1 พ.ย. 2023 เวลา 17:51 • ข่าวรอบโลก

สงครามยิว-ปาเลสไตน์ ตอนที่1

หมายเหตุของผู้เขียน : คำว่า “ยิว” ในที่นี้เป็นคำเรียกรวมสามัญนามทั่วไปสำหรับชาวฮีบรูว์สมัยโบราณจนถึงชาวอิสราเอลในปัจจุบัน เช่นเดียวกับคำว่า “ปาเลสไตน์ “หมายถึงชาวปาเลสไตน์สมัยโบราณที่อาศัยอยู่ในบริเวณชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและอาฟริกาเหนือที่อาจสืบเชื้อสายมาจาก ชาวฟินิเชี่ยนโบราณหรือที่เรียกกันว่าชาว “ ฟิลิสตีน” ทั้งสองคำไม่มีเจตนาหรือความตั้งใจที่จะใช้เป็นคำที่สร้างความด้อยค่า เกลียดชัง ล้อเลียน อาฆาตมาดร้าย หรือใช้เป็นคำตำหนิที่มีอคติไปในทางใดทางหนึ่ง
1
ฮาสิดิคยิวผู้เคร่งในศาสตร์แห่ง Kabbalah วิชาลึกลับของยิวอาชเกนาซี
1. ยิวและปาเลสไตน์เป็นชาติที่น่าสงสารเพราะทั้งสองต่างถูกปราบและถูกเนรเทศร่อนเร่ไปตามประเทศต่างๆและถูกรังแกรังเกียจจากทุกประเทศที่ตนเข้าไปเร่ร่อนขออาศัย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะยิวและปาเลสไตน์แข่งกันในทุกเรื่องและเป็นศัตรูไม่เผาผีมาแต่ดึกดำบรรพ์ แต่ที่สำคัญยิวเป็นชาติพันธุ์ที่พิเศษมีชื่อด้านความฉลาดร่ำรวยและชอบหาวิธีรวยทางลัดหากินกับการได้กำไรจากการให้กู้นอกระบบแก่ลูกหนี้เรียกดอกโหด แม้แต่กระทั่งบทละครเชคสเปียร์ก็ยังนำเรื่องยิวไชล้อคที่คิดดอกพิสดารโดยให้ลูกหนี้เฉือนเนื้อมาจ่ายแทนดอกเบี้ยมาเป็นละคร
2
2. ยิวคือใคร? มาจากที่ไหน? และทำไมมาเร่ร่อนอยู่ในยุโรปรวมทั้งดินแดนในปาเลสไตน์และกลุ่มประเทศอาหรับและประเทศมุสลิม?และเหตุใดยิวจึงเป็นคู่แค้นก่อสงครามกับปาเลสไตน์ไม่หยุดหย่อน?…วันนี้ริชชี่จะมาเล่าให้ฟัง
1
3. ประวัติศาสตร์ชาวยิวมีมาเป็นช้านานอย่างน้อยมากกว่า 3000 ปีที่แล้ว โดยมีประวัติไบเบิ้ลว่าโจชัว นักรบคนหนึ่งของโมเสสเข้าตีเมืองเจริโคและทำลายกำแพงเมืองเจริโคซึ่งสร้างโดยชาวคานาอันยุคหินใหม่เมื่อ 9000 ปีก่อนคริสตกาล ( กคศ )
4. เมืองเจริโคเป็นเมืองที่มีกำแพงเมืองป้องกันมีค่ายคูประตูหอรบ สร้างก่อนกรุงเยรูซาเล็มหลายพันปี ในคัมภีร์ไบเบิ้ลได้กล่าวถึงยิวหรืออิสราเอลในบันทึก Exodus ที่กล่าวถึงโมเสสที่นำทาสชาวยิวหลบหนีออกจากอียิปต์ ในบันทึกของอียิปต์สมัยโอรสของฟาโรห์รามเสสที่สอง คือพระเจ้าฟาโรห์เมอเรนเนปธา ( ครองราชย์ 1213-1203 กคศ หรือ 3236 ปีล่วงมาแล้ว) ก็ได้กล่าวถึงชาวอิสราเอลที่อยู่ที่อียิปต์ในช่วงรัชกาลอันยาวนานของพระเจ้าฟาโรห์รามเสสที่สอง ( 1303-1213 BC )
1
มัมมี่รามเสสที่สอง เชื่อว่าเป็นฟาโรห์ของโมเสส ในคัมภีร์ไบเบิ้ล
5. ต่อมาหลังจากที่ภูเขาไฟธีร่าหรือซันโตรินี่ระเบิดในช่วงปี 1400 กคศ อารยธรรมชายฝั่งกรีก และคานาอัน รวมทั้งอารยธรรมเกาะครีตถูกทำลายลงทั้งหมดด้วยคลื่นยักษ์ซูนามิ…
6. แต่อารยธรรมยุคสำริดใหม่บนคาบสมุทร บอลข่าน และอนาโตเลีย ที่รอดจากภูเขาไฟระเบิด อันได้แก่ที่ราบสูงกรีซตุรกีและคานาอัน ก็ต้องมีอันล่มสลายลงอีกเพียง 200 ปีต่อมา อันเป็นการสิ้นสุดยุคสำริดในตะวันออกกลางและเมดิเตอร์เรเนียน
7. โดยในปี 1200 กคศ ชนเผ่าลึกลับจากคาบสมุทรบอลข่าน 12 เผ่าผู้ใช้เหล็กเป็นอาวุธได้โจมตีอารยธรรมสำริดในเกาะมิโคนอส อาณาจักรไมซีเนียน อาณาจักรอานาโตเลีย และอารยธรรมชายฝั่งคานาอันทั้งหมด รวมทั้งโจมตีอียิปต์ ในสมัยรามเสสที่สาม หนึ่งในจำนวน12 เผ่านั้นคือชาวฟีนีเชีย หรือฟิลิสตีนหรือปาเลสไตน์ในปัจจุบัน
1
8. ชาวฟิลิสตีนกลายมาเป็นศัตรูคู่แค้นกับชาวยิวในช่วงหลังยุคสำริดเริ่มต้นยุคเหล็ก ดังปรากฎในการต่อสู้ระหว่าง เดวิด ( ต่อมาเป็นกษัตริน์องค์แรกของเยรูซาเล็ม ) เด็กเลี้ยงแกะที่ใช้หนังสติ๊กกับก้อนหินฆ่านักรบยักษ์โกไลแอธ ชาวฟิลิสตีน และตำนานไบเบิ้ลเรื่องแซมซั่นที่ทำลายวิหารและสังหารกษัตริย์ฟิลิสตีนที่เมืองหลวงในกาซาในยุค” ผู้พิพากษา”
รักเล่ห์เร่รักซ้อนซ่อนรักเร้นเช่นเชิงชาย อกหักรักบ่คลายมลายรักหักอกตรมระหว่างแซมซั่นชาวยิวกับดีไลลาห์ชาวปาเลสไตน์ที่กาซา
9. ในยุคต่อๆมาเยรูซาเล็มถูกโจมตีและปกครองโดยมหาอำนาจหลายอาณาจักร เริ่มจากอาณาจักรอัสซีเรีย โดยจักรพรรดิ เซ็นนาเชอริบ โอรสซาร์กอนที่สองในปี 701 กคศ โดยเผ่าอิสราเอลทั้งสิบเผ่าถูกปราบราบคาบแก้ว และต่อมาจากอภิมหาอำนาจอิรัคจากกรุงบาบิลอนคือ เนบูคาเน็ซซ่า ที่สอง ( 642-562 กคศ ) กษัตริย์บาบิลอนองค์ที่สอง ผู้ร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้า และผู้สร้างสวนลอยแห่งบาบิลอน แต่ยิวก็ได้รับการปลดปล่อยจากไซรัสมหาราชแห่งอิหร่านหรือเปอร์เซีย ( ครองราชย์ 550-530 กคศ ) แห่งราชวงศ์ อคาเมนิด ทำให้ได้เป็นอิสระอีกครั้ง
10. จากการพ่ายแพ้ติดๆกันทำให้อิสราเอลตอนเหนือและยูดาห์ตอนใต้ถูกกลืนชาติและสิ้นชาติในเวลาต่อมาโดยเผ่าอิสราเอลและยูดาห์ไม่ได้กลับมาที่ดินแดนแห่งพันธะสัญญาของพระเจ้าอีก และชาวยิวได้กระจัดกระจายแตกกระสานซ่านเซ็นกระเด็นอยู่ในเอเซียกลาง อิรัค อิหร่าน อียิปต์ และปาเลสไตน์ในคานาอันแต่ไม่ดำรงความเป็นชาติ และต่อมาถูกปกครองโดยกรีกและโรมันในสมัยอเล็กซานเดอร์มหาราช และ จักรพรรดิออกัสตัส ลูกบุญธรรมจูเลียส ซีซาร์
11. ในยุคอิสลามเรืองอำนาจจนถึงสมัยสงครามครูเสด (ค.ศ. 632-1291 ) เยรูซาเล็มตกเป็นของมุสลิมซึ่งทำสงครามและปกครองดินแดนแถบปาเลสไตน์เป็นเวลานานถึง 700 ปี นับตั้งแต่พระมูฮัมหมัดตายในปี632 ( คัมภีร์กุรอานว่าไปขึ้นสวรรค์ที่สุเหร่าอัลอักษะในกรุงเยรูซาเล็ม ) และกาหลิฟคนแรก อาบู บาเกอร์ ก็มาตายติดๆในปี 634
พระมูฮัมหมัด
12. โอมาร์ กาหลิฟคนที่สอง (ค.ศ. 634-644 ) ได้เริ่มทำสงครามศาสนาอิสลามต่อจากพระมูฮัมหมัดโดยโค่นราชวงศ์ ศาสานิด แห่งเปอร์เชีย และในปีค.ศ. 638 ได้สร้างสุเหร่าโอมาร์ที่ “อารยูซาเล็ม” ซึ่งกลายเป็นสนามรบแห่งการแย่งชิงระหว่างชาวยิว ชาวคริสต์และมุสลิมในสงครามครูเสด และสงครามมุสลิมอื่นๆด้วยกันเอง…เพื่อแย่งชิงเยรูซาเล็ม…เยรูซาเล็มถูกโจมตี 52 ครั้ง ถูกยึดเมือง44 ปิดล้อม 23 และถูกทำลาย 2 ครั้ง…
13.ราชวงศ์แรกของศาสนจักรอิสลามที่ปกครองเยรูซาเล็ม เป็นลูกชายของขุนนางคนหนึ่งของพระมูฮัมหมัดชื่อ มาอูวียาห์ ได้ตั้งราชวงศ์มาอูวิยาห์หรือ “อุไมยาด” ที่กรุง ดามัสคัส ซีเรีย
14. หลังจากมาอูวียาห์ปราบลูกเขยของพระมูฮัมหมัดคือ อาลี และเชื้อพระวงศ์สายพระมูฮัมหมัดในช่วงหลังพระมูฮัมหมัด สิ้นพระชนม์ ( ค.ศ. 632 )ได้เกิดสงครามกลางเมือง (ค.ศ. 656-661 ) ขึ้นในหมู่พระญาติและมิตรสหายของพระมูฮัมหมัดกับเหล่าขุนนางที่แย่งชิงอำนาจกันระหว่างผู้ต้องการสืบทอดตระกูลเชื้อพระวงศ์ ของพระมูฮัมหมัด กับ ฝ่ายอุไมยาด โดยฝ่ายหลังได้สังหารกาหลิฟ องค์ที่สาม ออซมัน (644-656) และลูกเขยพระมูฮัมหมัดชื่ออาลี( ตาย มกราคม 661 )ผู้นำชีอะห์สำเร็จ
2
15. ราชวงศ์สายพระมูฮัมหมัดตระกูลที่สองที่ปกครองเยรูซาเล็มคือราชวงศ์อับบาส( 750-1258 และ 1261-1517 ) ตามชื่อ อับบาส อิบิน อัล มูตาลิบ อาของพระมูฮัมหมัด (556-653 ) ขึ้นเป็นอิหม่ามหรือเอมีร์และต่อมาอิหม่ามอัลมันซูร์ตั้งเมืองหลวงที่แบกแดดในปี 762 ใกล้เมืองหลวงเก่าบาบิลอนในอิรัค ราชวงศ์อับบาสต่อมาพ่ายแพ้ต่อแม่ทัพมองโกลฮูเลกูหลานเจงกีสข่าน ในปี 1258 แต่กองทัพมามลุคแห่งไคโรได้ขับไล่กลับไปแบกแดดและในข่วง 700 กว่าปี ได้ย้ายเมืองหลวงถึง 8 แห่ง ไปที่แบกแดด และสุดท้ายย้ายไปที่ไคโร
16. ราชวงศ์ฟาติมะห์( ราชวงศ์สายมูฮัมหมัดราชวงศ์ที่สามซึ่งเป็นทายาทของลูกสาวโมฮัมหมัดปกครองไคโร ) ได้เริ่มก่อตั้งในปี 969 แต่อ่อนแอและต้องมาพ่ายแพ้ต่อเซลจุกเติร์กจากตุรกีในปี 1075 ทำให้สันตะปาปาเออร์บันที่สอง เรียกร้องให้ชาวคริสต์ทำสงครามครูเสดเพื่อยึดเยรูซาเล็มคืนมาในปี 1099
17. แต่ต่อมาเยรูซาเล็มได้กลับตกเป็นของราชวงศ์ไอยยุบที่ไคโร นำโดยซาลาดินผู้พิชิตเยรูซาเล็ม ในปี1187 ผู้ได้รบกับพระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์แห่งอังกฤษในสงครามครูเสดครั้งที่สาม จนจบลงด้วยอังกฤษขอหย่าศึก
18.การรบต่อๆมาเพื่อแย่งชิงเยรูซาเล็มจบลงในปี 1291 เมื่อกองทัพคริสเตียนครูเสดแพ้ต่อ ราชวงศ์มามลุคแห่งอียิปต์ ในการรบที่เอเคอร์ อันเป็นการจบสงครามครูเสดที่กรุงเยรูซาเล็มในตะวันออกกลางหลังรบกันมา 192 ปี…
19. แต่จนแล้วจนรอดเยรูซาเล็มก็ไม่พ้นเงื้อมมือเซลจุกเติร์กแห่งตุรกีที่กลับมาเป็นมหาอาณาจักรอีกครั้งแห่งออตโตมันโดยเยรูซาเล็มตกเป็นเมืองขึ้นของราชวงศ์ออตโตมันปกครองโดยจักรพรรดิออสมันในปี 1299 จักรพรรดิเมห์เหม็ดที่สองมหาราชผู้พิชิตคอนสแตนิโนเปิลในปี 1453 ได้ตั้งเมืองหลวงที่นั่น ก่อนยกทัพข้ามช่องแคบบอสฟอรัสเข้าตียุโรป และออสเตรีย-ฮังการี โดยมุ่งหมายจะเข้าตีโรม แต่สิ้นพระชนม์เสียก่อน
20.ในขณะเดียวกันกองทัพอิสลามที่กรุงไคโรภายใต้การนำของราชวงศ์อุไมยาดได้กลายเป็นกองกำลังมหึมาทำสงครามศาสนาแผ่อาณาเขตไปทางตะวันตกในอาฟริกาเหนือและยุโรปตอนใต้ระหว่างปี 661-750 โดยได้รบชนะเผ่าเร่ร่อนชาวเบอร์เบอร์ที่ คาร์เถจ (ในตูนีเซียปัจจุบัน)
1
21. ในปี 711 ชาวมัวร์ หรือโมรอคโคหรือเบอร์เบอร์ ร่วมกับกองทัพอุไมยาดได้รุกข้ามอาฟริกาเหนือ และข้ามช่องแคบยิบรอลต้า เข้ายึดสเปนและบุกเข้าฝรั่งเศสก่อนที่จะถูก “ขุนค้อนชาร์ลส์ มาร์แตล” ปู่ของชาร์ลส์เลอมาญหยุดกองทัพมุสลิมไว้ที่เมือง ตูรส์เมื่อเดือนตุลคม 731 ( Tours ห่างจากปารีสเพียง 150 ไมล์ หรือเพียง 240 กม ) ทำให้กองทัพมุสลิมต้องถอยจากฝรั่งเศสกลับไป คอร์โดบา เมืองหลวงราชวงศ์อุไมยาดที่สเปนและไม่ได้กลับเข้าไปที่ฝรั่งเศสอีกเลย
22. มุสลิมปกครองสเปนอีก 761 ปีต่อมา…ในปี 1492 หลังจากที่สเปนได้รับชัยชนะในการรบเพื่อปลดแอกมุสลิมที่ นครกรานาดา พระนางอิสซาเบลล่าได้ออกคำสั่งขับยิว 3 ล้านคน ( ครึ่งหนึ่งของชาวยิวทั่วโลกขณะนั้นอาศัยอยู่ในสเปนเพราะราชวงศ์อุไมยาดให้การคุ้มครองชาวยิว ) ออกจากประเทศสเปน
1
พระนางอิสซาเบลล่าแห่งคาสตีลผู้รวมชาติสเปนและปลดแอกสเปนจากมุสลิมผู้ออกคำสั่งขับไล่ยิวและมุสลิมออกจากสเปนในวันเดียวกันกับที่ให้ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสเดินทางสำรวจเส้นทางตะวันตกไปอินเดียจนค้นพบโลกใหม่ในปี 1492
23. และทรงประกาศเสรีภาพและอิสรภาพจากศาสนาจักรมุสลิม โดยจะยกเว้นให้ถ้าเข้ารีตนับถือศาสนาคริสต์เป็นชาวคริสตัง ในวันเดียวกันนั้นได้ประกาศลัทธิล่าอาณานิคมขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกโดยพระนางและพระสวามีพระเจ้าเฟอร์ดินานด์แห่งอารากอน ตัดสินใจแข่งกับโปรตุเกส ซึ่งยึดเส้นทางเดินเรือไปอินเดียทางตะวันออก
24. พระนางส่งคริสโตบัล โคโลน หรือ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักเดินเรือจากเมืองเจนัวประเทศอิตาลี ไปสำรวจเส้นทางเดินเรือใหม่ทางตะวันตกเพื่อไปอินเดีย แผ่ศาสนาคริสต์ ล่าสมบัติและค้าเครื่องเทศหาเงินเข้าประเทศ และที่สำคัญโคลัมบัสออกเดินทางวันเดียวกันกับที่พระนางอิสซาเบลล่าประกาศยึดทรัพย์ชาวยิวและขับยิวออกนอกประเทศสเปน
25. ในยุโรปขณะนั้นก็มีชาวยิวปะปนอยู่หลายล้านแต่ไม่มีใครทราบชัดว่ายิวที่หลบสงครามในเยรูซาเล็มและปาเลสไตน์ ไปอาศัยอยู่ทั่วยุโรป สเปน อาฟริกาตอนเหนือ และรัสเซีย ได้อย่างไร และทำไม แต่เชื่อว่าจากสงครามในตะวันออกกลางที่รบกันต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบพันปีน่าจะทำให้เกิดการอพยพเข้ายุโรปเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า เช่นเดียวกับยิวเซฟาดิคจากสเปนในช่วง 1492- 1661
1
26. โดยยิวเผ่าอาชเกนาซีน่าจะอพยพไปอาศัยที่ยุโรปตะวันออก ตั้งแต่คริสตศตวรรษที่10 เมื่อมุสลิมมีอำนาจสูงสุดโดยเดินทางข้ามช่องแคบบอสฟอรัสในตุรกี ไปยังโรมาเนีย โปแลนด์ ยูเครน รัสเซียและเยอรมันนี จึงเรียกยิวที่อยู่ในยุโรปตอนเหนือว่า เป็นยิวเยอรมันนี (อาขเกนาซี ( Azkenazi ) เป็นภาษาฮีบรูว์หมายถึงประเทศเยอรมันนี )
2
27. ยิวอาซเกนาซีนี้มีประชากรถึง10 ล้านคน และเป็นยิวผู้มั่งคั่งที่พูดภาษาฮีบรูว์ปนเยอรมันเรียกว่าภาษา ยิดดิข ( Yiddish ) แต่ก็ยังประกอบอาชีพวิถีเดิมด้วยการออกเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหดยึดที่ทำมาหากินขับเจ้าของที่เดิมออกแถมตั้งตนเป็นนายธนาคารใหญ่ในหลายประเทศเช่นประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และเยอรมันนี สนับสนุนทางการเงินให้ทำสงคราม คนยิวอาชเกนาซีที่มีชื่อมากที่สุดในโลกคือ Meyer Amschel Rothchild ซึ่งให้เงินอังกฤษ และเยอรมันกู้ต่อสู้กับนโปเลียนหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส
28.ในช่วงการปฏิวัติรัฐประหารที่ฝรั่งเศสนั้นคงจำกันได้ดีว่าเกิดการประกาศสงครามเกือบทั่วโลก เริ่มด้วยไทยเสียกรุงครั้งที่สอง (1767) ต่อด้วยการปฏิวัติอเมริกันและประกาศอิสรภาพ (1776 ) ตามมาด้วยการปฏิวัติปราบดาภิเษก ตั้งราชวงศ์จักรี ( 1782 ) การปฏิวัติฝรั่งเศส( 1789) และเกิดสงครามนโปเลียนในยุโรป (1801-1815) ส่วนไทยเกิดการรบศึก9 ทัพกับพม่า และทำศึกกับพม่าอีกหลายครั้ง
29. สงครามนโปเลียน เป็นการต่อสู้ระหว่างระบอบกษัตริย์กับระบอบเผด็จการจักรวรรดินิยมแบบสาธารณรัฐ อันสืบเนื่องมาจากการล้มล้างระบอบกษัตริย์ในฝรั่งเศส
30. ทำให้บรรดากษัตริย์ทั้งหลายในยุโรป รวมตัวกันสู้ระบอบสาธารณรัฐเผด็จการที่กิโยตีนพระเจัาหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารีอังตัวเนตต์รวมทั้งขุนนางฝรั่งเศส ประชาชนและพวกก่อการปฏิวัติไปถึง 20,000 คน ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองและเกิดจอมเผด็จการทหารนโปเลียน โบนาปาร์ตผู้ตั้งตนเป็นจักรพรรดิ ฝรั่งเศสเข้ารบกับประเทศระบอบกษัตริย์ ในยุโรปชนะมาตลอดแต่มาแพ้ต่อรัสเซียในปี 1812 (ในรัชกาลที่สอง) และถึงจุดจบเมื่อรบแพ้เวลลิงตันที่เบลเยี่ยม ในปี 1815.
31.ในปีนั้น (1815) เป็นปีที่นายธนาคารชาวยิวชื่อ แมร์ แอมเชล ร้อธชิลด์ ( มาจากคำว่า Red Shield ซึ่งเป็นตราสัญญลักษณ์ประจำตระกูล ) กลายเป็นอัครอภิมหาเศรษฐีจากการขายหุ้นฝรั่งเศสก่อนนโปเลียนแพ้และนำมาซื้อหุ้นอังกฤษที่ตกต่ำจากสงครามในยุโรป
Mayer Amschel de Rothschild นายธนาคารชาวยิวที่แฟรงค์เฟิร์ตเยอรมันนีผู้พลิกประวัติศาสตร์ตนเองและอังกฤษด้วยการสนับสนุนอังกฤษในการรบกับนโปเลียนและร่ำรวยมหาศาลจากการทีฝรั่งเศสแพ้สงครามที่สมรภูมิวอเตอร์ลู ในเบลเยี่ยม
32. ตระกูลร้อธชิลด์ต่อๆมาได้เป็นผู้อุปถัมป์ชาวยิวในยุโรปให้ทำการค้าอย่างรุ่งเรืองในทุกธุรกิจและยิวเป็นผู้คุมเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในยุโรปโดยผูกขาดการค้าในทุกๆประเทศในช่วงศตวรรษที่18-20
33. ตระกูลร้อธชิลด์เดิมค้าขายอยู่ที่แฟรงค์เฟิร์ต เป็นเผ่ายิวที่อาศัยในเยอรมันนีมากที่สุดคือ เผ่าอาชเกนาซี ( Ashkenazi เป็นภาษาฮีบรูว์หมายถึงประเทศเยอรมันนี ) และเริ่มตั้งธนาคารในปี 1760 โดยมี นาย Mayer Amschel de Rothschild( 1744-1812) เป็นผู้ก่อตั้ง ลูกชาย 5 คนของเขาจัดตั้งธนาคารและได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางและเล่นการเมืองทั่วยุโรปและอังกฤษ
.34. ที่เบลเยี่ยมเป็นยิวอาชเกนาซีนับถือลัทธิฮาสิดิสม์ (Hasidism) ประกอบอาชีพขายเพชร และนับถือศาสนาฮีบรูว์โบราณนิกาย Ultra Orthodox ไม่คบคนนอกรีตต่างศาสนา ไม่สังคมกับใคร
ยิวลัทธิฮาสิดิคที่เมืองแอนท์เวิร์ปเป็นพ่อค้าเพชรและไม่่ขับรถในวัน Sabbath ที่ต้องไปโบสถ์
35. พวกนี้เคร่งครัดการปฏิบัติทางศาสนาใส่หมวกถักหางเปียเวลาออกจากบ้าน สวดมนตร์ภาษาฮีบรูว์ ไปโบสถ์ยิวในวัน Sabbath ไม่ขับรถหรือใช้เครื่องจักรกลในวันนั้น และกินอาหารอย่างเคร่งครัด เป็นยิวหางเปียลัทธิ Hasidic จากหลายนิกายเช่น Vishnitz และ Czortkow เป็นต้นที่สำคัญเชื่อในศาสตร์แห่ง Kabbalah ทุกคนในเผ่านี้อยู่ในกลุ่ม อาชเกนาซิมของยุโรปตอนเหนือ แต่ไม่ใช่อาชเกนาซิมทุกคนที่จะถือลัทธิฮาสิดิสม์
36. เผ่า เซฟาดิม( Sephardim เป็นภาษาฮีบรูว์หมายถึงสเปน ) คือเผ่าที่พระนางอิสซาเบลล่าขับออกจากสเปนสมัยโคลัมบัสและลี้ภัยกระจัดกระจายทั่วอาฟริกาเหนือ คาบสมุทรบอลข่าน กรีกและอิตาลี
37. เผ่าเซฟาดิมนี้เองเป็นเผ่าชาวยิวที่มีลักษณะอัจฉริยะเป็นพิเศษ และสร้างอารยธรรมยิวนี้ในสเปนที่เรียกว่าวัฒนธรรมแอนดาลูเชีย ที่เมืองคอร์โดบา เผ่านี้ได้รับการดูแลปกป้องคุ้มครองจากราชวงศ์มุสลิมอูไมยาดที่ปกครองสเปนขณะนั้นและมีจำนวนถึง 3 ล้านคน และเป็นเผ่าที่ตายมากที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สอง
38. ในที่สุดแต่ยังไม่ท้ายสุด ยังมีเผ่ายิวดั้งเดิมที่เป็นชนกลุ่มน้อยในตะวันออกกลาง กลุ่มนี้อยู่ในประเทศที่นับถือศาสนามุสลิมเกือบล้านคน มากกว่าครึ่งเป็นยิวจากประเทศอิหร่านสมัยพระเจ้าชาห์ แต่ถูกขับออกมาโดยคำสั่งของ อยาตอเลาะห์ โฆไมนี เป็นจำนวนถึง 650,000 คน เกือบทั้งหมดยินดีมาตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศอิสราเอลที่เพิ่งจัดตั้งในปี 1948
1
39. ชาวยิวเหล่านี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งยิวในยุโรปเริ่มเคลื่อนไหวที่จะจัดตั้งรัฐยิวอิสระในอิสราเอลปัจจุบัน ซึ่งเป็นดินแดนที่ชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่มาก่อนไม่ได้อพยพไปไหน
40. จากการสำรวจสำมะโนครัวประชากรในปี 1933 พบว่าประชากรยิวทั่วโลกก่อนสงครามโลกครั้งที่สองมีประมาณ 15.3 ล้านคน ( เพียง2% ของประชากรยุโรปในขณะนั้น ) ในจำนวนนี้ 9.5-10 ล้านคนอยู่ในยุโรป ยุโรปตะวันออก และรัสเซีย มีถึง 3 ล้านคนอยู่ที่โปแลนด์ และอีก2.525 ล้านคนอยู่ในรัสเซีย อีกประมาณ 500,000 คน อยู่ในเยอรมัน( น้อยกว่า1% ของประชากรเยอรมัน )
41. ดังนั้นยุโรปในช่วงก่อนสงครามโลกจึงมีประชากรยิวมากกว่า60% ของยิวทั้งโลก แต่ใครจะเชื่อว่าภายในเวลาเพียง20 ปีหลังอังกฤษประกาศช่วยอิสราเอลตั้งประเทศยิวในปาเลสไตน์ ในปี 1917 ด้วยประกาศของรัฐมนตรีต่างประเทศ อังกฤษ นายอาเธอร์ บัลโฟร์ 2คนใน3 คนของประชากรยิวในยุโรป ต้องตายเกือบทั้งหมด…
42.ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ยิวในยุโรปได้เคลื่อนไหวให้มีการอพยพเพื่อจัดตั้งประเทศอิสราเอลในดินแดนพันธะสัญญาไซออน ( Zionism ) และให้ความสนับสนุนทางการเงินแก่ประเทศอังกฤษในการทำสงครามโลกและรณรงค์ให้ยิวจัดตั้งประเทศ
43.หลังจากอังกฤษชนะสงครามต่อราชอาณาจักรออสเตรียฮังการี เยอรมันนี และออตโตมันทำให้อังกฤษได้สิทธิแบ่งแยกดินแดนในการทำการปกครองอาณาจักรออตโตมันที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ( อาณาจักรออตโตมันกว้างใหญ่ไพศาลมาก ทิศใต้จรดเยเมนตะวันตกจรดซาอุดิอารเบียและอียิปต์ ทิศเหนือจรดเยูเครนและยุโรปตะวันตก) โดยเฉพาะดินแดนออตโตมันในซาอุดิอารเบีย อียิปต์และตะวันออกกลางทั้งหมดอังกฤษเรียกรวมดินแดนเหล่านี้ว่า ดินแดนในอาณัติปาเลสไตน์ (Mandate Palestine)
ธีโอดอร์ เฮอร์เซิลผู้ก่อตั้งลัทธิยิวชาตินิยม ไซออนนิสซึ่ม ( Zionism ) เสนอตั้งประเทศอิสราเอลในดินแดนไซออนที่เป็นประเทศอิสราเอลปัจจุบัน
44. ยิวผู้รักชาติที่ต้องการตั้งประเทศเรียกตนเองว่า ไซออนนิสต์( Zionist ) ลัทธิไซออนนิสม์เกิดในปี 1896 -1948 นำโดยยิวชาตินิยมหัวรุนแรงขวาจัด ชื่อ ธีโอดอร์ เฮอเซิล และได้รับการสนับสนุนจาก Lord Rothschild นักการเมืองยิวอังกฤษ นายกรัฐมนตรีนายเดวิด ลอยด์ ยอร์ช และ รมต ต่างประเทศ นายอาเธอร์ บัลโฟร์
รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ นายอาเธอร์ เจมส์ บัลโฟร์ สมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ผู้ประกาศแถลงการณ์บัลโฟร์ยกดินแดนอาณัติปาเลสไตน์ให้อิสราเอลตั้งประเทศ
45. อังกฤษได้ส่ง โธมัส เอ็ดเวิร์ด ลอว์เรนซ์ เป็นสปายไปฝังตัวอยู่ในซาอุดิอารเบีย ไปช่วยเจ้าชายไฟซาลแห่งซาอุดิอารเบียรบกับอาณาจักร ออตโตมันโดยสัญญาว่าถ้าช่วยอังกฤษรบกับอาณาจักรออตโตมันอังกฤษจะพิจารณาให้ซาอุดิอารเบียได้รับเอกราช
46. ที อี ลอว์เรนซ์ หรืออึกนัยหนึ่ง “ลอว์เรนซ์แห่ง อารเบีย” ได้เกลี้ยกล่อมเจ้าชายไฟซาลให้ก่อตั้งประเทศซาอุดิอารเบียโดยไม่เฉลีวใจสักนิดว่านายกรัฐมนตรีอังกฤษมีวาระซ่อนเร้นมากกว่าการช่วยรบ โดยรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษได้ส่งนายพล ไวส์เคานต์ อัลลันบี้ผู้บัญชาการรบภาคพื้นตะวันออกกลางของอังกฤษได้เข้าเจรจาเป็นทางการกับซาอุว่าถ้ายินยอมให้ยิวอพยพเข้ามาในดินแดนปาเลสไตน์ด้วยอังกฤษจะยอมให้ซาอุดิอารเบียได้รับเอกราชออกจากอาณาจักรออตโตมันอย่างแน่นอน
47. ไฟซาลในคำยินยอมได้เขียนกำกับเป็นภาษาอารบิคไว้ข้างๆเอกสารให้คำยินยอมด้วยลายมือพระองค์เองเป็นเงื่อนไขว่าให้อังกฤษยอมรับสิทธิในการปกครองตนเองของชาวปาเลสไตน์ในดินแดนปาเลสไตน์ด้วยเพราะเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่เป็นเจ้าของดินแดนแห่งนี้มาช้านาน ส่วนยิวในดินแดนปาเลสไตน์ขณะนั้นมีอยู่เพียงไม่กี่พันคน
เจ้าชายไฟซาลและลอว์เรนซ์ออฟอารเบีย
48. แต่ก่อนหน้านั้นในระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในปี 1916 อังกฤษและฝรั่งเศสได้ทำข้อตกลง ลับ ไซคส์-ปิกู ( Sykes-Picot Agreement ) แบ่งดินแดนปาเลสไตน์ให้อิสราเอลตามแผนที่ปัจจุบันแล้ว!!! และได้เริ่มอพยพเข้ามาทีละน้อยจากยุโรปนับตั้งแต่สันติบาตชาติในเจนีวาให้การรับรองข้อตกลง โดยยังไม่ได้ตั้งประเทศ
49. แต่แล้วในปี 1939-1945 เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ! ชาวยิวในยุโรปถูกสังหาร 6 ล้านคน ! โดยเฉพาะยิวเซฟาดิคจากสเปนที่อพยพไปอยู่ที่ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ คาบสมุทรบอลข่าน กรีซ บุลกาเรียและยูโกสลาเวียซึ่งมีศูนย์กลางอารยธรรมยิวอยู่ที่เมืองซาราเจโวในเซอร์เบียและเมืองซาโลนิกาในกรีซ เกือบทั้งหมดตกเป็นเหยื่อการสังหารโหดฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุไม่เว้นเด็กผู้หญิงคนแก่และคนป่วยจนอารยธรรมเซฟาดิคและความเป็นอัจฉริยะของยิวเผ่านี้เกือบสูญสิ้น
1
50. ปัจจุบันมียิวเผ่าอาชเกนาซีในสหรัฐ6 ล้านคน ในอิสราเอล 2.8 ล้าน และกระจายอยู่ทั่วโลก ในอาร์เจนตินา 300,000 คน อังกฤษ 260,000 แคนาดา240,000 ฝรั่งเศส 200,000 เยอรมันร 200,000 ยูเครน 150,000 ออสเตรเลีย 120,000 รวม ประมาณอีก2 ล้านคน ส่วน ยิวเผ่า เซฟาดิม มีน้อยกว่ามากเพียง 1.5 ล้านคน ทั่วโลก (เพราะตายเกือบสูญพันธุ์ในสงครามโลกครั้งที่สอง ) ปัจจุบันอิสราเอลมีประชากรทั้งสิ้น 9.364 ล้านคน
51. การทำสงครามกับปาเลสไตน์ครั้งนี้คงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เพราะจำนวนคนเขื้อสายปาเลสไตน์ก็มีไม่น้อยและอาจจะมากกว่ายิวหลายล้านคนทั้งที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และตะวันออกกลาง
52.ด้วยประชากรของอิสราเอล 10 ล้านคนนี้ก็พอๆกันกับชาวปาเลสไตน์ในโลกนี้โดยอยู่ในฉนวนกาซา 2.5 ล้านคน ใน West Bank 3 ล้านคน ใน จอร์แดน 3.24 ล้านคน อิสราเอล 1.65 ล้านคน ซีเรีย 630,000 คน ชิลี 500,000 คน เลบานอน 402,000 คน ซาอุดิอารเบีย 280,000 คน อียิปต์ 270,000 คนสหรัฐ 255,000 คน ฮอนดูรัส 250,000 คน กัวเตมาลา 200,000 เม็กซิโก 120,000 คน และกาตาร์ 100,000 คน รวม ที่อื่นอีกประมาณ 500,000 ทั่วโลก ก็จะมีทั้งสิ้น ไม่ต่ำกว่า13ล้านคน …
53. ที่มีชาวปาเลสไตน์กระจายไปทั่วโลกมากกว่ายิวนี้เป็นผลมาจาก การที่ยิวได้ทำการรบกับปาเลสไตน์ในปี 1948 หลังจากประกาศตั้งประเทศ และเมื่อได้ชัยชนะแล้วได้ประกาศอัปเปหิชาวปาเลสไตน์ออกไปจากดินแดนปาเลสไตน์ โดยอาศัยข้อมติที่องค์การสหประชาชาติรับรองตั้งประเทศอิสราเอล การต้องถูกเนรเทศออกจากดินแดนเกิดของปาเลสไตน์ในปี 1948 หลังสงครามโลกครั้งที่สองนี้ ชาวปาเลสไตน์ทั่วโลกไม่มีวันลืม และเรียกเหตุการณ์นี้ว่า อัล นักบา ( Al Nakba ) แปลว่าความหายนะ…
อัลนักบา วันแห่งความวิปโยคเมื่อชาวปาเลสไตน์ 700,000 คนถูกขับออกจากที่ทำกินและดินแดนบ้านเกิดที่อังกฤษและยิวเรียกว่า Mandate Palestine หรือดินแดนในอาณัติปาเลสไตน์ ซึ่งคือพื้นที่ประเทศอิสราเอลปัจจุบันที่อังกฤษยกให้อิสราเอล
54.สงครามอิสราเอลฮามาสครั้งนี้กระทบต่อชาวปาเลสไตน์ ในฉนวนกาซาอย่างชัดเจน และมีผู้ลี้ภัยที่โลกต้องแบกรับไปอีก 2 ล้านคนเป็นอย่างน้อย
55. การเจรจาสงบศึกไม่ใ่ช่เรื่องง่าย เพราะภายใต้ข้อตกลงสันติภาพอับราฮัม ( Abraham Accords) ที่ลูกเขยประธานาธิบดีทรั้มป์นายจาเร็ด คุชเนอร์ ได้บรรลุกับอดีตศัตรูคู่อาฆาตของอิสราเอลเช่นอาหรับเอมิเรตส์จอร์แดนและบาห์เรน และอีกหลายประเทศเช่นมอร็อคโค และกำลังจะลงนามกับซาอุดิอารเบียเป็นเกราะคุ้มกันอิสราเอล
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และลูกเขยชาวยิว จาเร็ด คุชเนอร์ผู้ออกแบบ อับราฮัม แอคคอร์ด
56. โดยสหรัฐการันตีจะจัดตั้งกองทุนอับบราฮัม3 พันล้านเหรียญให้แก่ภูมิภาคอาหรับทั้งหมด แต่ข้อตกลงนี้ได้กลายเป็นหอกข้างแคร่ชาวอาหรับเพราะเป็นข้อตกลงมัดมือชกที่อิสราเอลมารถจัดการกับฮามาสและองค์กรก่อการร้ายอาหรับปาเลสไตน์ ต่างๆได้โดยไม่ห่วงว่าจะมีการแทรกแซงจากประเทศภายใต้ข้อตกลงอับบราฮัม
57. ดังนั้นอิสราเอลจะไม่ยอมหยุุดยิงจนกว่าจะฆ่าฮามาสให้สูญไปจากโลก และถ้าสำเร็จจะจัดการกับเฮซบอลเลาะห์ ในเลบานอนต่อ และ ยึดครองฉนวนกาซาและ West Bank ทั้งหมดโดยไม่ฟังเสียงใคร
58. ที่สำคัญอิสราเอลรู้ว่าสหรัฐอเมริกากำลังจะมีการเลือกตั้งในปีหน้าและเดโมแครตไม่เสี่ยงแทรกแซงกดดันอิสราเอลเพราะกลัวเสียคะแนนฝ่ายยิว และมองว่าทรั้มป์อาจกลับมาเป็นประธานาธิบดี อีกครั้งรวมทั้งลูกเขยชาวยิวคือจาเร็ด คุชเนอร์จะได้รับการสนับสนุนจากยิวสายเหยี่ยวฝ่ายขวาหัวรุนแรง ปีก Neo-Conservatives ของพรรครีพับริกันจะกลับมาแสดงพลังใหม่ ซึ่งจะต่างจากยิวสายนกพิราบของไบเด็นและพรรคเดโมแครต
59. ในที่สุด สงครามจะไม่ยุติเพราะอิสราเอลต้องการส่งสัญญาณผลักดันคลื่นมนุษย์ชาวปาเลสไตน์ ให้ออกไปจากดินแดนกาซาที่ตนต้องการยึดครองด้วยการผลักภาระให้อียิปต์ และ ประเทศที่สามโดยอ้างความปลอดภัยของชาวปาเลสไตน์
60. จะเห็นได้ว่าสหรัฐยังเป็นไพ่ตายความหวังของอิสราเอลที่ยังสนับสนุนอิสราเอลและอิสราเอลยังไม่หยุดยิงจนกว่าจะจัดการยึดกาซาปล่อยตัวประกันออกมา และจนกว่าจะปราบฮามาส จนคนสุดท้าย ตราบใดที่สหรัฐยังแอ่นอกการันตียกหัวแม่โป้งให้อิสราเอล ซึ่งอาจถือเป็นหน่วยรบของยิว 6 ล้านคนในสหรัฐ และยังมองฮามาสเป็นผู้ก่อการร้ายที่ตนเองได้ประกาศสงครามหมายหัวไว้ด้วยกาอนหน้านั้นในปี 1997 ตราบนั้นก็ยากที่จะเห็นสงครามนี่ยุติในเร็ววัน…
โฆษณา