22 ม.ค. เวลา 23:10 • ประวัติศาสตร์

‎بِسْمِ اللَّهِ الرَّحْمَـٰنِ الرَّحِيمِ

วันพุธ ที่ 12 เดือนชะอ์บาน ฮ.ศ. 1443 : อ้างอิงวันที่จากเพจประวัติศาสตร์อิสลาม
ท่านอับดุรรอฮ์มาน อัลเอาษัต์ ผู้ฟื้นฟูศิลปวิทยาทางวัฒนธรรม และอารยธรรม แห่งราชวงศ์อุมัยยะห์ในอันดาลูเซีย
ท่านอาบู อัล-มุตตอริฟ อับดุรรอฮ์มาน บิน ฮากัม : أبو المُطَرِّف عبد الرحمن بن الحكم : หรือที่รู้จักกันในชื่อ อับดุรรอฮ์มาน อัลเอาษัต์ : عبد الرحمن الأوسط
ท่านอับดุรรอฮ์มาน อัลเอาษัต์ ท่านเกิดในเดือนชะอ์บาน ปี ฮ.ศ. 176 ที่เมืองโทเลโด ประเทศสเปน
ท่านเป็นสุลต่านลำดับที่ 04 ของราชวงศ์อุมัยยะห์ แห่งอาณาจักรอันดาลูเซีย บิดาของท่านคือ ท่านสุลต่านอัลฮากัม อิบน์ ฮิชาม
ในวันที่ 11 เดือนซุลฮิจยะห์ ฮ.ศ. 206 ท่านสุลต่านอัลฮากัม อิบน์ ฮิชาม ป่วยหนักและมีอาการแย่ลง ท่านสุลต่านอัลฮากัมได้ให้ท่านอับดุรรอฮ์มานเข้ามาให้คำมั่นที่จะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งสุลต่านปกครองอาณาจักรอันดาลูเซียในวันที่ 27 เดือนซุลฮิจยะห์ ฮ.ศ. 206 (ค.ศ.822)
ในช่วงปี ฮ.ศ. 207 - ฮ.ศ. 237 ในช่วงยุคสมัยของท่านสุลต่านอับดุรรอฮ์มาน อัลเอาษัต์ ได้มีกลุ่มกบฏและการจลาจลต่างๆ เช่น ในปี ฮ.ศ. 207 กลุ่มกบฏที่นำชาวคริสต์ (อัลซิมมียีน : الذميين) ในเมืองคอร์โดบา ที่ต้องการใช้มรณสักขีให้หวนกลับมาใช้อีกครั้ง
ในปี ฮ.ศ. 207 ได้มีเหตุการณ์สู้รบกันเองภายในอาณาจักรระหว่างกลุ่มชนอัลมัดรียะห์ (المضرية) สู้รบกับกลุ่มชนยามานียะห์ (اليمانية) ในเมืองทัดมีร (تدمير : ปัจจุบันอยู่ในเมืองมูร์เซีย ประเทศสเปน)
ในปี ฮ.ศ. 211 มีกลุ่มกบฏในเมืองตากัรนา (تاكرنا)
ในปี ฮ.ศ. 216 มีกลุ่มกบฏนำโดยฮาชิม บิน อัลดุรอบ (هاشم الضراب) ในเมืองโทเลโด และยังมีฝ่ายต่อต้านอำนาจการปกครองของราชวงศ์อุมัยยะห์ที่คอยให้การสนับสนุนด้านต่างๆที่อยู่ในเมืองอัลซัค อัลเอาษัต (الثغر الأوسط : ติดพรมแดนอาณาจักรอัสตูเรียส)
ในปี ฮ.ศ. 220 เกิดกลุ่มกบฏมีผู้นำคือ สุลัยมาน บิน มัรรอตัยห์ (سليمان بن مرتين) ในเมืองมารีดะห์ (ماردة : อยู่ทางตะวันตกของประเทศสเปน)
ในปี ฮ.ศ. 232 ท่านสุลต่านอับดุรรอฮ์มาน อัลเอาษัต์ ได้นำกองทัพพร้อมกับลูกชายของท่านคือ ท่านมูฮัมหมัด บิน อับดุรรอฮ์มาน ไปยังเมืองตาตีละห์ (تطيلة : อยู่ในจังหวัดนาวาร์ ประเทศสเปน) เพื่อไปปราบกบฏที่นำโดยท่านมูซา บิน มูซา (موسى بن موسى) ที่เป็นพันธมิตรกับพวกอัลบัชกันส์ (البشكنس : พวกบาสก์ในตอนเหนือและตอนกลางของประเทศสเปน)
ในปี ฮ.ศ. 235 ท่านมูซา บิน มูซา ได้ก่อกบฏขึ้นอีกครั้ง
ในปี ฮ.ศ. 236 มีกลุ่มกบฏที่นำโดย ฮาบีบ อัลบารอนซี (حبيب البرنسي) ในเมืองอัลจาซีเราะฮ์ อัลคุดเราะอ์ (الجزيرة الخضراء : ในจังหวัดกาดิซ ประเทศสเปน)
ในปี ฮ.ศ. 237 ได้มีชายผู้นึงจากตะวันออกของอาณาจักรอันดาลูเซีย ได้ทำการสั่งสอนผู้คนโดยอ้างว่าเป็นโองการจากคัมภีร์อัลกุรอาน ทั้งยังตีความโองการจากคัมภีร์อัลกุรอานผิดเพี้ยน แต่ก็มีผู้คนมากมายได้ติดตามเขา และในบรรดาคำสอนเขานั้นคือ ห้ามตัดผมและตัดเล็บ
ซึ่งเหตุการณ์การก่อกบฏ ,การจลาจล และเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น ถูกท่านสุลต่าลอับดุราอฮ์มาน อัลเอาษัต์ ได้ส่งกองทัพเข้าปราบปรามได้สำเร็จทั้งหมด
ยังมีเหตุการณ์ฝูงตั้กแตนเข้าทำลายพืชผลทางเกษตรในปี ฮ.ศ. 207 ทำให้เกิดความอดอยากไปทั่วอาณาจักร และยังภัยแล้งขั้นรุนแรงในปี ฮ.ศ. 232 จนทำให้พลเมืองในอาณาจักรแทบสิ้นหวัง
แต่ก็ได้ท่านสุลต่านอับดุรรอฮ์มาน อัลเอาษัต์ ช่วยเหลือบระเทาทุกข์พลเมืองภายในอาณาจักรจนสามารถผ่านพ้นวิกฤตเหล่านี้ไปได้ด้วยดี
ในปี ฮ.ศ. 208 ท่านสุลต่านอับดุลรอฮ์มาน อัลเอาษัต์ ได้เปิดศึกบุกยึดเมืองอัลบา และแคว้นกัสติยา โดยให้ท่านอับดุลการีม อิบน์ อับดุลวาฮิด อิบน์ มุกิซ (عبد الكريم بن عبد الواحد بن مغيث) เป็นผู้นำกองทัพ เพื่อเป็นการตอบโต้กษัตริย์อัลฟองโซ ที่ 2 แห่งอาณาจักรอัสตูรียาส์ (أستورياس) ที่เข้ามาบุกโจมตีเมืองเซเลม (مدينة سالم) และสามารถบุกยึดคืนกลับมาได้
และท่านสุลต่านอับดุรรอฮ์มาน อัลเอาษัต์ ยังส่งกองทัพที่นำโดยท่านอุบัยดิลละฮ์ บิน อับดุลลอฮ์ อัล-บาลันซี (عبيد الله بن عبد الله البلنسي) ไปโจมตีเมืองบาร์เซโลน่า แต่ไม่สามารถพิชิตเมืองได้
ในช่วง ฮ.ศ. 223 - ฮ.ศ. 228 ท่านสุลต่านอับดุลรอฮ์มาน อัลเอาษัต์ ได้ระดมกองทัพเพื่อบุกยึดเมืองกาลีเซีย (جليقية) ซึ่งบางส่วนของเมืองกาลีเซียก่อนหน้านั้นอยู่ภายใต้การปกครองของท่านสุลต่านอับดุรรอฮ์มาน อัลเอาษัต์
ในปี ฮ.ศ. 229 ได้มีข่าวจากเมืองลิสบอน (อยู่ในประเทศโปรตุเกสในปัจจุบัน) มาถึงท่านสุลต่านอับดุรรอฮ์มาน อัลเอาษัต์ มีเรือจากจากพวกไวกิ้งชาวนอร์มัน (อยู่ตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส) จำนวน 54 ลำมาทอดสมออยู่ที่ลิสบอนและบุกโจมตีเมือง แต่ชาวเมืองป้องกันและขับไล่พวกไวกิ้งชาวนอร์มันออกไปได้
ในปี ฮ.ศ. 230 พวกไวกิ้งชาวนอร์มันมาพร้อมกับเรือ 80 ลำ และเข้าบุกโจมตีและยึดครองเมืองลิสบอน จากนั้นก็บุกยึดเมืองกาดิซ ,เมืองฟัชซูนะห์ (فشذونة) แล้วก็เมืองเซบียา ซ้ำยังสังหารผู้คนในเมืองที่ยึดครองจำนวนมาก
เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านสุลต่านอับดุรรอฮ์มาน อัลเอาษัต์ ได้ระดมกองทัพเพื่อตอบโต้โดยมีท่านอีซา บิน ชาฮีด (عيسى بن شهيد) และได้ส่งกองทัพสนับสนุนที่นำโดยท่านนัสร์ อัลคอษีย์ (نصر الخصي) และต้องใช้เวลา 42 วัน ถึงจะสามารถเอาชนะและขับไล่พวกไวกิ้งนอร์มันออกไปได้
หลังจากขับไล่พวกไวกิ้งนอร์มัน ท่านสุลต่านอับดุรรอฮ์มาน อัลเอาษัต์ ได้จัดกองทัพไปโจมตีเมืองลียง (อยู่ในประเทศฝรั่งเศส) โดยมีท่านมูฮัมหมัด บิน อับดุรรอฮ์มาน นำกองทัพ ทำให้ชาวเมืองลียงต้องหลบหนีออกไปจากเมือง
ในปี ฮ.ศ. 232 วิลเลียมส์ เคานต์แห่งตูลูส ได้มาขอสวามิภักดิ์ต่อท่านสุลต่านอับดุรรอฮ์มาน อัลเอาษัต์ เพื่อขอให้ช่วยต่อต้านจักรพรรดิโรมัน Charles II le Chauve ซึ่งท่านสุลต่านอับดุรรอฮ์มาน อัลเอาษัต์ได้จัดกองทัพและช่วยเหลือด้านต่างๆแก่เขา
จนวิลเลียมส์ เคานต์แห่งตูลูสสามารถเอาชนะจักรพรรดิโรมันและยังสามารถยึดเมืองบางเมืองของจักรวรรดิโรมันได้อีกด้วย
ในปี ฮ.ศ. 234 ท่านสุลต่านอับดุรรอฮ์มาน อัลเอาษัต์ ได้จัดกองทัพเรือจำนวนกว่า 300 ลำ เพื่อโจมตีเกาะมายอร์ก้าและเกาะเมนอร์ก้าที่ละเมิดพันธสัญญาและโจมตีเรือสินค้าของมุสลิม และสามารถสร้างความเสียหายให้กับพวกเขาอย่างหนัก
ในปี ฮ.ศ. 237 พวก Gascogne (ภูมิภาคด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส) ได้เข้ามาก่อกวนทางด้านภาคเหนือของอาณาจักรอันดาลูเซีย
ท่านมูซา บิน มูซา บิน กิสซีย์ (موسى بن موسى بن قسي) ได้ยกกองทัพไปประจัญหน้ากับพวกเขาที่เมืองอัลบัยดะห์ (البيضاء) ผลการสู้รบคือ พวก Gascogne ประสบกับความพ่ายแพ้เสียหายอย่างหนัก
ในปี ฮ.ศ. 238 ท่านสุลต่านอาบู อัล-มุตตอริฟ อับดุลรอฮ์มาน บิน ฮากัม ได้เสียชีวิตในวัย 62 ปีตามฮิจเราะห์ศักราช และท่านมูฮัมหมัด บิน อับดุลรอฮ์มาน ได้ขึ้นมาเป็นสุลต่านปกครองอาณาจักรอันดาลูเซีย ลำดับที่ 05
ขอยกอัลกุรอาน มากล่าวไว้ ณ ที่นี้ สัก 1 อายะห์ ความว่า :
فَإِذَا لَقِيتُمُ ٱلَّذِينَ كَفَرُوا۟ فَضَرْبَ ٱلرِّقَابِ حَتَّىٰٓ إِذَآ أَثْخَنتُمُوهُمْ فَشُدُّوا۟ ٱلْوَثَاقَ فَإِمَّا مَنًّۢا بَعْدُ وَإِمَّا فِدَآءً حَتَّىٰ تَضَعَ ٱلْحَرْبُ أَوْزَارَهَا ۚ ذَٰلِكَ وَلَوْ يَشَآءُ ٱللَّهُ لَٱنتَصَرَ مِنْهُمْ وَلَـٰكِن لِّيَبْلُوَا۟ بَعْضَكُم بِبَعْضٍۢ ۗ وَٱلَّذِينَ قُتِلُوا۟ فِى سَبِيلِ ٱللَّهِ فَلَن يُضِلَّ أَعْمَـٰلَهُمْ
และเมื่อพวกเจ้าพบบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาก็จงฟันที่คอ จนกระทั่งเมื่อพวกเจ้าปราบพวกเขาจนแพ้แล้ว ก็จงจับพวกเขาเป็นเชลย หลังจากนั้นจะปล่อยเป็นไทหรือจะเรียกเอาค่าไถ่ก็ได้ จนกระทั่งการทำสงครามได้สิ้นสุดลงด้วยการวางอาวุธ เช่นนั้นแหละ และหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์แน่นอน พระองค์จะทรงตอบแทนการลงโทษพวกเขา แต่ทั้งนี้เพื่อพระองค์จะทรงทดสอบบางคนในหมู่พวกเจ้ากับอีกบางคน ส่วนบรรดาผู้ที่ถูกฆ่าตายในทางของอัลลอฮฺ พระองค์จะไม่ทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผลเป็นอันขาด
ซูเราะห์มูฮัมหมัด อายะห์ที่ 04
โฆษณา