2 พ.ย. 2023 เวลา 11:26 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Hollywood Movies

"Killers of the Flower Moon" 2023

ย้อนรอยโศกนาฏกรรมสุดสะเทือน
ที่สร้างมาจากเรื่องจริงของชาวเผ่าอินเดียนแดง
กับด้านมืดของประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยได้รับความยุติธรรม
Killers of the Flower Moon
ภาพยนตร์ดราม่าอิงประวัติศาสตร์ ผลงานล่าสุดจาก Martin Scorsese ผู้กำกับระดับตำนาน ที่คราวนี้ได้หยิบเรื่องราวจากหนังสือสารคดีชื่อเดียวกันที่ออกตีพิมพ์เมื่อปี 2017 โดย David Grann มาทำเป็นหนังยาวเกือบ 3 ชั่วโมงครึ่ง และยังได้ Eric Roth จาก Forrest Gump (1994) มาร่วมเขียนบท
ในด้านของงานภาพเป็น Rodrigo Prieto ที่เคยร่วมงานกับปู่มาร์ตี้มาแล้วใน The Irishman (2019), The Wolf of Wall Street (2013) มากำกับภาพ โดยใช้ทุนสร้างไปร่วม 200 ล้านเหรียญเพื่อพาคนดูไปสัมผัสถึงวิถีชีวิตของชาวเผ่าโอเสจในโอกลาโฮมาช่วงยุคปี 1920 และยังได้บิ๊กเนมคู่บุญอย่าง Leonardo DiCaprio และ Robert De Niro มาประกบคู่กันในบทลุงหลานสุดชั่วร้าย และได้ชาวโอเสจแท้อย่าง Lily Gladstone มาร่วมแสดง ซึ่งการแสดงของแต่ละคนนั้นเชือดเฉือนกันอย่างทรงพลัง มีลุ้นเข้าชิงออสการ์อย่างแน่นอน
เรื่องราวย้อนไปในช่วงปี ค.ศ. 1920 ชาวเผ่าโอเสจ (อินเดียนแดง) ที่ถูกคนอเมริกันขับไล่ไปอยู่ในดินแดงทุ่งหญ้ารกร้างมาช้านาน แต่ชีวิตของพวกเขาก็กลับตาลปัตรเพียงชั่วข้ามคืน เมื่อมีบ่อน้ำมันซ่อนอยู่ใต้ผืนดินทุรกันดารที่พวกเขาอาศัยอยู่ แต่นอกจากความมั่งคั่งร่ำรวยที่ไหลมาเทสู่ชนเผ่าแล้ว ยังมีความริษยา มุ่งร้าย จากเหล่าคนขาวที่หมายปองทรัพย์สมบัติเหล่านี้ด้วยความโลภตามมาด้วย
วิลเลียม คิง เฮล (Robert De Niro) ได้วางแผนให้หลานชาย เออร์เนสต์ เบิร์กฮาร์ต (Leonardo DiCaprio) เข้าไปตีสนิทและแต่งงานกับ มอลลี่ ไคล (Lily Gladstone) หญิงสาวชนเผ่าโอเสจที่มีที่ดินและทรัพย์สมบัติมหาศาล และเมื่อแผนการชั่วของ คิง เฮล เริ่มปกคลุม ชาวเผ่าโอเสจเริ่มล้มตายทีละคน โดยไม่มีการสืบสวนใดๆเกิดขึ้น
ท่ามกลางความหวาดกลัวของชาวเผ่าโอเสจ มอลลี่จึงคิดที่จะไปขอความช่วยเหลือจากโลกภายนอก แต่ คิง เฮล ยังคงบงการ เออร์เนสต์ให้คอยขัดขวางเธอไว้ ระหว่างความรักกับญาติ เออร์เนสต้องเลือกเพียงแค่สิ่งเดียว ความหวังที่จะรอดชีวิตของชาวโอเสจก็เริ่มเหลือน้อยลงทุกที ชะตากรรมของมอลลี่และโศกนาฏกรรมครั้งนี้จะจบลงเช่นไร
ถึงจะเป็นแฟนหนังปู่มาร์ติน แต่ก่อนไปดูก็แอบลังเลว่าหนังจะชวนง่วงไหม แต่พอดูจบ บอกเลยว่าเป็น 3 ชั่วโมงครึ่งที่คุ้มค่าทุกนาที ไม่มีช่วงไหนของหนังที่น่าเบื่อ มันทั้งเดือดทั้งตึง ต้องคอยลุ้นเอาใจช่วยอยู่ตลอด ความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัวที่อัดแน่นมันถูกถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดี
ขอปรบมือดังๆให้กับการแสดงของนักแสดงนำทั้ง 3 คน ที่คุมอารมณ์หนังได้อย่างอยู่หมัด ซึ่งซีนอารมณ์มันยากมากๆที่จะไม่ให้ล้นหรือขาดจนเกินไป ในส่วนของ ดิคาปริโอ กับปู่เดอนีโร เป็นที่รู้ๆกันอยู่แล้ว แต่ ลิลี่ แกลดสโตน คนนี้คือของจริง นางเล่นได้แบบอินสุดๆ ยิ่งบทในเรื่องคือน่าสงสารมาก ลุ้นให้ชิงออสการ์นักแสดงนำหญิงปีนี้ได้เลย
นอกจากหน้าประวัติศาสตร์ของความโหดร้าย ด้านงานภาพ โปรดักชั่น ก็พาคนดูย้อนไปเห็นถึงวิถีชีวิต บ้านเมือง ความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคนั้นได้อย่างดี องค์ประกอบแสงสีต่างๆ สวยงามมาก เป็น 3 ชั่วโมงที่เต็มไปด้วยงานศิลปะ ซาวด์ประกอบก็วางอย่างพอดี ไม่ต้องเค้นคนดูให้มากพิธี แต่เลือกที่จะดึงเฉพาะซีนไคล์แม็กให้ถึงจุดพีคจริงๆ ในส่วนไดอะล็อกบทสนทนาของตัวละครก็แฝงไปด้วยนัยยะ แง่คิดต่างๆอย่างคมคาย ไปต้องมีฉากแอ็คชั่นแต่ก็ยังทำให้ขนลุกได้เป็นระยะๆ
แต่ที่ชอบที่สุดคือการลำดับเรื่อง ที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของ Goodfellas (1990) อย่างชัดเจน เริ่มจากค่อยๆเล่าปูความเป็นมาของตัวละคร ค่อยๆเพิ่มข้อมูลทีละนิด ก่อนจะพาคนดูไต่ระดับความพีคในตอนไขคดีช่วงท้าย มันทั้งสะเทือนใจและทรงพลัง ไม่คิดเลยว่าความโลภของมนุษย์จะโหดร้ายป่าเถื่อน ทำกับมนุษย์ด้วยกันได้ถึงเพียงนี้ บทคิง เฮล ของปู่เดอนีโร คือเหี้ยมจริงๆ ที่น่าเศร้าก็คือโศกนาฏกรรมครั้งนี้กลับไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ถูกต้อง และยังทำราวกับพยายามจะลบเรื่องราวหน้านี้ไปจากประวัติศาสตร์
ถ้าจะให้พูดว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานมาสเตอร์พีชอีกหนึ่งชิ้นของปู่ มาร์ติน สกอร์เซซี ก็ไม่เกินจริงเลยแต่อย่างใด ไม่อยากเชื่อว่าอายุแกปาเข้าไปเลข 8 แล้ว แต่ยังสร้างผลงานขึ้นหิ้งระดับนี้ออกมาได้อีก และไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีผลงานดีๆฝีมือแกให้ดูอีกไหม ถ้าจะให้ 'Killers of the Flower Moon' เป็นงานทิ้งทวนครั้งสุดท้ายก่อนวางมือก็ถือว่าสมศักดิ์ศรีอย่างยิ่ง
ถ้าจะให้บรรยายความดีงามของหนังเรื่องนี้ แค่โพสต์นี้คงจะไม่หมด รอตัดสินจากงานประกาศรางวัลที่จะถึงนี้ได้เลย ทั้งการกำกับ, งานภาพ, เขียนบท, นักแสดง บอกเลยว่าเดือดๆแน่ น่าเสียดายที่ด้วยความยาวของหนังทำให้มีการจำกัดเรื่องรอบฉาย ไม่รู้ว่าจะได้อยู่ในโรงได้อีกกี่สัปดาห์ สำหรับใครที่กำลังยังลังเลอยู่ก็อยากให้รีบไปดู เชื่อเถอะว่ามันคุ้มค่าจริงๆ Killers of the Flower Moon จาก Martin Scorsese ชื่อนี้การันตีไม่มีผิดหวัง
โฆษณา