13 ม.ค. เวลา 23:10 • ประวัติศาสตร์

‎بِسْمِ اللَّهِ الرَّحْمَـٰنِ الرَّحِيمِ

วันพุธ ที่ 26 เดือนชะอ์บาน ฮ.ศ. 1443 : อ้างอิงวันที่จากเพจประวัติศาสตร์อิสลาม
ท่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูร สุลต่านผู้สร้างยุคทองของโมร็อกโก แห่งราชวงศ์มารินิด
ท่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ บิน อับดุลฮัก์ : أبو يوسف يعقوب بن عبد الحق หรือที่รู้จักกันในชื่อ อัลมันษูร บิลละฮ์ : المنصور بالله
ท่านเป็นสุลต่านลำดับ 3 ของราชวงศ์มารินิด (الدولة المرينية) บิดาของท่านคือ ท่านอบู ยะกูบอ์ ยูซุฟ (أبو يعقوب يوسف)
สุลต่านแห่งอาณาจักรมารินิด อบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูร เป็นที่รู้จักในนามสุลต่าน "อัลมันษูร บิลละฮ์" เพราะเขาไม่เคยพ่ายแพ้และธงของท่านก็ไม่เคยลดลง
ท่านสุลต่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูร เคยบุกข้ามไปยังอันดาลูเซียถึง 4 ครั้ง และด้วยทักษะความเป็นผู้นำของท่านสามารถชะลอการล่มสลายของอาณาจักรอิสลามในอันดาลูเซียได้เป็นเวลาเกือบสองศตวรรษ
เนื่องจากท่านสุลต่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูร มาจากชนพื้นเมืองเบอร์เบอร์บานีมาเรียน (بني مرين) ที่เป็นชนพื้นเมืองกลุ่มใหญ่ในภูมิภาคทางตะวันตกประเทศโมร็อกโก
ในปี ฮ.ศ. 601 ได้เกิดความขัดแย้งกันระหว่างชนพื้นเมืองเบอร์เบอร์บานีมาเรียน กับชนพื้นเมืองเบอร์เบอร์บานี อับดุลวาด์ (بني عبدالواد) และชนพื้นเมืองเบอร์เบอร์บานี วาสีน (بني واسين)
ทำให้กลุ่มชนของท่านต้องอพยพย้ายถิ่นฐานและตั้งหลักแหล่งบริเวณใกล้แม่น้ำมัลวียะห์ (ملوية) ซึ่งอยู่ระหว่างโมร็อกโกและทะเลทรายซาฮาราและพวกเขาอยู่ที่นั้นจนถึงปี ฮ.ศ. 610
และหลังจากอาณาจักรอัลมูฮะดียะห์ (الدولة الموحدية : อาณาจักรอัลโมฮัด) ได้พ่ายแพ้ต่อพวกคริสเตียนกัสติเรียนเมื่อปี ฮ.ศ. 609
ทำให้ชนพื้นเมืองบานี มาเรียนของท่านสุลต่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูร มองเห็นสภาพบ้านเมืองที่โกลาหลวุ่นวายของอาณาจักรอัลมูฮะดียะห์ และในช่วงเวลานั้น ท่านอับดุลฮัก์ (عبدالحق) ได้ถือโอกาสก่อตั้งอาณาจักรมารินิดขึ้นมา จนถึงท่านอบูบักร บิน อับดุลฮัก์ (أبو بكر بن عبدالحق) ผู้ที่สามารถเอาชนะอาณาจักรอัลมูฮะดียะห์ และยึดครองเมืองฟาสได้ในปี ฮ.ศ. 648 (‎فاس : เมืองแฟ็ส อยู่ในประเทศโมร็อกโก)
หลังจากที่ท่านอบูบักร บิน อับดุลฮัก์เสียชีวิต บุตรชายของท่านคือ ท่านอุมัร บิน อบูบักร (عمر بن أبو بكر) ได้ขึ้นมาปกครองแทน แต่เจ้าเมืองและชาวเมืองส่วนใหญ่ในอาณาจักรไม่ชอบใจและเห็นชอบให้ท่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ รับตำแหน่งผู้ปกครองอาณาจักรนี้แทน
ในปี ฮ.ศ. 656 ท่านอุมัรได้ยกตำแหน่งผู้ปกครองอาณาจักรมารินิดให้ท่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูร เป็นผู้ปกครองอาณาจักรแห่งนี้แทนเพราะเห็นว่า ท่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูร เหมาะสมกว่าตน
และเมื่อท่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูรได้ขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรแห่งนี้ ท่านได้พยายามอย่างมากในการรวบรวมดินแดนเพื่อสร้างอาณาจักรให้มีเสถียรภาพและจำเป็นต้องควบรวมดินแดนของอาณาจักรอัลมูฮะดียะห์มาไว้ใต้การปกครองของท่าน ยกเว้นมุรอกาช์ : مراكش : เมืองหลวงของอาณาจักรอัลมูฮะดียะห์
ในปี ฮ.ศ. 674 ท่านสุลต่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูร ได้สร้างเมืองชื่อว่า อัลบัยเดาะอ์ : البيضاء (ปัจจุบันอยู่ในประเทศลิเบียทางตะวันออก) ได้ก่อตั้งเมืองฟาส : فاس (เมืองแฟ็ส อยู่ในประเทศโมร็อกโก) เป็นเมืองหลวงของอาณาจักร และต่อมาได้กลายเป็นศูนย์กลางของด้านวิทยาศาสตร์และการพาณิชย์
ท่านสุลต่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูร ยังได้สร้างกำแพงบริเวณชายแดนในด้านตะวันออกของอาณาจักรเพื่อกำหนดเขตแดนกับอาณาจักรอิสลามบานูซัยยาน : بنو زيان
ในปี ฮ.ศ. 663 ท่านอิดริส อัลวาซิก (إدريس الواثق) แม่ทัพของท่านกาหริบอัชชารีฟ อัลมัรตะดีย์ (الشريف المرتضى : กาหริบแห่งอาณาจักรอัลมูฮะดียะห์) ได้เข้ามาขอกองทัพต่อท่านสุลต่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ โดยรับประกันว่าเมืองมุรอกาช์จะถูกพิชิต ด้วยจากผู้คนในเมืองและทหารต่างอยู่ใต้การบังคับบัญชาของเขา และตกลงกันว่า “เมืองมุรอกาช์ จะอยู่ภายใต้การการปกครองของทั้งสองฝ่าย”
ด้วยข้อตกลงนี้ ท่านสุลต่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูรได้มอบทหารให้แก่ท่านอิดริส อัลวาซิก จำนวน 1,000 คน
เมื่อท่านอิดริส อัลวาซิก ได้เดินทัพเข้าเมืองมุรอกาช์ ทำให้ท่านกาหริบอัชชารีฟ อัลมัรตะดีย์ต้องลี้ภัยไปยังเมืองอัสมูร (أزمور) และต่อมาได้ถูกส่งมาให้ท่านอิดริส อัลวาซิก
เมื่อท่านอิดริส อัลวาซิก ได้เข้ามาในเมืองมุรอกาช์ และสามารถยึดอำนาจได้สำเร็จ เขาก็ได้ละเมิดข้อตกลงที่ได้ให้ไว้กับท่านสุลต่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูร และประกาศตัวเองเป็นกาหริบปกครองอาณาจักรอัลมูฮะดียะห์
ในปี ฮ.ศ. 666 ท่านสุลต่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูร ได้จัดเตรียมกองทัพเพื่อบุกเมืองมุรอกาช์และได้ปิดล้อมเมืองไว้ ทำให้ท่านอิดริส อัลวาซิก ได้ส่งสาร์นขอความช่วยเหลือไปยังท่านญักมะรอสัน บิน ซัยยาน (يغمراسن بن زيان : ผู้ก่อตั้งอาณาจักรบานูซัยยาน)
และท่านญักมะรอสัน บิน ซัยยาน ได้ส่งกองทัพมาโจมตีเขตชานเมืองด้านตะวันออกของอาณาจักรมารินิด เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของท่านสุลต่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ ให้มาป้องกันชายแดน
ในปี ฮ.ศ. 667 ท่านอิดริส อัลวาซิก ได้ยกกองทัพขนาดใหญ่มาบุกอาณาจักรมารินิดและก่อเกิดสงครามที่รุนแรงขึ้นระหว่างทั้งสองทัพ
ผลของสงครามจบลงด้วย ท่านอิดริส อัลวาซิกต้องจบชีวิตในสนามรบ และนี่คือจุดสิ้นสุดของอาณาจักรอัลมูฮะดียะห์ในโมร็อกโก หลังจากนั้นอีกครึ่งศตวรรษอาณาจักรมารินิดได้ควบคุมภูมิภาค Maghreb ทั้งหมด
ในปี ฮ.ศ. 667 ท่านสุลต่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูร ได้ยกกองทัพไปทำสงครามกับท่านญักมะรอสัน บิน ซัยยาน ที่สมรภูมิเมืองตะลาก (تلاغ : ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศแอลจีเรีย)
และผลของสงครามจบลงด้วย ท่านญักมะรอสัน บิน ซัยยาน พ่ายแพ้ และท่านอุมัร บิน ญักมะรอสัน สิ้นชีพในสนามรบ
ในปี ฮ.ศ. 670 ท่านสุลต่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูร ได้จัดเตรียมกองทัพและยกไปยังเมืองตัลมิซาน (تلمسان) แต่มีเหตุการณ์จากท่านสุลต่านอิบน์ อัลอะห์มัร แห่งกรานาดาในอันดาลูเซียได้เข้ามาขอความช่วยป้องกันการรุกรานจากพวกคริสเตียนกัสติเรียนเสียก่อน
ดังนั้น ท่านสุลต่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูร ได้ปรึกษากับเจ้าเมืองต่างๆภายในอาณาจักรมารินิดเพื่อแจ้งให้ทราบถึงเหตุการณ์ในอันดาลูเซีย
และท่านสุลต่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูร ได้ทำการเจรจาสันติภาพกับอาณาจักรบานูซัยยาน แต่ท่านญักมะรอสัน บิน ซัยยาน ได้กล่าวว่า “จะไม่มีสันติภาพระหว่างฉันกับเขา และฝ่ายนึงฝ่ายใดต้องพินาศในสงคราม”
เมื่อการเจรจาสันติภาพไม่สำเร็จ สงครามระหว่างทั้งสองอาณาจักรก็เกิดขึ้น และผลของสงครามจบด้วยความพ่ายแพ้และเสียหายอย่างหนักของท่านญักมะรอสัน บิน ซัยยาน และจำเป็นต้องลี้ภัยไปที่เมืองอื่น
จากนั้น ท่านสุลต่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูร ได้ยกทัพไปเมืองซับตะฮ์ และท่านอบู กอซิม อัลอิสฟีย์ (أبو قاسم العزفي) ได้ยอมจำนน แล้วเดินทัพต่อไปยังเมืองสะจัลมาสะฮ์ (سجلماسة : เป็นเมืองในประเทศโมร็อกโกยุคกลาง) ได้ล้อมเมืองไว้และสามารถพิชิตได้ในปี ฮ.ศ. 673 ด้วยการพิชิตเมืองสะจัลมาสะฮ์ ท่านสุลต่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูรได้พิชิตโมร็อกโกทั้งหมด
ในปี ฮ.ศ. 674 ท่านสุลต่านอบู ยูซุฟ ยะอ์กูบ อัลมันษูร ได้ส่งหลานชายของท่านคือ ท่านตาชีฟีน บิน อัลอะมีร อับดุลวาฮิด (تاشفين بن الأمير عبدالواحد) ไปยังอาณาจักรบานูซัยยานเพื่อเจรจาสันติภาพ และการเจรจาครั้งนี้ ท่านญักมะรอสัน บิน ซัยยานได้ตอบรับสันติภาพ
( มีต่อวันอังคาร ที่ 16 มกราคม ฝากติดตามด้วยครับ )
โฆษณา