทดสอบให้ชัวร์ 100%
หากผู้มีอำนาจ และกูรูที่อยู่แวดล้อมผู้มีอำนาจ...ยังไม่ลงมือออกแบบพิมพ์เขียว หรือยังไม่มั่นใจ
อยากให้คิดนอกกรอบ อย่าไปยึดติดบล็อกเชนเวอร์ชั่นเดิม ๆ ยิ่งผู้ใช้เยอะยิ่งอืด ยิ่งช้าเต่า โดยเฉพาะบล็อกเชนของบิตคอยน์ กินเวลา10 นาทีถึงโอนเงินสำเร็จ ไม่เหมาะกับการใช้โอนเงินในชีวิตประจำวัน
บางคนเสนอให้ใช้...แอฟฯเป๋าตัง !!
โดยพยายามส่งสัญญาณให้รัฐ ไม่จำเป็นต้องใช้บล็อกเชนก็ได้ ไม่ต้องพัฒนาบล็อกเชนใหม่หรอก อาจได้ไม่คุ้มเสีย
เพราะปัจจุบันโมบายแบงก์กิ้ง พร้อมเพย์ และแอพฯ ต่าง ๆ ทั้งเป๋าตัง - ทรูมันนี - เคพลัส - กรุงไทยเน็กซ์ มีคนใช้งานระดับกว่า 10 ล้านรายจนเกือบ 50 ล้านรายอยู่แล้ว
จุดนี้กำลังชี้ให้เห็นว่า ระบบใหญ่ก็ต้องใช้งบประมาณลงทุนแพงหูฉี่ !!
เช่น แอฟเป๋าตัง ใช้งบประมาณด้านไอที ตกปีละ 1.1-1.2 หมื่นล้านบาทต่อปีทีเดียว
และต้องยอมรับว่า E-wallet, Mobile Banking ทุกยี่ห้อ เป็นระบบเครดิต จำเป็นต้องมีคนกลางในการเคลียร์เงินกันจริงภายหลัง ฯ
แค่จุดนี้ที่เดียว...มีค่าใช้จ่าย และระบบก็ต่างกันมหาศาล
เงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-money) จดระบบบัญชีแบบรวมศูนย์อำนาจ เจ้าของระบบเป็นผู้จดบันทึก ข้อมูล และเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้แต่ผู้เดียว แบบของใครของมัน แบงก์ใคร แบงก์มัน
แต่ดิจิทัล วอลเล็ต (Digital Wallet) เป็นกระเป๋าเงินที่เก็บเงินดิจิทัล มันนี่ (Digital Money) แบบเงินสด ที่มีระบบบัญชีกระจายศูนย์อำนาจ บันทึกข้อมูลที่แก้ไขไม่ได้ และใครถือข้อมูลนี้ก็ได้
ตอนนี้ทั้งดิจิทัล วอลเล็ต และดิจิตอล มันนี่ แบบระบบเงินสด ยังอยู่ในแซนด์บ็อกซ์ (Sandbox) ไม่ได้ถูกใช้งานใน Real World Application
ไม่ว่าเงินดิจิตอลหยวนของจีน แทบไม่มีข้อแตกต่างจากเงินดิจิทัลอื่น ๆ เพราะยังไม่ได้ใช้บล็อกเชน
เนื่องจากบล็อกเชนในปัจจุบันทั่วโลก ยังไม่สมบูรณ์แบบ !!
มีปัญหาประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัย และระบบการเงินไร้ศูนย์กลาง (Decentralized) ไม่มีใครคุม อย่างใดอย่างหนึ่งจริง ๆ หรือไม่
หากพัฒนาจนได้ “ซุปเปอร์บล็อกเชน” ที่มีหัวใจสำคัญแก้ไขข้อมูลไม่ได้ และใครถือข้อมูลก็ได้
จะทำให้ดิจิทัลวอลเล็ต ถูกจดบันทึกข้อมูลลงในบล็อกเชน เปิดประตูสู่การดิสรัปชั่นระบบการเงินที่มีอยู่ในโลกอย่างสิ้นเชิง
ผู้คนสามารถส่งเงินถึงกันได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านคนกลางแบบระบบการเงินที่ต้องผ่านธนาคาร
ขอย้ำอีกครั้ง !! ซุปเปอร์บล็อกเชนที่ใกล้ปรากฏโฉม...ต้องมีระบบโครงสร้าง วิธีทำงานที่แตกต่างกับระบบบล็อกเชนในปัจจุบัน
โดยหลักการ "บล็อกเชนต้องไม่มีเจ้าของ" เหมือนคริปโตของบิสคอยน์ นอกนั้นคริปโตที่มีอยู่ทั้งหมด แม้ใช้ระบบบล็อกเชน แต่มีเจ้าของไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ปมนี้ถูกการันตีโดยก.ล.ต.ของสหรัฐอเมริกา
โลกใบนี้ฝันถึงเงินรูปแบบใหม่ !!
ตั้งแต่ธนาคารกลางของจีน ประกาศสร้าง “ดิจิทัลหยวน” ลงในบล็อกเชนเมื่อปี 2014 สร้างความว้าวุ่นแก่สังคม
แม้แต่ในวงการธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ก็ยังสับสน ระหว่างเงินสกุลดิจิทัลที่ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ พยายามสร้างลงในบล็อกเชน กับคริปโตเคเรนซี ที่เป็นสกุลเงินที่เอกชนสร้างขึ้นในบล็อกเชนเช่นกัน
ธนาคารกลางของอังกฤษ จึงปิ๊งไอเดีย ในปี 2016 บัญญัติคำว่า Central Bank Digital Currency (CBDC )
คือเงินสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางของประเทศนั้น ๆ ใช้เพื่อชำระสินค้า บริการ ชำระหนี้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
หยวนดิจิทัล - ดอลลาร์ดิจิทัล - ยูโรดิจิทัล - บาทดิจิทัล ฯ
จึงเป็นเงินรูปแบบใหม่ ที่ไม่สามารถปลอมแปลงได้ มีคุณสมบัติของการเป็นเงินสมบูรณ์ที่สุด ยิ่งกว่าทุกสกุลเงินที่เคยมีในโลก
ขณะนี้บางประเทศประสบความสำเร็จ !!
ในการสร้าง Wholesale CBDC เป็นระบบที่จดบันทึกการเคลื่อนย้ายเงินลงในบล็อกเชน ระหว่างธนาคารกลางกับธนาคารพาณิชย์ในประเทศนั้น ๆ
แต่ยังไม่สามารถเปิดให้ประชาชนทั่วไปใช้ได้ เพราะบล็อกเชนเวอร์ชันปัจจุบัน ช้ามาก...รองรับการทำธุรกิจพร้อมกันชนิด 1 แสนธุรกิจต่อวินาทีไม่ได้
ปัญหาใหญ่สำคัญ คือการพัฒนาสกุลเงินสำหรับประชาชน (Retail CBDC) อยู่ที่การสร้างระบบจดบันทึกข้อมูลการใช้เงิน ที่สร้างโดยธนาคารกลางของประเทศนั้น ๆ
จนถึงวันนี้ยังไม่มีประเทศใดทำได้ แม้แต่ประเทศจีนที่เริ่มก่อนใคร
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ของเราก็ได้พัฒนา และทดสอบระบบนี้มาหลายปี ผ่านโครงการอินทนนท์ ดิจิทัลบาท...ซึ่งต้องลุ้นว่าคนไทยทั้งประเทศจะได้ใช้จริงเมื่อไหร่ !!
ฉะนั้นนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ นับเป็นเมกะโปรเจคต์ แต่ยังทำไม่ได้...จึงไม่น่าแปลกใจ เรื่องนี้ไม่ง่ายจริง ๆ
“เพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น” ต้องประกาศชะลอนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ออกไปก่อน !!
เพื่อเตรียมทั้ง...งบประมาณ 5.6 แสนล้านบาท ควรวางแผนการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 และเครื่องมือซุปเปอร์บล็อกเชน นวัตกรรมระบบการเงิน - ปลอดภัย - โปร่งใส - ไม่โกง แม้เป็นผู้สร้าง หรือผู้ควบคุมระบบ - ใช้งานง่าย – สะดวก
คิดว่าคนไทยส่วนใหญ่เข้าใจ และรอได้...เพื่อให้เวลารัฐบาลจัดการทุกอย่างชัดเจนกว่านี้ !!
1.ข้อถกเถียงในข้อกฎหมายว่า ดิจิทัลวอลเล็ตที่รัฐบาล หรือกระทรวงการคลังกำลังสร้างขึ้น มันไม่ใช่เงิน ไม่สามารถใช้แทนเงินได้
เห็นได้จากธปท. ออกมาในช่วงที่คริปโตกำลังร้อนแรงว่า ธปท. ไม่อนุญาตให้นำเหรียญ หรือโทเคนต่าง ๆ เหล่านั้นมาใช้แทนเงินได้ ถ้าทำขึ้นมาย่อมผิดกฎหมาย ตามกฎหมายแบงก์ชาติที่เป็นฝ่ายพิมพ์เงิน - กระทรวงการคลังใช้เงิน
2.รัฐบาลประกาศนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต กำลังเข้าสู่เดือนที่ 8 ยังไม่รู้ว่า รัฐบาลเตรียมใช้บล็อกเชนยี่ห้ออะไรมาสร้างระบบนี้
จนทำสังคมเกิดความไม่มั่นใจ ทั้งที่ความเชื่อมั่น ความมั่นใจเป็นปัจจัยสำคัญมากต่อการฟื้นเศรษฐกิจ
ถ้ารัฐบาลมีเทคโนโลยี หรือซอฟแวร์ซุปเปอร์บล็อกเชนแล้ว !!
ควรจับมือกับธทป.สร้างดิจิทัลบาท เพราะใช้ซอฟแวร์ตัวเดียวกัน
เมื่อไหร่ที่รัฐบาลทำเช่นนี้ได้ เท่ากับแก้ปัญหาข้อที่ 1 ให้หมดไป และประเทศไทยย่อมได้ชื่อว่า เป็นประเทศแรกที่สามารถสร้างดิจิทัลบาทได้
รับรองพรรคเพื่อไทยติดลมบน นโยบายทะลุเป้า !!
อย่างน้อย ๆ ประเทศไทยได้ยกระดับอยู่ชั้นแนวหน้าของเทคโนโลยี หรือซอฟแวร์บล็อกเชน และ สตาร์ทอัพของคนไทย ก็โบยบินออกไปหากินได้ทั่วโลก
3. หากรัฐบาลไม่แน่ใจ...ในซอฟต์แวร์ซุปเปอร์บล็อกเชนที่มีอยู่ในมือ
ควรเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพไทย !!
เข้าประชันขันแข่ง เพื่อหาเครื่องมือซุปเปอร์บล็อกเชนเพื่อชาติ โดยรัฐบาลเป็นฝ่ายกำหนดทีโออาร์
โจทย์ประเทศไทยข้อนี้ นอกจากมีความรู้พื้นฐานในด้านต่าง ๆ พอประมาณแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือคุณสมบัติ
ด้านความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ !!
ที่คนไทยไม่น้อยหน้าใคร ---//---by หุงข้าวเตาถ่าน
#WhoChillDay
30 ต.ค. 2566
ขอบคุณที่เข้ามาติดตามอ่านทุกเรื่องราว
และทักทาย WhoChillDay นะคะ
#ดิจิทัลวอลเล็ต #รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน
#บล็อกเชน
Credit : รูปดิจิทัลวอลเล็ต www.flation.com

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา