ประสบการณ์การใช้ประกันสังคม ครั้งที่2
หลังจากโพสท์ที่แล้ว ผมทิ้งท้ายว่าจะลองไปหาโรงพยาบาลเอกชนดู
ผลปรากฏว่า ผมก็ได้ลองไปให้เค้าตรวจจริงๆ
โรงพยาบาลเอกชนต้อนรับดีตั้งแต่เข้าประตู ใช้เวลาในการรอไม่นาน ผิดกับโรงพยาบาลรัฐมากๆครับ
ไม่ต้องพูดถึงสภาพอาคารซึ่งก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว (แน่สิ)
หลังจากได้พบหน้าแพทย์ ผมเล่าอาการคร่าวๆให้หมอฟัง หมอสั่งให้ผลไปนอนลงบนเตียง
จากนั้นหมอก็ทำในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง!!!
หมอเอานิ้วจิ้มๆตรงเข่า แล้วบอกว่าเจ็บตรงไหนให้บอกนะ ผมก็บอกไปตามอาการ
"อืมมม เอ็นก็อยู่ครบนะ"
ปมนี่แบบ ห๊ะ หมอรู้ได้ไงวะ ไม่ดึงไม่แตะเข่าอะไรมาก แค่จิ้มๆก็รู้แล้วว่าเอ็นอยู่ครบ เก่งเกิ๊นนนนน
หลังจากนั้นหมอก็ถามว่าจะลองทำกายภาพมั้ย ผมก็เลยลองนัดดู
แต่สุดท้ายก็ไม่ไปอยู่ดีแหละ ขี้เกียจอ่ะ พราะผมเองก็มั่นใจว่าอาการแบบนี้แค่กายภาพไม่หายหรอก
สุดท้ายก็ต้องกลับมารอทำ MRI กับโรงพยาบาลรัฐอยู่ดี
การเข้าทำ MRI คือไปถึงก็เดินเข้าไปวัดความดันด้วยตัวเอง แล้วไปยื่นเอกสารนัด แล้วก็รอเรียกชื่อประมาณชั่วโมงนึง
หลังจากเรียกชื่อ เค้าเรียกไปสามคน ซึ่งก็เข้าใจว่าหมดสามคนนี้น่าจะพักเที่ยงพอดี ผมได้เป็นคนที่สอง
เปลี่ยนชุดเตรียมเข้าเครื่อง เค้าจะมีล็อกเกอร์พร้อมกุญแจไว้ให้ในห้องเปลี่ยนชุด ไว้เก็บสัมภาระต่างๆ
เสร็จแล้วนั่งรอไปอีกชั่วโมงนึงกว่าจะถึงคิว ระหว่างนั้นก็สัปหงกไปพลางๆ เน็ตตรงแถบนั้นก็ดีบ้างแย่บ้างตามประสา
พอถึงคิว หมอให้เอาของที่มีทั้งหมดวางทิ้งไว้บนโต๊ะ พวกมือถือ กุญแจล็อกเกอร์ แว่น
หลังจากนั้นหมอจะเรียกขึ้นเตียงแล้วเอาอุปกรณ์มาล็อกตรงเข่า (หรือส่วนที่ต้องการทำ)
โชคดีที่ผมเป็นที่เข่า ตอนเข้าเครื่องเลยเข้าแค่ครึ่งล่าง ไม่รู้สึกอึดอัดเท่าไหร่ ถ้าเกิดเป็นคนที่มีปัญหาตรงไหล่แล้วต้องยัดตัวเข้าอุโมงค์แคบๆแบบนั้นคงอึดอัดน่าดู
ก่อนจะเริ่มกระบวนการ หมอจะให้ใส่ที่ครอบหูเอาไว้เพราะเครื่องเสียงดังมาก ขนาดครอบแล้วก็ยังดังมากจริงๆ
ใช้เวลาในการทำ MRI เกือบๆชั่วโมง ระหว่างนั้นหมอจะบอกให้เราทำตัวให้นิ่งที่สุด อย่ากระดุกกระดิก ผมก็เลยหลับบ้างตื่นบ้าง
หลังจากหมอถ่ายเข่าจนสาแก่ใจแล้วก็เดินมาปลุก(?) ให้เรากลับบ้านได้ วันนี้มีแค่นี้เลย จบ
ผ่านไปเกือบๆเดือน คืออีกสองวันก็ครบเดือนจริงๆ ผมก็ไปหาหมออีกรอบเพื่อฟังผล MRI
รอบนี้ก็รอคิวไปตั้งแต่8โมง ได้เจอหมอ11โมง
เข้าไปในห้อง รอบนี้เป็นหมอหนุ่มๆ ไม่ใช่อาจารย์หมอแบบครั้งที่แล้ว
หมอก็เปิดไฟล์ดู แล้วก็บอกว่าเอ็นไขว้หน้า(acl)ขาด เอ็นหลังยืด หมอนรองเข่าขาดนิดหน่อย
แล้วก็ถามว่าอยากผ่ามั้ย อยากผ่าสิครับ อยากผ่าแน่นอน ตอบตกลงไป หมอก็บอกว่าโอเค งั้นเดี๋ยวมานัดวันผ่าอีกที อยากมานัดวันไหน
งงมั้ยครับ คือนัดครั้งหน้า เราจะมาคุยกันว่าจะผ่าวันไหนนั่นแหละ
แล้ว.. ทำไมไม่นัดตั้งแต่วันนี้ไปเลยวะ... ตอนนั้นยังคิดไม่ทันเพราะรอคิวนานจนเพลีย ก็เออๆออๆไป นัดด่วนสุด อาทิตย์ถัดไปเลย
ไอ้ความยาวนานในการรอคอย การที่ต้องมานัดซ้ำซ้อนอะไรแบบนี้แหละ ผมถึงได้อยากไปตรวจกับเอกชนในทีแรก
แต่เพราะหมอเอกชนคนนั้นทำแค่เอานิ้วจิ้มๆแล้วพูดฟันธงราวกับมีสายตามองทะลุได้นี่แหละ ผมเลยยังคงต้องมาต่อคิวบ้าๆแบบนี้
ผ่านไปสัปดาห์เดียว ก็ถึงวันนัดเพื่อนัดผ่า ผมก็ไปต่อคิวสุกยาวอีกครั้ง ได้เจอหมอราวๆ 11โมงเช่นเคย
รอบนี้เจออาจารย์หมอ หมอก็ถามไถ่คร่าวๆ เลยบอกว่าวันนี้มานัดผ่าครับ หมอก็อธิบายเรื่องผ่าตัดคร่าวๆ
ซักพัก หมอก็ถามว่า "เอ๊ะ นี่ผมเคยเห็นผล MRI รึยังนะ"
เอ๊า หมออออ ยังแหละครับ ผมว่า ก็บอกแกไปแบบนี้ แกก็เปิดๆดูไฟล์ แล้วก็อธิบายคร่าวๆซ้ำกับอาทิย์ที่แล้ว อ้าว แล้วนัดอาทิตย์ที่แล้วทำหยัง
สุดท้ายหมอก็นัดวัน เป็นปลายมกราคมปีหน้าเลย หมอบอกว่าก่อนโควิดนี่คิวผ่ายาวปีครึ่ง คิดในใจว่าถ้าปีครึ่งก็คงไปผ่าเอกชนแหละ
เสร็จแล้วหมอก็อธิบายต่อไปอีกว่า ประกันสังคมนี่ครอบคลุมการผ่าเข่าเกือบทั้งหมดนะ แล้วส่งต่อให้หมอหนุ่มอีกคนมาคุยเรื่องค่าใช้จ่ายแทน ส่วนตัวแกก็คุยกับคิวถัดไปทันที
หมอหนุ่มคนนี้ที่มาคุยท่าทางเหมือนแนคชาลีในด้านสไตล์คำพูด เค้าก็ดูๆพักนึงแล้วหายออกไปนอกห้อง แล้วกลับมาพร้อมตัวเลข
สรุปว่าค่าใช้จ่ายที่ต้องออกเองในการผ่าตัดครั้งนี้ก็คือออ
6,300 บาท
ถ้าผ่าเอกชนทั้งแพคเกจก็จะราคาราวๆ 175,000บาทขึ้นไป จนถึงสามแสนได้
ก็ถือว่าเป็นการใช้ประกันสังคมที่คุ้มค่าดี เพราะทุกวันนี้เราๆท่านๆจ่ายกันปีละ 9,000บาท นายจ้างสมทบอีก 9,000 (ในกรณีที่จ่ายเดือนละ750ล่ะนะ) แถมรัฐยังจ่ายสมทบอีกด้วยนะ
เท่ากับว่าปีนึงนี่ตั้งเกือบสองหมื่น แพงมากๆ
จริงๆนอกจากค่ารักษาแล้ว สุดท้ายประกันสังคมมันจะเป็นเงินเกษียณด้วย ซึ่งเท่าที่เคยเห็นข่าวมาก็รู้สึกว่าสุดท้ายแล้วมันจะไม่มีเงินเหลือพอจ่าย
และก็เห็นว่ากำลังจะมีการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคมด้วย ถ้าได้คนเก่งๆมาดูแลก็คงจะดี เผื่อจะมีหวังกับเงินเกษียณขึ้นมาบ้าง
แบบนี้ก็คงไปลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิ์เลือกตั้งแล้วสินะ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
