Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
BeeQueer ✍️
•
ติดตาม
31 ต.ค. 2023 เวลา 08:29 • นิยาย เรื่องสั้น
หมูกับแพะ
จำได้ว่าปี 2560 เมื่อประมาณมกราคมที่ร้านเหล้าร้านประจำในย่านอำเภอ อีแตงสาวสองผู้อ่อนเรียวเพียวลมในผมบ๊อบ ให้กำลังใจฉันที่หมดไฟในการหาผัวไปสักพักใหญ่แล้วว่า
"มึงต้องผอมลงหน่อย ไม่งั้นคนเขาไม่ชอบนะ"
ความสวยและมากหน้าหลายแฟนของนางแตงทำให้ฉันรู้แล้วว่าเคล็ดลับของเธอคนนี้คือส่วนเว้าส่วนโค้งที่เอวของเธอนี่เอง ประกอบกับการเป็นคนรักษาผิวพรรณให้เปล่งปรั่งเปล่งประกายเหมือนไฟบนเวทีส่องตลอดเวลาของหน่อย ทำให้ชายเทียมชายแท้ทั้งกองร้อยมาหลงถ้อยยั่วยวนของเธอทุ่งครั้งที่ได้ ไลน์จากชายหัวเกรียนเหล่านั้นมา
แสงเย็นส้มอมเหลืองของสวนสาธารณะหนองกวางดีด ย้อมสระน้ำขนาดใหญ่ให้ผิวแม่น้ำเป็นสีส้มระยิบระยับ ทุกครั้งที่ลมผ่าน ถนนยางมะตอยสีดำที่ล้อมรอบ สระน้ำนั้นเป็นเส้นทางให้คนชอบวิ่งยามเย็นได้ใส่ร้องเท้า new balance บ้าง PUMA บ้าง มาจ็อกกิ่งกันตามแต่เวลาว่างของตัวเอง
ฉันสวมรองเท้า Asics สีเขียวอ่อน และกำลังวิ่งเหย่าะ ๆ อยู่ที่ถนนยางมะตอยนี้เช่นกัน ผ่านลานแอโรบิคที่มีป้า ๆ ร่างฉุ ขยับแข่งขาตามจังหวะเพลง Lemon ของ Nerd & Rihanna ที่มิกส์มาให้เข้ากับจังหวะท่าเต็นพอดี มองไปด้านขวาเห็นชายไหล่หนาอุ้มลูกชายพาภรรยามาให้อาหารปลา และมองผ่านไปยังสระน้ำย้มส้มจะเห็นเป็นเงาตะคุ่มตะคุ่ม กำลังฟาดเม็ดเล็ก ๆ ในกำมือไปให้ปลาโผล่ขึ้นมาตอดกินกันทั้งฝูง
รอบที่สองเท่านั้นในระยะทางรอบละ 700 เมตร แต่นาฬิกาข้อมมือกลับขึ้นตัวเลขสีส้ม 168 bpm ซะอย่างนั้น จังหวัะในการวิ่งนั้นช้าพอที่จะไม่กดน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัมลงบนเข่าสองข้างเร็วเกินไปจนเสี่ยงต่อการเป็น เข่าเสื่อมในอนาคต
ฉันสูดลมหายใจลึกและเร็ว เหงื่อที่ไหล่ท่วมคงเป็นเพราะรู้สึกร้อนออกมาจากในอก หัวใจเต้นตูมตามจนได้ยินเสียงสอดประสานเข้ากับเพลงที่ลานแอโรบิกลงจังหวะพอดี ฉันเปลี่ยนจากวิ่งเป็นวิ่งช้า ๆ และช้าจนกลายเป็นเดิน พยายามรับเอาออกสิเจนรอบ ๆ นั้นเข้าไปในปอด ระบายความร้อนด้วยการเอามือสองข้างพัดวีที่ใบหน้า
"เฮ้ย...เดินแล้วเหรอ" เสียงสะกิดจากด้านหลัง เป็นยายหงษ์นักวิ่ง 54 ปีประจำถิ่น "เห็นได้สองรอบเอง" แหน่ะสังเกตซะด้วย
"เหนื่อยแล้วค่ะ" ฉันยิมแหย ๆ ส่งให้เพราะยังหายใจถี่รัวอยู่
"น้ำหนักเท่าไหร่แล้วล่ะ" เธอชลอแล้ววิ่งข้าง ๆ ฉันที่กำลังเดินก้าวยาว ๆ
"เอ่อ..."
"บอกมาเถอะ"
"ร้อยกว่าแล้วค่ะ"
"โอ้ยอ้วนแล้วระวังโรคเด้อ"
"ค่า" ฉันยิ้มแหย ๆ ส่งให้อีกครั้ง และมองไปทางอื่นไม่สบหน้าสบตายายคนนี้ต่อ
ฉันถูกเพื่อนชวนไปงานหมอลำ วงประถมบันเทิงศิลป์หรือหมอลำใจเกินร้อยก็จำไม่ได้แล้วตอนนั้น
"ไม่ไปหรอก"
"ไปค่ะ เพื่อนมาทั้งทีต้องไปค่ะ"
"ไม่เอาอ่ะนั่งยาก ยืนยาก ไปก็นก ไม่สวยเท่าเพื่อน"
"ก็ไม่ได้ให้ไปหาผู้ค่ะ ให้ไปดูหมอลำ ฟังเพลง ฟ้อน กินเหล้า"
"ไปทีไรกูก็ได้เฝ้าที่ตลอด"
"ไปค่ะ ต้องไป"
"..."
"งั้นไปค่ะ"
เงาดำล้อมรอบเวทีที่ส่องแสงไปบนท้องฟ้า เพื่นพสเรียกว่าไฟเรียกกะเทย ร้อบ ๆ เป็นต้นไม้สูงเท่าบ้านสองชั้นกระจายอยู่รอบ พื้นที่วัดที่จัดตั้งเวทีถูกย้อมไปด้วยแสงส้ม ม่วง เขียว ที่สะท้องมาจากบนเวลทีตามจังหวะเพลง
แดนซเซ่อในชุดสีส้มประดับด้วยกากเพชร และขนนกยาวเหนือหัวออกมาร่ายรำอยู่บนเวทีขั้นบันใด ตรงกลางเป็นนักร้องในชุดเหมือนลิเกสีน้ำเงินระยิบระยับด้วยเพชรเล่นแสง ที่คอมีแบงค์ร้อยที่เย็บให้เป็นแผ่นกลมเท่ากระด้งคล้องคออยู่
อีแตง อีโอ่ง อีดุจ อีฟ้า อีเมฆ ที่มาด้วยกันตอนนี้หายหัวเกลี้ยง บ้างก็ไปที่ลำโพงหน้าเวที บ้างก็เดินไปที่ป่ามันมืด ๆ บ้างก้ว่าไปห้องน้ำ แต่ก็ไปเสียนานสองนาน ทิ้งไว้แค่สัมภาระที่หิ้วมาด้วยไว้ที่เสี่อ และขวดพลาสติกที่ใส่เหล่าแสงโสมขวด โซดาขวด และเลย์อีกสองสามห่อให้ฉันมองต่างหน้า
นาน ๆ อีแตงจะทยอยกลับมาที และถามหาเพื่อน ๆ และจากนั้นมันก็บอกว่าจะไปตามหาทุกคนและก็หายไปอีกสองนาน ฉันสังเกตว่าทุกนางที่กลับมานั้นผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเหมือนไปมุดป่ายางมา บ้างก็เปียกที่กางเกงยีนบริเวณเข่าทั้งที่ตอนมาถึงยังแห้งดีแท้ ๆ
"พวกนั้นไปไหน"
"ไม่รู้"
"มึงก็ไปบ้างสิ" อีโอ่งที่รูแร่างเท่าฉันพูด
"มึงทำไมไม่นกวะอีโอ่ง กูล่ะไม่มั่นใจเท่ามึงเลย"
"จะเป็นอะไร คนเหมือนกัน"
"ค่ะ ไหว้ย่อ"
อีโอ่งเป็นเพื่อนคนเดียวที่รูปร่างเท่านฉัน ต่างกันแค่ส่วนสูงเท่านั้น จะว่าไปมันรูปร่างเข้าใกล้มะขามป้อมมากกว่าฉันเสียอีก แต่นางก็ไม่เคยได้รับตำแหน่งดาวเผ้าสำภาระเหมือนฉันเลยทุกครั้งที่ถูกชวนมาหมอลำ
มีอีโอ่งคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เคยสนใจในคำทักทัดทานในรูปร่างของคนที่พูดถึงรูปร่างมันเลย
ต่างจากฉันที่มักจะมีน้ำโหอยู่ในใจเสมอและก็ได้แต่แสดงออกว่าไม่เป็นไรไหวอยู่ทุกครั้งทุกครั้งไป อย่างไม่เข้าใจตัวเอง
เวลาตอนนี้ล่วงไปถึง 3.00 น. แล้ว เพื่อน ๆ ทุกคนกลับมาเติมเหล้า แล้วออกป่าเหมือนเดิม
ฉันสังเกตว่ามีผู้ชายร่างผม สูงประมาณ 175 เซนติเมตร ผอมเรียวไม่ค่อยมีกล้าม ไว้หนวดเป็นเคราแพะหล่อมแหล่ม สวมกางเกงยีนในเสื้อสีดำ ผิวไม่ขาวมาก มองมาที่ฉัน ฉันไม่แน่ใจเลยได้แต่ยิ้มให้ และเขาก็หันมายิ้มให้เช่นกัน
เขายกแก้วพลาสติกใส่น้ำสีอำพันขึ้นมาทางฉัน เป็นนัยว่าชนแก้วยังไงอย่างนั้น
ฉันที่กำลังเหวออยู่ตอนนั้นมองซ้ายมองขวาเผื่อว่าเขาจะหมายถึงคนอื่นก็ได้ ก็พบว่าบริเวณนั้นที่แค่ฉันที่นั่งอยู่คนเดียวท่ามกลางกองกระเป๋าและเหล้าเบียที่เสื่อ
เขายกแก้วอีกครั้งและยิ้มให้ฉันอีกครั้ง จากนั้นฉันก็ยกแก้วขึ้นตอบคำทักทายที่ไร้เสียงของเขา กระดกเหล้าเข้าปากพร้อมกันเป็นนัยว่ารับคำทักทายแม้จะอยู่ห่างออกไปกว่า 50 เมตร
เขาเดินลุกขึ้นจากวงเพื่อน และเดินมาทางฉัน ตายล่ะหว่า ฉันเอากระเป๋าที่วางข้าง ๆ มาบังท้องเอาไว้
ไม่ทันแล้วเขาเดินมาแล้วนั่งลงข้างฉัน
"มาคนเดียวบ้อ"
"มาหลายคนอยู่"
"ใสล่ะหมู่"
"จั๊ก ทิ่มของไว้ให้เฝ้าอยู่นี่ล่ะ"
เขายกแก้วขึ้นและชนแก้มกับฉันอีกครั้ง
"ไปหม่องนั่นบ่"
ฉันหัวใจเต้นรัวกว่าจังหวะกลองบนเวทีอีกตอนนี้ ทำไมไม่รู้ภาพของอีกโอ่งที่พูดคำว่า จะเป็นไร คนเหมือนกัน ผุดขึ้นในหัว
"ย่านของหาย"
"ไปคราวเดียว"
ฉันได้แต่มองซ้ายขวา เสียดายไปไม่ได้เพราะของที่เพื่อนเอามาอยู่นี่กันหมดเกิดของหายอาจจะกลายเป็นเรื่องก็ได้ใครจะรู้
สักพักอีโอ่งก็เดินโซซัดโซเซกลับมาที่เสื่อ และก็มองหน้าฉันและก็มองหน้าเขาคนนั้น แล้วก็กระซิบข้างหูฉันเหมือนรู้ทัน
"กูเฝ้าเอง"
ฉันมองไปที่ท้องอีกครั้ง เสียงของยายหงษ์และอีแตงดังขึ้นพูดว่าอ้วนแล้วนะ และฉันก็ใจสั่นอีกครั้ง
"ไปค่ะ" อีโอ่งพูดเสียงดังอีกครั้ง
ฉันมองไปที่พ่อเคราแพะเสื้อดำที่พยักหน้าให้ฉันและส่งตาหวานเชื่อม
และมองไปที่อีโอ่ง
และหันมาที่เขา แล้วพยักหน้าตอบกลับไป
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย