8 พ.ย. 2023 เวลา 09:39 • ความคิดเห็น

หรือบางโอกาสไม่ได้มีไว้สำหรับเรา ?? ตอนที่ 1

คุณเคยสังเกตุมั้ยว่า “โอกาส” ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในช่วงชีวิตของคุณ ต่อให้คุณอยากจะคว้ามันไว้มากแค่ไหน ก็ไม่สามารถคว้ามันมาได้ เพราะข้อจำกัดต่างๆของตัวคุณ จึงทำให้คุณไม่สามารถต่อยอดจากโอกาสนั้นได้ วันนี้ “นายสามเหลี่ยม” ขอยกเรื่องราวของบุคคลท่านนึง ที่ในชีวิตที่ผ่านมา เขามีโอกาสมากมาย ที่ผ่านเข้ามาให้เขาได้คว้าเอาไว้ “แต่ก็ต้องผิดหวัง” เพียงเพราะข้อจำกัดบางอย่างของตัวเอง และเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง มันจึงกลายเป็นจุดอ่อนของเขาไปโดยที่ไม่สามารถจะทำอะไรได้ ทำได้แค่เพียงปล่อยโอกาสนั้นลอยจากไป!!
เรื่องราวของชายผู้อับโชค ที่ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ต้องพบเจอกับความผิดหวัง และพบกับทางตันอยู่เสมอ ด้วยข้อจำกัดและสถานะภาพของตัวเขาเองในเวลานั้นๆ ที่ไม่สามารถจะ พาตัวเองไปคว้าโอกาสนั้นได้!! เรามาทำความรู้จักเขาคนนี้กันเลยดีกว่าครับ คุณ ซี (นามสมมุติ) จากนี้ขอแทนตัวเองเป็นคุณ ซี เพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ เพื่อง่ายต่อการถ่ายทอดเรื่องราวของคุณ ซี นะครับ!
ตัวของผมนั้นเกิดมาในครอบครัวที่ค่อนข้างยากจน และ ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง(กรุงเทพฯ) ผมมีเพียงแม่คนเดียวเท่านั้นที่คอยดูแลผมในตอนเด็ก ทุกอย่างมันก็ดูปกติทั่วไปสำหรับครอบครัวที่หาเช้ากินค่ำอย่างครอบครัวผม ซึ่งชีวิตในแต่ละวันนั้นเรียกได้ว่า อดมื้อกินมื้อเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับผม เมื่อผมโตขึ้นมาหน่อย ตอนนั้น ผมเรียนอยู่ ชั้น ป.5 ก็เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตของผมไปตลอดกาล เมื่อแม่ ที่เป็นที่พึ่งเดียวของผม ต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด
และ แน่นอนว่า ผมจะไม่มีคนดูแล และต้องอยู่คนเดียวในห้องเช่าเล็กๆ หลังจากที่แม่ไปได้สัก หนึ่งอาทิตย์ความผิดปกติก็เริ่มขึ้น แม่ของผมได้หายไป หายไปในแบบที่ไม่สามารถติดต่อกันได้ สมัยนั้นที่บ้านไม่มีกำลังมากพอที่จะซื้อโทรศัพท์เอาไว้ติดต่อกัน ข่าวสารทุกอย่างจะถูกส่งต่อผ่านมาทางญาติเท่านั้น ซึ่งตามหลักแล้วควรจะมีข่าวจากแม่ผมหรือไม่ก็ส่งเงินมาให้ผม เพื่อการดำเนินชีวิตของ เด็ก ป.5 คนนึง ตามที่ได้ตกลงกันไว้ วันเวลาผ่านไป ในแต่ละวันที่ผมไม่ได้รับการติดต่อจากแม่ผมอีกเลยนับตั้งแต่วันที่แม่ไป
ทุกคนอาจจะสงสัยว่าผมใช้ชีวิตอยู่ยังไง โดยที่ไม่มีเงินสักบาทเพื่อไว้ใช้ในการดำเนินชีวิต ซึ่งตรงนี้ผมถือว่าเป็นความโชคดีของผม ที่ผมมีเพื่อนเป็นเด็กวัดอยู่คนนึงเมื่อเพื่อนได้รู้เรื่องราวของผมแล้ว จึงได้ไปขอ อนุญาติ หลวงพี่ (พระที่คอยดูแลเพื่อนผมอยู่ในขณะนั้น) เพื่อจะขอให้ผมได้เข้ามาเป็นเด็กวัดและอยู่ในความดูแลของหลวงพี่ ซึ่งตอนแรกพระท่านก็ปฎิเสธ พระท่านให้เหตุผลว่า ต้องให้ผู้ปกครองยินยอมก่อน ซึ่งพอพระท่านได้ฟังเรื่องราวของผม ท่านจึงคิดอยู่ครู่นึง และ ตัดสินใจรับผมเข้ามาเป็นลูกศิษย์ของท่านอีกคนนึง
เรื่องราวต่อจากนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ผมเข้ามาเป็นเด็กวัดแล้ว กิจวัติประจำวันก็ไม่มีอะไรมาก คือ ต้องตื่นตี5 เพื่อไปช่วยพระท่านบิณฑบาต และ เดินทางกลับถึงวัด เกือบๆ8โมงของทุกวัน ซึ่งกว่าจะกินข้าว และเตรียมไปโรงเรียนเสร็จนั้น ก็ปาไป8โมงครึ่ง ซึ่งในตอนนั้นผมต้องเข้าแถวหน้าเสาธงก่อนขึ้นชั้นเรียนทุกวัน เพราะมาสาย และข้ออ้างที่ว่าไปช่วยพระบิณฑบาตตอนเช้า ก็ไม่สามารถเอามาใช้เป็นข้อข้างเพื่อไม่ให้ถูกทำโทษได้ เพื่อความอยู่รอดผมก็จำเป็นต้องทนอยู่ในสภาพนี้ไป จนเรียน จบ ป.6
หลังจากจบ ป.6 ก็ต้องเตรียมตัวเข้า ม.1 ซึ่่งมันจะมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการเข้าเรียน ช่วงแรกๆ อาจารย์ท่านก็ใจดี ปล่อยให้ผมเรียนไปก่อนโดยที่ยังไม่ต้องจ่ายค่าเทอม แต่พอนานไป จนช่วงที่จะเข้าสอบในภาคเรียนที่ 1 นั้นอาจารย์ ก็เริ่มทวงถามถึงค่าเทอมแล้ว ซึ่งในขณะนั้น ผมก็ยังติดต่อแม่ไม่ได้เลย ไม่รู้เลยว่าแม่อยู่ที่ไหน เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่สามารถรู้ได้ และการที่เป็นเด็กวัดก็ใช่ว่าจะมีเงินมากพอ ที่จะมาจ่ายค่าเทอมได้ แค่อาศัยหลับนอนและกินข้าวก้นบาตในแต่ละวัน ก็มากเกินพอแล้ว เรื่องเงินก็ตัดไปได้เลย
หลังจากสอบ และ ปิดเทอมภาคเรียนแรกแล้วนั้น ผมก็พยายามหาวิธีติดต่อแม่ผมทุกทาง แต่ก็ทำได้เพียงสอบถามจากญาติเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้คำตอบอะไร นอกจากคำว่า “ไม่รู้” จนวันเวลาผ่านไป และวันเปิดภาคเรียนที่ 2 ก็มาถึง ซึ่งคำถามแรก จาก อาจารย์ คงหนีไม่พ้นเรื่อง ค่าเทอม!! คำตอบผมก็เหมือนเดิมคือ ติดต่อ ผู้ปกครองยังไม่ได้ จนจุดเปลี่ยนที่ 2 ในชีวิตก็เกิดขึ้น เมื่อทางโรงเรียน ตัดสินใจพักการเรียนของผมเอาไว้ก่อน จนกว่าจะหาเงินมาชำระค่าเทอมได้ ค่อยกลับมาเรียนต่อ และชีวิตผมหลังจากนี้ก็ ต้องเปลี่ยนไป!!
หลังจากถูกพักการเรียน ผมก็เริ่มที่จะมองหางานทำซึ่งในสมัยนั้น ถ้าอายุไม่ถึง 18 ปี จะหางานยากมากๆ ถึงมีก็ไม่มีใครกล้าจ้างมาทำเพราะ กฎหมายใช้แรงงานเด็กค่อนข้างแรงในสมัยนั้น จนวันนึงผมก็ได้งานทำ และ ต้องออกจากการเป็นเด็กวัด เพื่อที่จะไปทำงาน และพักอยู่ที่ทำงานเลย เหตุผลก็เพราะ จะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าเดินทางและค่าเช่าที่พัก ผมตัดสินใจกราบลา “หลวงพี่” และ ต้องออกเดินทางโดยที่มีแค่ เสื้อ2-3ชุด กระเป๋านักเรียนเก่าๆหนึ่งใบ เดินทางไปทำงานที่ได้สมัครไว้!!
และงานที่ผมได้ทำ ก็คงหนีไม่พ้นงานโรงกลึงโรงเหล็ก ในสมัยนั้นมีค่อนข้างเยอะ และหน้างานก็จะต้องคอยคุมเครื่องจักร ตัด พับ กลึง เหล็ก! บอกเลยว่า เป็นงานทึ่ค่อนข้างยากมากๆด้วยประสบการณ์และอายุผมในตอนนั้น ซึ่งไม่มีเลย ตอนนั้นผมทำงานได้ อยู่ 1 อาทิตย์ และรับเงินรายวัน วันละ 150 บาท โดยที่ไม่เสียค่าที่พัก และเรื่องที่ ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!! เมื่อในกลางดึกของคืนนึง เถ้าแก่เจ้าของโรงกลึง ได้วิ่งขึ้นมาปลุกผมและบอกให้ผมรีบเก็บกระเป๋าและรีบออกจากโรงกลึงของแกไป !!!!
เพราะแกบอกว่าตอนนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังลงพื้นที่ตรวจหาแรงงานที่อายุยังไม่ถึง 18 ปี! เพราะมีเพื่อนบ้านไปแจ้งว่า โรงกลึงแห่งนี้ มีการใช้แรงงานเด็กอายุไม่ถึง 18 ปี นั่นก็คือผมนั่นเอง (จะมาหวังดีอะไรตอนนี้) ซึ่งก่อนจะหนีออกมาเถ้าแก่ได้ยัดเงินใส่มือผมมา 200 บาท !บวกกับเงิน เก็บที่ผมทำมา อาทิตย์นึง รวมๆแล้วก็พันกว่าบาท ถามว่าเยอะมั้ยสำหรับผมในตอนนั้นก็ ไม่มากไม่น้อย แต่ปันหาหลังจากนี้คือ ผมจะไปที่ไหนต่อ เพราะผมไม่มีบ้านให้กลับ ผมมานั่ง งงๆ อยู่ที่ป้ายรถเมล์แห่งนึง และก็เผลอหลับไปในตอนนั้น
และ เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มจะแยงตา รวมถึง ผู้คนมากมาย ที่ต่างพากันออกมารอรถเมล์เพื่อเดินทางไปทำงานนั้นทำให้ผมต้องตื่นขึ้นมาท่ามกลางสายตา จากผู้คนที่อยู่ตรงนั้น สายตาแต่ละคู่ก็มองมาด้วยความสงสัย ว่า ไอเด็กคนนี้มันมานอนอะไรตรงนี้!! ทำไมไม่กลับไปนอนที่บ้าน ติดยาหรือป่าว(พวกเขาไม่ได้พูดออกมานะครับ) เพียงแต่ผมมีความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ จากสายตาที่ส่งมา ผมจึงรีบเก็บข้าวของและรีบเดินออกมาจากตรงนั้น โดยไร้จุดหมาย !!
เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป โปรดรอติดตามใน ตอนที่ 2 เร็วๆนี้นะครับ
นายสามเหลี่ยม :)
โฆษณา