31 ต.ค. 2023 เวลา 05:47 • ปรัชญา
คนเรามันมีจุดที่อ่อนไหว ..อ่อนแอต่ออารมณ์ ความรู้สึก ..บางสิ่งบางอย่าง มันเหมือนติดขัดอยู่ในส่วนลึก เหมือนเป็นกรรมที่เราต้องชดใช้ ..เป็นอุปสรรคขัดขวาง ..ที่บางครั้งการยากจะเข้าใจ ..พอเราได้เริ่มมาเจอะเจอ พบพระที่แนะนำให้ ให้เราทำบุญ ให้เราหัดเดินจงกรม ปฏิบัติธรรม ท่านบอกให้เดินให้มากๆ ไม่ต้องไปนั่ง.. เวลาเดินก็เอามือซ้ายวางที่เหนือสะดือ มือขวาวางทับมือซ้าย ก่อนเดินก็กราบพระ
..เมื่อเราเดินตามพระ ..ทำมือให้แข็งๆ เยียดมือตรงๆ อย่าไปทำมือห่อเหี่ยว เหมือนเดินขอ..นั้นขอนี่ เป็นขอทานไป ..ทำใจให้มันฮึกเหิม ต่อสู่กับอารมณ์ความรู้สึก. ..ปล่อยวางอารมณ์ให้หมด ..ไม่นึกคิดอะไรเลย มีคำว่า จิตอยู่กับพุทโธ ที่พูดให้หูเราได้ยิน .เราก็เดินปฏิบัติธรรม ..บ่อยๆ ..อารมณ์ที่อยู่กับกาย..ที่ว่าเป็นแผลใจ ก็ค่อยได้จางคลายออก ..เหมือนมีน้ำธรรมมาหล่อเลี้ยงจิต ..สติของเราก็ดีขึ้น มีความเข้าใจในสิ่งที่ทำให้เกิด
ความรู้สึกทุกข์เกิดขึ้นเพราะอารมณ์ ..นั้นมันเป็นกรรมที่ติดอยู่ในธาตุทั้งสี่ เราก็ปฏิบัติไปเลย เมื่อจิตเราสามารถจุดเทียนธรรม สว่างขึ้นมาในจิตได้ เมื่อปฏิบัติธรรม ..จิตที่มีแสงก็ ช่วยขจัดสิ่งที่สกปรกเลอะเทอะออกไปได้ ที่จิตรับกรรม .จิตชดใช้กรรม ปลดปล่อยอารมณ์ให้เป็นอโหสิกรรม ..ไปจนถึงให้อารมณ์เป็นทาน .จิตก็จะมีความผ่องใสเกิดขึ้น ..เข้าใจเรื่องอดีต ไม่ไปยึดถือ ..เพราะเข้าใจว่า ที่มันเกิดขึ้น เพราะเราเป็นผู้สร้างกรรมมาเอง ..กรรมนั้นจึงมาเกิดขึ้นกับเรา เราก็แก้ไข สร้างบุญกุศลบารมี หนีกรรม
มันมีอยู่คำหนึ่ง ที่เรามักได้ยิน คำว่า สันตติ .ความเกิดดับ ต่อเนื่องกันไป .เราทำจิตเข้าไปเรียนรู้ในเรื่องราวของธาตุทั้งสี่ ..จิตที่อาศัยธาตุอยู่ ที่มีความต่อเนื่องกับธาตุนะโม .
เราก็จะเรียนรู้ สิ่งที่ไหลออกจากธาตุทั้งสี่ ..เป็นอารมณ์ ..ไหลออกมา ให้เรารู้จักเรื่องราวของอารมณ์
เรื่องราวของกรรม ที่มันสืบต่อเนื่องออกมาจากธาตุทั้งสี่ นี่ยังไม่พูดสิ่งที่นำเข้ามาทางวิญญาณทั้งหก แล้ ที่มันก็ยากที่..ยากเราจะบังคับควบคุมจิตให้นิ่งได้ ..เพราะสิ่งที่ไหลออกมา มันมีอะไรหลายอย่างให้ศึกษา ..จิตต้องมีความขันติ ..อยู่นิ่งเฉยๆ .ไม่ไปยึดถือในสิ่งต่างๆ ที่ไหลออกมา ต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน..ตรงนั้นก็เป็นอีดเรื่องหนึ่ง ..คือ ขั้นของปัญญาธรรมของจิต
โฆษณา