30 ต.ค. 2023 เวลา 14:40 • ไลฟ์สไตล์

กองทุน vs. ประกันชีวิต เลือกซื้อเพื่อลดหย่อนภาษีแบบไหนก่อนดี ถ้ามีเงินจำกัด

“ความตาย กับ ภาษี คือ 2 สิ่งที่ไม่มีใครหลีกหนีได้” ประโยคอมตะของ Benjamin Frankin หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มักจะถูกกล่าวอ้างถึงอยู่เสมอ แต่แม้ทั้งความตาย ภาษี จะหนีไม่ได้ แต่เราก็ยังสามารถบริหารได้
อย่างเช่น ในเรื่องภาษี เราสามารถบริหารภาษีให้เสียภาษีน้อยลงหรือไม่เสียได้ แต่ต้องถูกกฎหมาย โดยก่อนอื่น เราต้องเข้าใจความหมายของการวางแผนภาษีให้ดีก่อน
➡️การวางแผนภาษี (Tax Planning)
คือ การนำสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทางภาษีที่กฎหมายกำหนดไว้ ไปใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปี เพื่อบรรเทาภาระภาษีให้น้อยลง โดยไม่ผิดกฎหมาย
➡️การหลบหลีกภาษี (Tax Avoidance)
คือ การใช้ช่องโหว่ของกฎหมาย ทำให้ไม่ต้องเสียภาษีหรือเสียภาษีน้อยลง โดยเข้าใจว่าไม่ผิดกฎหมาย (ซึ่งอาจจะผิดหรือไม่ผิดกฎหมายก็ได้)
➡️การหนีภาษี (Tax Evasion)
คือ การหลบเลี่ยงไม่เสียภาษีหรือเสียภาษีน้อยลง โดยฝ่าฝืนกฎหมาย
จากหลักการคิดภาษีของสรรพากร จะคิดจาก “เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี”
และเงินได้สุทธิ = เงินได้พึงประเมิน - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน
ดังนั้น การบรรเทาภาระภาษีให้น้อยลง มี 3 กลยุทธ์หลักๆ (1) ทำลายเงินได้พึงประเมิน (2) เพิ่มค่าใช้จ่าย (3) เพิ่มค่าลดหย่อน ซึ่งค่าลดหย่อนเป็นสิ่งที่เราเลือกเองได้ว่าจะลือกใช้ตัวช่วยไหนดี
ในส่วนค่าลดหย่อนทั้งหมด ค่าลดหย่อนกลุ่มประกันและการออมเพื่อเกษียณ เป็นค่าลดหย่อนที่น่าสนใจที่สุดเพราะเงินที่จ่ายเพื่อซื้อประกันหรือออมเพื่อเกษียณ มันไม่ได้หายไปไหน ยังเป็นเงินของเราอยู่ และประโยชน์ก็เกิดกับเราและคนที่เรารัก นอกจากนี้ประโยชน์ที่ได้เพิ่มก็คือ ประโยชน์ทางภาษีแบบ 2 เด้ง คือ เงินที่ออมลดหย่อนภาษีได้ ผลตอบแทนที่ได้ไม่ต้องเสียภาษี
ซึ่งหากเรามีกำลังทรัพย์ที่เพียงพอ เราก็ควรใช้สิทธิทางภาษีของประกันและการออมเพื่อเกษียณให้เต็มเพดานที่สรรพากรให้ แต่หากเรามีกำลังทรัพย์ไม่เพียงพอ ต้องเลือกเพียงอย่างเดียว เราควรเลือกอย่างไรดี คำถามที่มักจะพบบ่อยๆ ก็คือ
✅ “ถ้ามีเงินจำกัด ต้องเลือกเพียงอย่างเดียว ระหว่าง RMF กับ ประกันชีวิต ควรซื้อตัวไหน”
การจะตอบคำถามนี้ เราก็ต้องพิจารณถึงความสำคัญของ RMF กับ ประกันชีวิต ว่าอะไรสำคัญกว่ากัน
ในชีวิตคนเรามีความกลัวมากมาย แต่ความกลัวหนึ่งที่ทุกคนมี คือ
➡️ กลัวว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิต
เช่น การเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร
➡️ กลัวว่าถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิต
เช่น การมีชีวิตยืนยาวกว่าเวลาอันควร
ทั้ง 2 อย่างมีโอกาสเกิดขึ้นกับทุกคน และมีความเสียหายที่มากเช่นกัน แต่หากถามว่าระหว่างความกลัวทั้ง 2 อย่างนี้ เรากังวลหรือกลัวเหตุการณ์ไหนมากกว่ากัน
คนส่วนใหญ่จะกลัวว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตมากกว่า เพราะแทบทุกคนมักมีความห่วงใยคนที่ข้างหลัง ไม่ว่าจะห่วงการศึกษาของลูกว่าจะหาค่าเทอมจากไหน ครอบครัวจะมีเงินใช้จ่ายได้อย่างไร ฯลฯ
ภาระทางการเงินเหล่านี้ย่อมใช้เงินจำนวนที่สูงมาก หากเรามีชีวิตอยู่ การทำงาน การออม หรือ การลงทุน อาจช่วยให้เราสามารถจัดการภาระทางการเงินเหล่านี้ได้ แต่ต้องใช้เวลา หากเรามีเวลา RMF จะตอบโจทย์ได้ดี ดังนั้น RMF หรือการลงทุนจะตอบโจทย์ “ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเรา” ได้ดี
แต่ “ถ้ามีอะไรเกิด” ซึ่งเราไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า เหมือนอย่างสุภาษิตธิเบตที่กล่าวว่า “พรุ่งนี้ กับ ชาติหน้า ไม่มีใครรู้ว่าอะไรมาถึงก่อน” ผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างเดียวที่สามารถสร้างเงินที่ต้องการได้ในวันเดียว หากชาติหน้ามาถึงก่อน คือ “ประกันชีวิต”
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ปิรามิดการเงิน จึงจัดให้การบริหารความเสี่ยง อยู่ฐานของปิรามิดทางการเงิน และไม่แปลกที่รายงานวิจัยชิ้นหนึ่ง พบว่า เศรษฐีไทยซื้อประกันชีวิตเพื่อรองรับ “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิต” ดังนี้
(1) ให้ธุรกิจดำเนินการต่อเนื่องได้
(2) วางแผนส่งต่อมรดก
(3) เป็นหลักประกันให้กับครอบครัว
ดังนั้น หากถามว่าระหว่าง “ประกันชีวิต กับ RMF” อะไรควรซื้อ คำตอบก็น่าจะเป็น “RMF” ส่วนประกันชีวิต “จำเป็น” ต้องซื้อ
#aomMONEY #วางแผนภาษี #ลดหย่อนภาษี #กองทุนรวม #ประกันชีวิต
โฆษณา