7 พ.ย. 2023 เวลา 13:00 • ธุรกิจ

อยากเปิด "Hostel" เริ่มยังไง

ถ้าเห็นว่าบทความนี้เป็นประโยชน์ อย่าลืมแชร์ให้เพื่อน ๆ อ่านด้วยกันนะครับ
ธุรกิจให้บริการที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว อย่างประเทศไทยที่เป็นประเทศการท่องเที่ยว มีชาวต่างชาติและคนเดินทางมากมายเข้า ก็ดูเป็นธุรกิจที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย
อย่างปัจจุบันนักท่องเที่ยวเริ่มเที่ยวเองคนเดียวมากขึ้น ต้องการประสบการณ์แบบ Local มากขึ้น ต้องการประหยัดงบการเดินทาง หรืออีกหลาย ๆ ปัจจัยก็ทำให้ธุรกิจ Hostel ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงเวลานี้
แล้วถ้าอยากทำธุรกิจ Hostel เริ่มยังไง ไปดูกันครับ
[ Hostel คืออะไร ต่างกันยังไง ]
🛎️Hotel (โรงแรม) ที่พักให้บริการและมีสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างครบ มีจำนวนห้องมาก
🛎️Guest House / Homestay (เกสเฮ้าส์ หรือ โฮมสเตย์) เป็นที่พักที่จะพักร่วมกับเจ้าของ โดยเจ้าของแบ่งพื้นที่ในบ้านให้แขกพัก
🛎️Hostel (โฮสเทล) เป็นที่พักในรูปแบบโรงแรมที่เจ้าของเป็นผู้ดูแลเอง เป็นโรงแรมต้นทุนต่ำ เน้นสิ่งความสะดวกสบายขั้นพื้นฐาน อาจจะเป็นห้องน้ำรวม มีพื้นที่ตรงกลางให้แขกที่เข้าพักใช้สอยร่วมกัน เช่น ครัว บาร์ โต๊ะอาหาร ดาดฟ้า เป็นต้น
เสน่ห์ของโฮสเทลจะอยู่ที่ความเป็นกันเอง มีพื้นที่ใช้สอยร่วมกัน เป็นแหล่งพบปะเพื่อนใหม่ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ที่พักจะมีกลิ่นอายความเป็นท้องถิ่นเข้ามาอาจเป็นเพราะเป็นโรงแรมขนาดเล็กที่เจ้าของดูแลเอง ได้ใกล้ชิดแขก
🐤[ อยากทำโฮสเทลต้องดูอะไรบ้าง ]
1. ต้องรู้จักลูกค้าที่เข้าพักในโฮสเทล
โดยแต่ละรูปแบบที่พักก็มีกลุ่มลูกค้าที่ต่างกัน ต้องเลือกกลุ่มลูกค้าให้ชัด อย่างเช่น ตัวธุรกิจโฮสเทล กลุ่มลูกค้าหลักอาจจะเป็น Backpacker ที่ต้องการที่พักไม่หรูหรา ราคาประหยัด เป็นต้น
2. ทำเลที่ตั้งของโฮสเทล
ทำเลย่อมเป็นเรื่องสำคัญสำหรับธุรกิจไม่ว่าจะธุรกิจแบบไหน โฮสเทลเองก็ต้องการทำเลที่ไม่ใช่ต้องการติดถนน โดดเด่ดนัก ขอเพียงให้เดินทางสะดวก เข้าถึงได้ง่าย ทำเลปลอดภัย เพราะถ้านึกถึงนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้มีรถ หรือเช่ารถส่วนตัว การจะต้องนั่งรถหลายต่อ หรือเดินเท่ากว่าจะถึงที่พักหลายร้อยเมตร ก็ย่อมเพิ่มความไม่สะดวกให้แขกที่พัก
แต่ถึงอย่างนั้นถ้าทำเลเราลึกหน่อย แต่พิเศษจริง ๆ ก็อาจจะยิ่งเพิ่มจุดเด่นให้กับโฮสเทลเราได้ เช่น หลังร้านติดริมแม่น้ำ หรือทะเล ดาดฟ้าของเราได้เห็นวิวพิเศษสวยกว่าโฮสเทลในย่านเดียวกัน ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้ามาพักกับเรามากขึ้น
3. การออกแบบโฮสเทล
การออกแบบจะค่อนข้างสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าที่เราโฟกัส การตกแต่งที่พัก การออกแบบ ราคาที่พัก ทุกอย่างจะรวมไปถึงงบประมาณลงทุนเริ่มต้นของเราด้วย เช่น ถ้าเราต้องการทำโฮสเทลที่ดูหรุหราขึ้นมาหน่อย แบบบูทิคโฮเทล (Boutique Hostel / Poshtel) ก็จะได้กลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายขึ้นมาหน่อย ราคาค่าเช่าก็จะได้อีกเรท
แต่ถ้าเราต้องการเป็นแบบ Backpacker Hostel การลงทุนเรื่องความหรูหรา ความสะดวกสบายอาจไม่ต้องครบครัน แต่ก็จะได้กลุ่มลูกค้าอีกแบบ และเรทราคาค่าเช่าอีกเรท เช่น แบบบูทิคอาจจะอยู่ที่ 1,000 – 1,200 บาทต่อคืน แบบ Backpacker อาจจะอยู่ 500 - 600 บาทต่อคืน
ทั้งนี้อาจรวมไปถึงเชื้อชาติของกลุ่มลูกค้า เพราะสรีระของฝั่งยุโรปและเอเชียไม่เหมือนกัน ประตู สุขภัณฑ์ อาจจะต้องซื้อขนาดที่สามารถรอบรับสรีระของลูกค้าด้วย
4. การบริการ ความสะอาด ความปลอดภัย
ความสะอาดและความปลอดภัย เป็นเรื่องอะไรที่ควรลงทุน เช่น ระบบคีย์การ์ดหรือกุญแจที่มาตรฐาน ใช้ง่ายสะดวก กันคนภายนอกรบกวนได้ มีกล้องวงจรปิด ระบบรักษาความปลอดภัยที่ดียังช่วยให้เรา ประหยัดค่าจ้างพนักงานให้มาเฝ้าเคาท์เตอร์ด้านหน้าอีกด้วย
การทำความสะอาดห้องพัก ห้องน้ำ พื้นที่ส่วนรวมที่ดี ผ้าปูที่นอน และผ้าเช็ดตัวที่หอมสะอาด เป็นสิ่งที่ลูกค้าที่เข้าพักมาแล้วจะได้สัมผัสเป็นสิ่งแรก ๆ เป็นเรื่องที่ควรใส่ใจ
เราอาจจะเตรียมของที่นักเดินทางมักจะลืมเอามา หรือเขาจะไม่พกติดกระเป๋ามาด้วย เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ ผ้าเช็ดตัว หรืออาจะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยให้แขกที่เข้าพักสะดวกขึ้น เช่น ไดร์เป่าผมในห้องน้ำ ไมโครเวฟ กาต้มน้ำ ที่ครัวกลาง ที่ชาร์จแบตโทรศัพท์ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้แขกประทับใจในการบริการเรามากขึ้น
และอย่าลืมเอาใจใส่แม้เรื่องเล็กน้อย ถึงจะเป็นโฮสเทลแต่ถ้าเรามีเวลคัมดริ้งค์ น้ำสมุนไพรเย็น ๆ หรือชาดอกไม้ ไว้ต้อนรับลูกค้าตอนเข้าเช็คอิน หรือ good bye drink ให้ลูกค้าประทับใจก่อนกลับ เพื่อให้เค้าไปแนะนำกับคนที่เค้ารู้จักต่อ
5. การโปรโมทธุรกิจโฮสเทล
การโปรโมทเป็นสิ่งจำเป็น ที่บางทีเราก็มองข้าม เพราะเข้าใจว่าแค่ลงรูปที่พักสวย ๆ ก็น่าจะพอ แต่นอกเหนือจากนั้น เราต้องสร้างแรงจูงใจในแขกอยากเข้ามาพักในที่พักเราด้วย เช่น มีการร่วมมือกับแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ หรือพวก activities trip ติดต่อให้มีการับส่งถึงที่พักก็จะสร้างความสะดวก
หรือทางที่พักเราเองก็มี workshop ให้คนเข้ามาเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น สอนวาดภาพสีน้ำมัน สอนการจัดแจกันดอกไม้ สอนเย็บผ้าเบื้องต้น
ยิ่งถ้ามีการโปรโมทงานหรือประเพณีในพื้นที่ ชวนให้แขกเข้ามาร่วมงาน เช่น งานลอยกระทง งานปีใหม่ หรืองานเทศกาลดนตรี ก็จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้มากขึ้นไปอีก
นอกจากจะต้องโปรโมททางช่องทาง Social media เช่น Facebook, Instagram, Tiktok แล้วอย่าลืมลงข้อมูลในพวก Web Agency เช่น booking.com, Agoda, Traveloga และยังมีเว็บทั่วไปที่ไม่ใช่ Agency ให้เราสามารถลงเพื่อเป็นการโปรโมทอีกทาง เช่น workaway, couchsufing, helpex
🐤[ ค่าใช้จ่าย ]
ตัวอย่าง ตึกเก่าเช่า 4 ชั้น ลงทุนรีโนเวท 3,000,000 แบ่งห้องได้ 4 ห้อง ราคาที่พักคืนละ 1,200 บาท
  • ค่าเช่าตึก 40,000 บาท / เดือน
  • ค่าพนักงาน (เป็น Front และดูแลทำความสะอาดที่พัก) 15,000 บาท / เดือน
  • ค่าอุปโภค ค่าน้ำ ค่า ไฟ 10,000 บาท / เดือน
  • ค่าซักผ้า 5,000 บาท / เดือน
  • ค่า WIFI 1,200 บาท / เดือน
  • ค่าอื่น ๆ 5,000 บาท / เดือน
  • ค่าภาษีป้ายและภาษีโรงเรือน 18,000 บาท / ปี
  • ค่า OTA จะต้องหักให้ Online Agency 10-20% 8,000 บาท / เดือน
💰รวม 86,000 บาท / เดือน
🐤[ รายได้ ]
จะแบ่งรายได้ให้เป็น 2 ทางคือ ให้เช่าห้องพักจำนวน 4 ห้อง และด้านล่างให้ร้าน Café มาเช่า
  • ค่าเช่าพักจำนวน 5 ห้อง ให้ OCA (อัตราการเข้าพัก) 60% รายได้ 90,000 บาท/เดือน
  • ค่าเช่าร้าน Café 20,000 บาท / เดือน
💰รวม 110,000 บาท / เดือน
กำไรประมาณ 24,000 บาท / เดือน หรือประมาณ 10 ปีคืนทุน
จะเห็นได้ว่ารายได้เราจะขึ้นกับ OCA เป็นอย่างมาก ถ้าเราสามารถทำให้อัตราการเข้าพักขึ้นไปที่ 80% ได้
 
กำไรเพิ่มเป็น 45,000 บาท / เดือน หรือประมาณ 5 ปีคืนทุน
🐤[ กฎหมายและการขออนุญาต ]
ก่อนเริ่มลงมือรีโนเวทอาคารบ้านพัก ต้องศึกษาเรื่องระยะถอยร่น ขนาดพื้นที่ใช้สอยระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ ความแข็งแรงของโครงสร้างสำหรับการใช้งานของคนจำนวนมาก เพราะข้อบังคับสำหรับบ้านพักอาศัยกับอาคารสาธารณะ
✅การแจ้งสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม
  • 1.
    ต้องมีห้องพักไม่เกิน 4 ห้อง สามารถรับรองลูกค้าได้ครั้งละไม่เกิน 20 คน
  • 2.
    ต้องไม่รับเช่าเป็นรายเดือน
  • 3.
    ต้องทำเพื่อเป็นรายได้เสริม (ต้องแสดงหลักฐานว่าเรามีอาชีพหลักอาชีพอื่นให้เจ้าหน้าที่รัฐรับรอง เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน)
✅เอกสารที่ต้องเตรียม
  • 1.
    ทะเบียนบ้านและสำเนาทะเบียนบ้าน 1 ชุด
  • 2.
    หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่ดิน 1 ชุด
  • 3.
    หลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของอาคาร 1 ชุด
  • 4.
    แผนที่แสดงที่ตั้งของสถานที่พักโดยสังเขป 1 ชุด
  • 5.
    สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชน 1 ชุด
✅ยื่นเอกสาร
  • 1.
    เขตกรุงเทพมหานคร ยื่นคำขอได้ที่ ส่วนรักษาความสงบเรียบร้อย 3 สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง (วังไชยา) ถนนนครสวรรค์ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร โทร 02-3569559
  • 2.
    ต่างจังหวัด ยื่นคำขอได้ที่ ที่ว่าการอำเภอที่สถานที่พักนั้นตั้งอยู่
✅กฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโฮสเทล
  • 1.
    การขอใบอนุญาตขายแอลกอฮอล์และบุหรี่จากกรมสรรพสามิต
  • 2.
    การขอใบอนุญาตจำหน่ายอาหารหรือสะสมอาหารจากเทศบาล
  • 3.
    การขออนุญาตซ่อมแซม ในกรณีที่นำอาคารเก่ามาซ่อมแซมหรือดัดแปลงต้องขอจากเทศบาลเท่านั่น(ไม่สามารถขออนุญาตดัดแปลงอาคารได้ เพราะเทศบาลอนุญาตแค่การซ่อมแซม)
  • 4.
    ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ค่าเช่าห้อง/วัน x จำนวนห้องทั้งหมด x 365 วัน x 8 % = ค่ารายปี
ค่ารายปี x 12.5% = ภาษีโรงเรือนที่ต้องชำระ
🐤[ การวิเคราะห์การแข่งขัน ]
ตลาดที่พักมีคู่แข่งในประเภทเดียวกันเยอะ ทั้งโรงแรม, เกสเฮาส์, Airbnb, Coushsurfing
เราควรศึกษาคู่แข่งเกี่ยวกับ ราคา คุณภาพของโฮสเทล และตัวเลือกที่พักอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันในพื้นที่ อาจคอยเช็คใน Web agency ว่ามีจำนวนการจองเป็นอย่างไร คู่แข่งทำการตลาดและโฆษณาแบบไหน เราแตกต่างและโดดเด่นกว่าโฮสเทลอื่น ๆ ในพื้นที่อย่างไร
พยายามพูดคุยกับลูกค้าที่พักว่า บริการเราดีใหม่ อยากให้ปรับปรุงตรงไหนเพิ่มเติม ที่สำคัญเลยคือการสร้างแบรนด์ รักษาระดับความสะอาด การบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวก
🐤[ ต่อยอด ]
เว็บไซต์ของเราเองก็เป็นอีกช่องทางนึงที่ช่วยเพิ่มรายได้ ทั้งในแง่ของลดค่าคอมมิชชั่นจาก Web agency และยังช่วยสร้างแบรนด์ให้เรามีภาพลักษณ์ที่เป็น Official เพียงเสียค่าโดเมนเว็บไซต์ ใส่ช่องทางติดต่อโดยตรงหาเราได้เลย ถือเป็นอีกช่องทางที่ไม่ควรพลาดนะครับ
ขอให้ทุกคนโชคดี
ติดตามเริ่มใหม่ยังไงก่อนได้ที่
Facebook - เริ่มใหม่ ยังไงก่อน
โฆษณา