Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ทนายน้อยหน่า
•
ติดตาม
3 พ.ย. 2023 เวลา 13:20 • การศึกษา
"กว่าจะก้าวข้ามความล้มเหลวซ้ำ ๆ"
ตอนเล็กพ่อเคยซื้อรถ ๓ ล้อให้ถีบเล่นบนบ้าน โตมาหน่อยพ่อซื้อจักรยานที่พ่วง ๒ ล้อด้านข้างกันล้มให้ขี่เล่น พ่อเคยถอดล้อข้างให้แต่ก็ล้มเลยขี่แบบ ๓ ล้อตามเดิม
ความที่รู้สึกว่าตัวเองโตแล้วอยากขี่จักรยาน ๒ ล้อก็รบเร้าให้พ่อซื้อให้ พ่อก็ตามใจซื้อจักรยานสำหรับเด็กโตให้แต่เท้าแตะพื้นแบบเขย่ง ปรากฏว่าซื้อมาให้ลูกน้อยฝึกขี่จริง ๆ คือล้มตลอด ยังขี่ตั้งลำไม่ได้ แต่ความที่ซื้อมาแล้วยังไงก็ต้องขี่ให้ได้ เลยฝึกขี่แล้วล้มอยู่ ๒-๓ วัน
วันที่ขี่แล้วจักรยานตั้งลำได้เชื่อว่าทุกคนที่เคยผ่านประสบการณ์นี้ต้องจดจำความรู้สึกได้ มันเหมือนเราบินได้ คือขี่ ๆ แล้ว ถ้าเป็นปกติพอถีบไปได้แป๊บนึงรถจะล้ม แต่วินาทีที่ขี่เป็นคือ "เฮ้ย!! ไม่ล้มว่ะ" ความรู้สึกคือมันเหินได้ มันเป็นประสบการณ์ใหม่ของชีวิตเหมือนข้ามขอบอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น คราวนี้สนุกใหญ่ ฝึกขี่จนคล่องแถมปล่อย ๒ มือไม่จับแฮนด์จักรยานด้วย
มานึกย้อนเหตุการณ์นี้ทำให้นึกได้ว่าตอนนั้นถึงจะยังขี่จักรยานไม่เป็นแต่พ่อตัดสินใจซื้อให้ แสดงว่าพ่อมองเห็นแล้วว่าเราสามารถพอและไม่ห่วงว่าจักรยานจะพัง เพราะแนวคิดในการเลี้ยงลูกของพ่อคือให้เล่นเลย พังก็ซ่อมได้
โค้ชที่เก่ง หรือ หัวหน้างานที่เก่ง จะต้องมองให้ออกว่าโค้ชชี่มีศักยภาพพอที่จะทำได้และต้องปล่อยให้ทำด้วย ช่วงแรกก็มีเจ็บตัวบ้างซึ่งต้องเรียนรู้และจะจำได้แม่น เป็น on the job training
การที่ต้นไม้จะเติบโตแข็งแรงสวยงามนอกจากตัวเองจะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีแล้วยังต้องเติบโตในดินที่ดี ได้คนเลี้ยงเอาใจใส่รดน้ำพรวนดินสม่ำเสมอด้วย การที่เราจะเป็นคนเก่งนอกจากจะมีความมุ่งมั่นตั้งใจแล้วยังต้องมองหาพี่เลี้ยงเก่ง ๆ ด้วย
ตอนเป็นทนายใหม่เราก็หาพี่เลี้ยงโดยพี่เลี้ยงคนปัจจุบันรู้จักกันตอนงานรวมรุ่นนิติจุฬา เมื่อมาฝึกงานด้วยพี่เลี้ยงมีคดีเยอะมากให้เราเข้าเป็นทนายร่วมในคดีและให้ทำงานในคดีด้วยเราฝึกแค่ ๓ เดือนก็เก็บคดีครบเก็บแบบทำคดีจริงไม่ได้มีแต่ชื่อแถมสอนให้แบบไม่มีกั๊กวิชา
ช่วงแรกที่เรามีลูกความส่วนตัวก็ทำร่วมกับพี่เลี้ยง ตอนหลังพี่เลี้ยงเห็นว่าทำเองได้แล้ว พอมีคดีแล้วเราจะเอาไปทำกับพี่เลี้ยงๆบอกว่าให้ทำเองแต่มีอะไรสงสัยถามได้ ตอนนั้นเหมือนถูกโยนลงน้ำกลัวจม
กว่าจะทำคำฟ้องเสร็จพร้อมยื่นศาลได้ เจอพี่เลี้ยงตรวจแก้ไปหลายรอบ แต่วันที่ทำเสร็จความมั่นใจในตัวเองว่าทำเองได้ ก็เต็มเปี่ยมเหมือนขี่จักรยานตั้งลำได้แล้วเช่นกัน การล้มลุกคลุกคลานช่วงแรกก็แค่จักรยานที่เคยล้ม ทุกวันนี้สำนึกในพระคุณของพี่เลี้ยงเสมอที่ให้โอกาสเรา
ตอนสอบเนติบัณฑิตก็เป็นบททดสอบจิตใจอีกบทหนึ่ง ด้วยความที่ไม่ชอบอ่านฎีกามาแต่ไหนแต่ไร ทำให้ตอนสอบเนติบัณฑิตครั้งแรกอ่านตำราเฉพาะหลักกฎหมาย ตอบข้อสอบก็ตอบแบบสมัยเรียนปริญญาตรีทำให้วิชากลุ่มกฎหมายแพ่งที่เรามั่นใจว่าทำได้ ได้คะแนนเพียง ๔๘ คะแนน ซึ่งไม่ผ่าน ตอนนั้นผิดหวังมาก คะแนนได้ ๕ คะแนนหลายข้อ มีข้อที่คิดว่าทำได้เป๊ะยังได้แค่ ๗ คะแนน จนตอนนั้นไม่เข้าใจว่าคนที่ตอบได้ ๑๐ คะแนน เขาตอบกันอย่างไร
แต่โชคดีที่เรามีอาจารย์ที่คุ้นเคยกันที่สอนเราที่จุฬาเคยสอบได้ที่ ๑ เนติและเป็นผู้พิพากษาได้ให้คำแนะนำเราว่าให้อ่านฎีกาแทนตำรา พร้อมทั้งให้คำแนะนำการตอบข้อสอบเนติว่าใน ๑ ข้อต้องตอบ ๓ ส่วนคือ ๑.อธิบายหลักกฎหมาย ๒.มีคำในตัวบท ๓.มีคำในฎีกา เราก็ปรับการอ่านหนังสือซึ่งในการสอบครั้งที่สองเราได้ ๔๗ คะแนน แต่ครั้งนี้ไม่เสียใจเพราะความรู้มากกว่ารอบแรกและมีข้อที่เขียนได้ ๘ คะแนน ทำให้มีกำลังใจ (สอบรอบแรกอ่านหนังสือไม่ครอบคลุมอ่านเฉพาะมาตราที่เก็งจะออกสอบ)
สอบครั้งที่ ๓ ปรากฏว่าได้ ๔๘ คะแนน ยังไม่ผ่านอีก แต่มีข้อที่เขียนได้ ๙ คะแนน คราวนี้กำลังใจมาเต็มยังไม่ถอดใจ ยังมุ่งมั่นอ่านหนังสือฝึกทำข้อสอบเก่าประกอบกับเป็นทนายความทำคดีจริงทำให้จับประเด็นคำถามเก่งขึ้นและสอบผ่านในครั้งที่ ๔ ด้วยคะแนน ๖๕.๕ คะแนนซึ่งวิชากฎหมายแพ่งผ่านทุกข้อ มีได้ ๔ คะแนนที่ไม่ผ่านข้อเดียวคือข้อกฎหมายพิเศษ ซึ่งดีใจมากที่ตัวเองไม่หยุดถอดใจเลิกสอบ
ส่วนวิแพ่งซึ่งเป็นขาสุดท้ายใช้ความอึดแบบสุด ๆ เป็นวิชาที่ไม่ถนัดและตอนเรียนปริญญาตรีไม่ได้เรียนวิชาบังคับคดี (เพราะชั่วโมงเรียนซ้ำกับวิชาอื่น)ทำให้ตอนสอบครั้งแรกได้เพียง ๒๖ คะแนนแล้วก็ไต่คะแนนขึ้นมาเป็น ๔๓, ๔๗ แล้วตกมาที่ ๓๘ ตอนนั้นเราคิดว่าต้องหากลยุทธ์ใหม่และไม่ถอดใจถือคติว่า "ถ้าถอดใจ ที่ผ่านมาเหนื่อยฟรี"
เราก็ค้นคลิปติวใน youtube จนไปเจอคลิปติวที่เนติสอนเทคนิคเขียนตอบวิแพ่งโดย อ.พลภวิษย์ เราฟังทุกวันตอนเช้าขณะวิ่งรอบหมู่บ้านและฝึกเขียนตอบตามในคลิป และเราก็สอบผ่านในครั้งที่ ๕ ด้วยคะแนน ๖๕.๕ ได้เป็น น.บ.ท.สมัย ๗๒ เป็นความภูมิใจที่สุดในชีวิตเพราะใช้ความพยายามมากที่สุด พูดได้เต็มปากว่า "เราก็ก้าวข้ามความล้มเหลวซ้ำ ๆ ได้"
ช่วงฝึกฝนก็คือช่วงตั้งไข่ของเด็กหัดเดิน คนเราเริ่มทำสิ่งใหม่ ๆได้ตลอดชีวิต ก็แค่เริ่มต้น ฝึก ล้ม ฝึก ล้ม ฝึก ล้ม.... เริ่มตั้งลำได้ ล้ม ลุก ล้ม ลุก.... ก้าวเดิน .... และ วิ่ง
มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพที่จะก้าวข้ามความล้มเหลวซ้ำ ๆ ได้เสมอ ดังคำที่ว่า "ล้มเหลวไม่มี มีแต่ล้มเลิก"
#LiveWhatYouLove
#ทนายน้อยหน่า
๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
ภาพ: ประชุมอนุกรรมการสิ่งแวดล้อมฝ่ายฝึกอบรมฯที่สภาทนายความเมื่อวันก่อน
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย