1 พ.ย. 2023 เวลา 05:30 • ปรัชญา

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อปี ๒๕๒๖ น้ำท่วมกรุงเทพฯ

จำได้ว่าท่วมตั้งแต่เดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคมของปี ๒๕๒๗ น้ำท่วมหนักกว่าปี ๒๕๕๔ แต่ทางกทม.จัดการได้เร็วกว่ามาก
เพียงแต่ว่าบ้านอาตมาสร้างกรรมเอาไว้เยอะ อยู่ห่างจากแยกศรีนุช ก็คือแยกอ่อนนุชตัดกับถนนศรีนครินทร์แค่ป้ายรถเมล์เดียว ทางกทม.ทำคันกั้นน้ำเอาไว้ที่แยกศรีนุช แล้วสูบน้ำจากข้างในออกมา บ้านอาตมาก็เลยโดนท่วมไปจนถึงเดือนพฤษภาคมของปี ๒๕๒๗
ตอนแรก ๆ ที่ท่วมก็ยังอุตส่าห์ไปซื้ออิฐบล็อกมาก่อเพื่อที่จะกันน้ำไม่ให้เข้าบ้าน พอก่อไปได้ ๓ ชั้นน้ำก็ยังขึ้นมาเรื่อย ๆ ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย แต่คราวนี้อิฐบล็อก ๓ ชั้นนี่ก็สูงเป็นเมตร พอถึงเวลาน้ำลด มีแต่ปลาเต็มบ้าน เข้ามาแล้วออกไม่ได้ กลายเป็นบ่อเลี้ยงปลาไปเลย ต้องเสียเวลาจับไปปล่อยอีก
ในช่วงนั้นวันแรกที่ไปส่งหลวงพ่อวัดท่าซุงที่บ้านบางโพของคุณฉวีวรรณ สรรพกิจ น้ำท่วมสูงมาก
ประมาณเลยหัวเข่าแล้ว จำได้ว่าบ้านของคุณฉวีวรรณ สรรพกิจ ที่อยู่ใกล้ ๆ กับห้างบางลำพู น้ำจวนจะถึงบันไดขั้นแรก อาตมาเดินจากบางโพออกมาทางด้านประดิพัทธ์ สะพานควาย เข้าอนุสาวรีย์ชัยฯ ออกไปราชปรารภ จะกลับบ้านที่ซอยอ่อนนุช จึงต้องมาทางด้านสุขุมวิท เดินมาเกือบถึงตลาดพระโขนง น้ำก็ถึงหน้าอกแล้ว รถไม่มีวิ่ง
มีแต่เรือพายส่วนตัวลำเล็ก ๆ บางคนก็ต่อแพด้วยยางในรถยนต์ ๒ เส้น เอาไม้พาด ๒-๓ แผ่นแล้วผูกเชือกไว้ ได้เห็นรถกับเรือชนกันก็วันนั้นแหละ
ในเมื่อยังไม่ทันถึงปากซอยเข้าบ้านน้ำก็มาถึงหน้าอกแล้ว ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าที่บ้านจะขนาดไหน จึงตัดสินใจเดินกลับ จากพระโขนงเดินย้อนมาทางสะพานควาย เข้าไปนอนที่บ้านสายลม
บ้านสายลมเหลือแต่ชั้นบน ชั้นล่างท่วมหมดเกลี้ยงไปแล้ว"
"หลังจากนั้นทุกต้นเดือนก็ไปรับใช้หลวงพ่อวัดท่าซุงที่บ้านสายลมเป็นปกติ ต้องลุยน้ำประมาณขาอ่อนออกจากบ้าน ซึ่งตอนนั้นหนังสือพิมพ์เขาก็แซวกัน ผู้สื่อข่าวชายบอกว่าน้ำท่วมถึงระดับ "หัวเทียน" ผู้สื่อข่าวหญิงบอกว่าน้ำท่วมถึง "จานจ่าย" เห็นคนเป็นรถยนต์ไปได้
พอถึงเวลาไปถวายการรับใช้หลวงพ่อเสร็จสรรพ ก็ต้องลุยน้ำกลับบ้านทุกวันเป็นปกติ ไปวันศุกร์กลับคืนวันจันทร์ เพราะว่าเช้าวันอังคารหลวงพ่อท่านก็เดินทางกลับวัดท่าซุงแล้ว
ที่เล่าให้ฟังก็คือ ภัยธรรมชาติหรืออุปสรรคต่าง ๆ ไม่สามารถที่จะขวางกั้นการปฏิบัติธรรมของเราได้ ไม่ใช่แค่เมฆมืด ๆ
ฟ้าร้องหน่อยเดียวเราก็ไม่ไปแล้ว แต่โยมไม่มาก็ดี อาตมาจะได้สบาย และครั้งนั้นเป็นครั้งเดียวในชีวิต ที่อาตมานุ่งกางเกงขาสั้นไปทำบุญ
ปรากฏว่าโดนป้าหมอลัดดา จารุวัฒน์ ตักเตือน ป้าหมอแกดึงหลบเข้าไปห้องใน บอกว่า “ไอ้หนู...หลวงพ่อเรามีคนมาหาทั้งประเทศ คนมาก็อยากถ่ายรูปหลวงพ่อไว้เป็นอนุสติ แกอยู่รับใช้ข้างหลวงพ่อ นุ่งกางเกงขาสั้นดูไม่เรียบร้อย ถ้ารูปถ่ายออกไปบางคนจะหาว่าหลวงพ่อท่านไม่ให้การอบรม”
ก็เรียนป้าหมอบอกว่า “บ้านผมน้ำท่วมครับป้า ยันขาอ่อนเลย ถ้าไม่ใส่ขาสั้นนี่ก็ออกจากบ้านไม่ได้”
ท่านบอกว่า “เอากางเกงขายาวใส่ถุงถือมาด้วย พ้นจากที่น้ำท่วมแล้วก็ใส่กางเกงขายาว” นั่นเป็นครั้งเดียวและวันเดียวในชีวิต ที่อาตมาใส่กางเกงขาสั้นไปทำบุญ หลังจากนั้นมาไม่เคยทำอีกเลย
เพราะถือว่าผู้ใหญ่ท่านรอบคอบกว่า ท่านเมตตาเตือนแล้ว ดังนั้น..เวลาเห็นญาติโยมทั้งหญิงผู้ชายใส่กางเกงขาสั้นมาทำบุญที่นี่ อาตมาก็พยายามนึกว่าเขาต้องมีความจำเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง พยายามช่วยนึกแต่เรื่องที่ดี ๆ ไว้ เราจะไม่ตำหนิใคร..ใช่ไหม ? ยกเว้นว่าด่าไปเลยให้หมดเรื่องหมดราว..!
ได้เห็นความเมตตาของผู้ใหญ่ และได้เห็นวิธีการที่ท่านแนะนำสั่งสอน ท่านไม่ตำหนิต่อหน้าคนหมู่มาก
ดึงเข้าไปในห้องเป็นการส่วนตัวแล้วค่อยบอก นักปราชญ์ท่านถึงได้ว่า ชมคนให้ชมต่อหน้าคนมาก ๆ แต่ถ้าหากว่าจะด่าใครให้ด่าลับหลังคนอื่น เพราะว่าแต่ละคนมีสักกายทิฐิคือตัวกูของกู ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า "อีโก้" ถ้าไปตำหนิต่อว่าต่อหน้าประชาชี เขารับไม่ได้ เพราะฉะนั้น..ให้ช่วยเมตตาเขาหน่อย ไม่จำเป็นจริง ๆ ก็อย่าไปด่าต่อหน้า...(บ่อยนัก)..."
เก็บตก​บ้าน​วิริ​ย​บารมี
เดือน​ตุลาคม​ ๒​๕​๕​๘
โฆษณา