ด้านมืดของตลาดหุ้น : เราถูกหลอกอยู่หรือเปล่า?
ผมเป็นคนนึงที่ไม่ค่อยดูบทวิเคราะห์เท่าไหร่ หรือถ้าจะดู ก็ใช้วิจารณญาณในการอ่านมากพอสมควร
ผมจะลองยกตัวอย่าง และให้ผู้อ่านคิดตาม ว่าเหตุผลที่ผมไม่ค่อยอ่านบทวิเคราะห์หุ้นไทยที่แจกฟรีต่อสาธารณชน หรือควรอ่านโดยใช้critical thinking เพราะอะไร
บทวิเคราะห์ของโบรคเกอร์เจ้าหนึ่ง ของหุ้น QH, LH, JMART
ตัวอย่างCase Studyของบทวิเคราะห์ที่ผมคิดว่าไม่สมเหตุสมผล
QH ถือหุ้น
HMPROเป็นหลัก โดยมีมูลค่า 31,000 ล้านบาท
และตัวอื่นๆมี LHFG QHPF QHHR อีกเล็กน้อย
มูลค่าเต็มของบริษัทที่ถือก่อนdiscount จากบทวิเคราะห์
คิดออกมาเป็น 19,612/(1-60%) = 49,030 ล้านบาท
LH ถือหุ้น
HMPROเป็นหลัก โดยมีมูลค่า 47,000 ล้านบาท
และตัวอื่นๆมี QH LHFG LHPF อีกเล็กน้อย
มูลค่าเต็มของบริษัทที่ถือก่อนdiscount จากบทวิเคราะห์ =
51,792/(1-35%) = 79,680 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่า investment หลักของLH แทบไม่ได้ต่างกับQH ก็คือมีHMPROเป็นโครงสร้างหลักของธุรกิจลงทุน โดยในขณะที่
นักวิเคราะห์ใช้discount 35% กับ LH แต่ดันใช้ 60% กับ QH
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าไปดูหุ้นHoldingอย่าง JMART กลับได้ราคาเป้าหมายที่คิดจากการdiscountแค่10-20%
ผมก็เลยตั้งข้อสงสัย เพื่อหาคำตอบว่าทำไมเราจะต้องใช้discountต่างกันด้วย ทั้งๆที่LH QH ก็มีโครงสร้างการลงทุนในบริษัทคล้ายๆกัน บริษัทที่ถือมีคุณภาพมากกว่าJMARTเสียด้วยซ้ำ ทำไมถึงได้discountต่ำกว่า
ผมก็เลยลองคิดdiscount 20% กับ LH และ QH ดูเล่นๆ พบว่า
LH = 79,680 x (1-20%) = 63,744
หารจำนวนหุ้น(11,950ล้านหุ้น) เท่ากับ 5.33 บาทต่อหุ้น
QH = 49,030 x (1-20%) = 39,224
หารจำนวนหุ้น(10,714ล้านหุ้น) เท่ากับ 3.66 บาทต่อหุ้น
ที่น่าสนใจคือQH เพราะถ้าใช้discount 20% ราคาเป้าหมายจะสูงกว่าราคาตลาดมาก ผมก็เลยเริ่มเข้าใจแล้วว่า ทำไมเค้าถึงต้องdiscount 60% เพราะว่าถ้าเค้าdiscountแค่ 20% ราคาเป้าหมายของ QH ก็จะกลายเป็น 0.66+3.66 = 4.32 คิดเป็น upside ประมาณ 90% จากราคา 2.24 ผมยังไม่เคยเห็นโบรคเกอร์เจ้าไหนให้ราคาเป้าหมายที่มีupsideระดับนี้เลย
ดังนั้นส่วนตัวก็เลยคิดว่าไม่แปลกหรอก ที่นักวิเคราะห์จะปรับเลขตามใจชอบเพื่อให้ราคาเป้าหมายออกมาไม่ห่างจากราคาตลาดมากนัก และถ้าราคาตลาดขยับขึ้น ก็ค่อยมาเพิ่มราคาเป้าหมายในบทวิเคราะห์ฉบับใหม่ แต่แบบนั้นเราจะรู้ราคาเป้าหมายไปทำไม? ในเมื่อมันไม่ใช่มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นตัวนั้นจริงๆ
สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ สุดท้ายแล้วเราควรศึกษาหาความรู้ และประเมินมูลค่าหุ้นด้วยตัวเอง เวลาเจอข่าวเคาะเป้าราคา ก็ควรระมัดระวัง เพราะผมคิดว่ามีหลายเจ้าที่มั่วเลขมาดื้อๆเลย (จริงๆก็มีนักวิเคราะห์ที่เก่ง แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำงานpaper) อย่าลืมว่าอาชีพนักวิเคราะห์นั้น เค้ามาทำงาน ส่งงาน และรับเงินเดือน ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับกำไรขาดทุนของนักลงทุนที่มาอ่านบทวิเคราะห์ เงินที่เราลงทุนไปนั้น คือเงินตัวเราเอง ไม่มีใครสามารถมารับผิดชอบเงินเรา นอกจากตัวเราเอง
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
