8 พ.ย. 2023 เวลา 01:16 • ความคิดเห็น
จิตของคนเรามันไขว่คว้า หากรรม มีอารมณ์ที่อยู่เหนือจิต สั่งให้จิตใช้กาย ไปมีกายวาจาใจ คล้องเวรกรรม ทั้งสิ่งที่มีชีวิตไม่มีชีวิต นำพาเข้ามาสะสมในเรือนกาย เหมือนเอาสีดำ สีม่วง ทาทับลงไปบนพื้น ทาทับทุกวัน นานไปจิตมันก็หนัก ว้าวุ่น ..กายก็หนัก ปวดเมื่อย เจ็บตรงนั้นตรงนี้ เลือดลมในเรือนกายก็เดินไม่ค่อยปกติ ..ยิ่งไปพัวพัน ยุ่งเหยิงกับผู้คนมากมาย ก็ขนอารมณ์ขนกรรมมาทับจิตของตนมากมาย โดยไม่รู้ตัวสิ่งที่ตนเอง สะสมมามีสภาพอย่างไร
คราวนี้ คนที่เค้า สร้างบุญสร้างกุศล ปฏิบัติธรรมขึ้นมาอาศัยรอยทั้งสี่ รอยของพระ กิริยาเดินยืนนั่นนอนของพระ .. เอาของดีๆเข้ามา ไปขจัดสิ่งที่จะเรียกว่า สิ่งที่ใช้ชีวิต มีหูตาจมูกลิ้นกายใจนั้น ไปดึงเอา สีเวรกรรม เข้ามา เรื่องถูกผิดก็เป็นเรื่องราวอารมณ์นึกคิด ..แต่เรื่องกรรมไม่ว่าถูกผิด อย่างไรที่ใช้แต่อารมณ์นึกคิดที่หลงใหลอยู่นั้น มันเป็นสีดำทั้งนั้น เค้าจึงหา วิธีที่สะสางเอาสิ่งที่เป็นสีดำสีม่วงนั้นออกไป ..เพื่อปลดปล่อยอารมณ์ความยึดถือนั้นไป มันเป็นเหมือนกองขยะขนเข้ามาไว้ในกายในจิต..
เรื่องเราที่จะรู้จักเรื่องราวของอารมณ์ ที่เราทำตามอารมณ์ไปขนกองขยะเข้ามาในกายในจิต นั้นมันก็เป็นเสี่ยงทายเหมือนกัน ว่าใครจะเห็นความสำคัญ ในสิ่งที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าชี้ทางไว้ให้ ว่า มาทางนี้ นำกายที่จิตอาศัย มาสร้างบุญกุศลปฏิบัติธรรม ให้จิตเบาบางจากอารมณ์กรรม เบาบางจากทุกข์ ทุกข์กายทุกข์ใจ . ทำให้กายเบาจิตเบา ..กายก็มีสุข จิตก็มีสุข สุขที่ไม่มีอารมณ์กดทับถมจิต .
โฆษณา