بِسْمِ اللَّهِ الرَّحْمَـٰنِ الرَّحِيمِ
วันพุธ ที่ 09 เดือนยะมาดิ้ลอาเคร ฮ.ศ. 1443 : อ้างอิงวันที่จากเพจประวัติศาสตร์อิสลาม
ท่านสุลต่านอัลป์ อัสลาน ผู้บุกเบิกแผ่นดินอนาโตเลีย
ท่านมูฮัมหมัด บิน ดาวูด ชากรี : ท่านถิอกำเนิดประมาณปี ฮ.ศ. 420 (ค.ศ. 1030) เป็นบุตรชายของท่านชากรี เบค ( Chaghri Beg ) เป็นหลานชายของท่านสุลต่านตูกริล ผู้ก่อตั้งอาณาจักรเซลจูค และท่านสุลต่านมูฮัมหมัดเป็นสุต่านท่านที่ 2 ของอาณาจักรเซลจูค
ท่านสุลต่านมูฮัมหมัด ท่านได้ขยายอาณาเขตของจักรวรรดิเซลจูคออกไปอย่างมากและรวมให้เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งทิศตะวันตกเฉียงเหนือและทางทิศใต้
โดยเฉพาะชัยชนะของท่านสุลต่านมูฮัมหมัดที่มีชัยเหนือจักรพรรดิโรมานอส ที่ 4 แห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ ในสมรภูมิมานซิเคิร์ต ( Battle of Manzikert) ในปี ฮ.ศ. 463 (ค.ศ.1071) บริเวณแม่น้ำมูรัตทางเหนือของทะเลสาบแวน (Lake Van)
ในสมรภูมิมานซิเคิร์ต จักรพรรดิโรมานอฟ ที่ 4 ได้นำทัพ 30,000 คนมาด้วยตัวเอง และให้ อูร์เชล เดอ ไบอูล (Ursel de Baieul) เป็นกองทัพหน้ามาก่อน
ทั้งสองทัพมาปะทะกันที่มานซิเคิร์ต โดยทหารของคูมันเติร์ก (Cuman Turks) ได้แปรพักตร์ไปเข้ากับกองทัพของท่านสุลต่านมูฮัมหมัดทันที
เมื่อเป็นเช่นนั้น ทหารพวกแฟงค์ และนอร์มัน ที่นำโดยแอนโดรนิคอส ดูคัส (Andronikos Doukas) ได้ก็ขี่ม้าออกไปและไม่มีส่วนร่วมใดๆในสนามรบ
พูดให้ถูกคือ จักรพรรดิโรมานอฟถูกทรยศ
ด้วยสาเหตุนี้ กองทัพที่เหลือของจักรวรรดิไบแซนไทน์ถูกทำลายอย่างย่อยยับในศึกครั้งนี้
และจักรพรรดิโรมานอฟ ที่ 4 ถูกจับเป็นเชลย
โดยท่านสุลต่านมูฮัมหมัดได้ปฏิบัติต่อจักรพรรดิโรมานอฟด้วยความเอื้ออาทร และมีการตกลงกันในสัญญาสันติภาพ
และได้มีบทสนทนาที่เล่าขานสืบต่อกันมาระหว่างท่านสุลต่านมูฮัมหมัดกับจักรพรรดิโรมานอฟ ที่ 4 ว่า..
ท่านสุลต่านมูฮัมหมัด ถามว่า : “ท่านจะทำอย่างไร ถ้าฉันถูกพาตัวไปเป็นนักโทษ”
จักรพรรดิโรมานอฟ ตอบว่า : “บางทีฉันอาจจะสังหารท่าน หรือแห่ประจานท่านไปตามท้องถนนในกรุงคอนสแตนตินโนเปิล”
ท่านสุลต่านมูฮัมหมัด ได้ตอบกลับว่า : “การลงโทษของฉันหนักกว่ามาก โดยที่ฉันจะยกโทษให้ท่าน และปล่อยท่านให้เป็นอิสระ”
จากชัยชนะในสมรภูมิมานซิเคิร์ต นี่เองได้นำไปสู่การตั้งถิ่นฐานของชาวตูร์โกมาน (Turkoman) ในอนาโตเลีย
นอกจาก ชัยชนะที่ได้ดินแดนเพิ่มขึ้นในศึกครั้งนี้แล้ว
นี่ก็เป็นจุดเริ่มของการเสื่อมถอยของจักรวรรดิไบแซนไทน์ และยังเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามครูเสดในเวลาต่อมา
ท่านมูฮัมหมัด บิน ดาวูด ชากรี ท่านได้ขึ้นเป็นสุลต่านเมื่อปี ฮ.ศ. 454 ( ค.ศ.1063) แทนที่ท่านสุลต่านทูกริล ที่เสียชีวิตในปีนั้น
ท่านสุลต่านมูฮัมหมัด ท่านชำนาญในเรื่องการทหาร แต่เรื่องกิจการบ้านเมือง
ท่านจะมอบหน้าที่นี้ให้กับท่านนิซาม อัล-มุลค์ (Nizam al-Mulk) ท่านนิซามได้บริหารบ้านเมืองโดยใช้การเกษตรและการเก็บภาษีจากพ่อค้าต่างแดนในการหล่อเลี้ยงอาณาจักร
ในปี ฮ.ศ. 464 (ค.ศ.1072) ท่านสุลต่านมูฮัมหมัดก็ได้จัดกองทัพเพื่อไปพิชิตเติร์กสถาน ซึ่งที่ตั้งของบรรพบุรุษของท่านนั้นเอง
ด้วยกองทัพอันเกรียงไกรของท่านสุลต่านมูฮัมหมัด ท่านได้สั่งเคลื่อนทัพข้ามแม่น้ำอะมู ดาร์ยา (Oxus) และจะต้องเข้ายึดครองป้อมปราการบางแห่งด้วยกำลังกองทัพ
1 ในนั้นได้รับการป้องกันอย่างเข็มแข็งจากชาวเคิร์ดที่มีผู้นำชื่อว่า ยูซุฟ อัลควาเรซมี
ท่านสุลต่านมูฮัมหมัดได้ยึดป้อมปราการได้สำเร็จโดยใช้เวลาหลายวัน และท่านสุลต่านได้ให้สัญญาว่า “จะให้กรรมสิทธิ์ ให้พวกเขาปกครองต่อไป”
แต่ผู้นำการต่อต้านคือ ยูซุฟ อัลควาเรสมีนั้น ท่านสุลต่านมูฮัมหมัดได้สั่งให้ประหารโดยการยิงธนู
แต่ ยูซุฟ อัลควาเรสมี นั้นได้ขัดขืนและชิงดาบของทหารที่เข้ากุมตัว และได้นำดาบมาลอบสังหารท่านสุลต่านมูฮัมหมัดจนบาดเจ็บสาหัส
4 วันต่อมา ท่านสุลต่านมูฮัมหมัด บิน ดาวูด ชากรีได้เสียชีวิตประมาณปีฮ.ศ. 464 (ค.ศ. 1072) ตอนอายุ 42 ปีและท่านถูกนำไปฝังที่เมิร์ฟ ใกล้กับเมืองแมรี่ ในประเทศเติร์กเมนิสถานในปัจจุบัน
โดยให้ท่านมาลิก ชาร์ เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งสุลต่าน ด้วยวัยเพียง 18 ปี
ท่านสุลต่านมูฮัมหมัด บิน ดาวูด ชากรีได้รับการยกย่องว่า “ท่านเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดอีกท่านนึงในประวัติศาสตร์อิสลาม เนื่องจากความเป็นรัฐบุรุษและการตัดสินใจที่เด็ดขาดและรวดเร็ว”
และสำหรับความกล้าหาญและทักษะการรบของท่านสุลต่านมูฮัมหมัดนั้น ต่อมาท่านได้รับสมญานามว่า “Alp Arslan” แปลไทยได้ความหมายว่า “หัวใจสิงห์”
ขอยกอัลกุรอาน มากล่าวไว้ ณ ที่นี้ สัก 1 อายะห์ ความว่า :
يَوْمَ يَجْمَعُكُمْ لِيَوْمِ الْجَمْعِ ۖ ذَٰلِكَ يَوْمُ التَّغَابُنِ ۗ وَمَن يُؤْمِن بِاللَّهِ وَيَعْمَلْ صَالِحًا يُكَفِّرْ عَنْهُ سَيِّئَاتِهِ وَيُدْخِلْهُ جَنَّاتٍ تَجْرِي مِن تَحْتِهَا الْأَنْهَارُ خَالِدِينَ فِيهَا أَبَدًا ۚ ذَٰلِكَ الْفَوْزُ الْعَظِيمُ
วันที่พระองค์จะทรงรวบรวมพวกเจ้า เพื่อวันแห่งการชุมนุม นั่นคือวันแห่งชัยชนะและขาดทุน
ส่วนผู้ได้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และกระทำความดี พระองค์จะทรงลบล้างความชั่วทั้งหลายของเขาออกไปจากเขา
และจะทรงให้เขาเข้าสวนสวรรค์หลากหลาย ณ เบื้องล่างของสวนสวรรค์นั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่านพวกเขาเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดการ นั่นคือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
ซูเราะห์อัตตะฆอบุน อายะห์ที่ 09
ข้อมูลจาก : https://en.m.wikipedia.org/wiki/Alp_Arslan
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
